จับสัญญาณ “คปท.” Vs “ตำรวจ” เคลื่อนเกมล่าบนดิน-ใต้ดิน
"พอออกพื้นที่ชุมนุมก่อนถึงแยกนางเลิ้งมีรถ ประกบเข้ามา 2 คัน เรารู้สึกผิดสังเกตจึงให้คนขับรถเร่งความเร็ว รถคันดังกล่าวเร่งความเร็วตามเหมือนกัน พอพ้นนางเลิ้งข้ามสะพานมาแยกอุรุพงษ์รถติดไฟแดง รถคันนั้นจะเข้าประกบ"
ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะกันระหว่าง “เครือข่ายนักศึกษา ประชาชนปฏิรูปประเทศ” (คปท.) กับ “เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2556 เหมือนเป็นชนวนทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญหน้ากันมากขึ้น
ทั้งการเผชิญหน้าทั้งทางเปิดเผยและทางลับ ฝั่งหนึ่งเดินหน้าไล่ล่า อีกฝั่งตั้งรับรอสวนกลับ
จึงไม่แปลกที่ปรากฎคำสั่งของ “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” ผบ.ตร. ในฐานผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.ศอ.รส.) สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษ ประกอบไปด้วย นเรศวร 261 อรินทราช 26 สยบริปูสะท้าน และสยบไพรี จับกลุ่มแกนนำทุกกลุ่มผู้ชุมนุม ให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 2 มกราคม 2557
โดยพุ่งเป้าไปที่ “แกนนำคปท.” เพราะในการชุมนุมที่จะมีการปะทะกับ “เจ้าหน้าที่ตำรวจ” เป็น “คปท.” ที่มีบทบาทมากกว่า “กปปส.” ที่นำโดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ”
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org จึงรวบรวมเหตุการณ์ที่ “คปท.” โดน “ศอ.รส.” จับกุมตามคำสั่งของ “พล.ต.อ.อดุลย์” ทั้งที่จับกุมได้และจับกุมไม่ได้
วันที่ 30 ธันวาคม ตำรวจได้นำกำลังจับตัว “พิชิต ชัยมงคล” หรือ ตั้ม “โฆษกคปท.” ระหว่างที่ “พิชิต” ทำธุระส่วนตัวอยู่ที่ห้างซีคอนสแควร์โดยในหมายจับระบุว่า “พิชิต” มีความผิดจากการนำพวกบุก “กระทรวงการต่างประเทศ”
อย่างไรก็ตามในวันที่ 31 ธันวาคม “สุวัฒน์ อภัยวงศ์” ทนายความ ได้ยื่นศาลขอประกันตัว “พิชิต” แม้ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” (ดีเอสไอ) จะคัดค้านการประกันตัว แต่ศาลให้ประกันตัวในวงเงิน 1 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขห้าม “พิชิต” ปลุกปั้นยุยงอีก
ด้าน “นิติธร ล้ำเหลือ” ที่ปรึกษาคปท. ได้บรรยายฉากที่โดนไล่ล่าเอาไว้ด้วย โดยแฟนเพจของ “สุเทพ” นำมาโพสต์ไว้ โดย “นิติธร” ระบุว่า พอออกพื้นที่ชุมนุมก่อนถึงแยกนางเลิ้งมีรถประกบเข้ามา 2 คัน เรารู้สึกผิดสังเกตจึงให้คนขับรถเร่งความเร็ว รถคันดังกล่าวเร่งความเร็วตามเหมือนกัน พอพ้นนางเลิ้งข้ามสะพานมาแยกอุรุพงษ์รถติดไฟแดง รถคันนั้นจะเข้าประกบ
“ผมจึงให้คนขับฝ่าไฟแดงไปเลย พอพ้นข้ามแยกมาก็มีรถมาประกบเพิ่ม ขับไล่กันไปถึงแยกราชเทวี เลี้ยวซ้ายก่อนถึงรถไฟฟ้าพญาไท รถกระบะแซงขวาขึ้นมาปาดหน้าและมีชายฉกรรจ์หลายคนใช้อาวุธปืนประเภทเอ็มโฟร์ ติดลำกล้อง มีคุณสมบัติเก็บเสียง ปาดหน้ารถเรา จึงให้คนขับรถฉีกออกขวา ก็ยังมีรถเก๋งอีกคันมาปิดหน้า จึงให้ฉีกขวาอีกเพื่อยูเทิร์นรถกลับทันที รถเก๋งจะวิ่งตามแต่พอดีมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างวิ่งมาชนจึงไม่สามารถตามได้ทัน แต่คนที่กระโดดลงจากกระบะวิ่งข้ามเกาะกลางถนนมายืนเอาอาวุธปืนเล็งมาที่เรา ผมบอกให้ขับฝ่าขึ้นไปไม่ต้องจอดอะไรทั้งสิ้น และตีกลับเข้าทางเดิมมาถึงพื้นที่ชุมนุม”
ทั้งนี้ภายหลังเกิดเหตุผมได้ให้น้องในพื้นที่ไปเสาะหาความจริงเพิ่มเติม และได้ทราบว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ชนเข้ากับรถเก๋งได้ถูกต่อยทำร้ายและพาขึ้นรถกระบะไป มีการปิดตาและไปปล่อยตัวที่ถนนเส้นบางบัวทอง - สุพรรณ โดยให้เงิน 500 บาท สั่งไม่ให้พูดอะไร
นอกจากนี้ในช่วงสัปดาห์สิ้นปี 2556 บรรดา “การ์ทคปท.” ยังโดนโจมตีในช่วงกลางดึกหลายครั้ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไป 3 คน และบาดเจ็บอีกหลายคน
นี่คือสัญญาณของฉากไล่ล่าที่โผล่ขึ้นมาเล่นงานกันทั้งบนดิน-ใต้ดิน สร้างภาพหวาดระแวง-ความสูญเสีย ก่อนจะถึงวัน “ปิดกทม.”
ภาพจาก www.posttoday.com