พัฒนาการของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ในปี 2556
ตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2554 จวบจนประกาศยุบสภาวันที่ 9 ธันวาคม นับอายุ “รัฐบาล” ภายใต้การนำของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” รวม 2 ปี 4 เดือน
เป็น 2 ปี 4 เดือน ที่ “ยิ่งลักษณ์” ยืนอยู่บนจุดสูงสุด เหมือนยิ่งสูง “ยิ่งลักษณ์” ก็ยิ่งหนาว เพราะทุกสายตาของคนไทยทั้งประเทศ จับจ้องไปที่การทำงานของเธอ
ทว่าเพราะไม่ได้เกิดมาเป็นบอร์นทูบีทางการเมือง ก้าวแรกของ “นายกฯ 49 วัน” จึงถูกมองว่าเป็น “มือใหม่หัดขับ” โดยมี “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และบรรดาขุนพลเซียนการเมือง “เครือข่ายชินวัตร” เป็นติวเตอร์ชั้นยอด คอยแบ็คอัพข้อมูลขั้นดีอยู่เบื้องหลัง
ในช่วงขวบปีแรก “ยิ่งลักษณ์” ถูกค่อนคอตว่าเป็น “นายกฯติดโพย” ยามที่ต้องแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์มักจะมีการท่องโพย-ถือโพย คอยอ่านตามที่ “กุนซือ” จดมาให้-คิดมาให้
ซึ่งในทางเปิดเผยปรากฏชื่อ “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นคนคอย “ร่างโพย” ให้ “ยิ่งลักษณ์”
ด้วยความที่เป็นนักการเมืองมือใหม่ “ยิ่งลักษณ์” จึงออกลูกพลาดหลายครั้ง โดยเฉพาะการพูดผิด อาทิ คอ-นก-รีต (คอนกรีต) จังหวัดหาดใหญ่ (อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา) หญ้าแฟก (หญ้าแพรก) เป็นต้น
ภาพจำของ “ยิ่งลักษณ์” จึงถูกมองในด้านลบมายิ่งขึ้น และเป็นภาพจำที่ติดตัวไปอีกนาน ที่สำคัญทำให้ “ฝั่งตรงข้าม” นำไปล้อเลียนเย้ยหยันได้ตลอดเวลา
“ยิ่งลักษณ์” เคยเปิดใจพูดกับ “ผู้สื่อข่าว” ถึงเหตุผลว่าทำไมถึง “พูดผิด” ว่า เป็นเพราะตื่นเต้น เพราะมีกล้องโทรทัศน์จำนวนมาก แต่หากพูดคุยหลังไมค์-หลังกล้อง แล้ว “ยิ่งลักษณ์” ถือว่าพูดได้ไหลลื่นคนนึง
นอกจากนี้การทำงานในขวบปีแรกของ “ยิ่งลักษณ์” มักถูกมองว่า ไม่ได้คิดเอง ไม่ได้ทำเอง เพราะโครงการต่างๆของรัฐบาล ถูกจำกัดอยู่ภายใต้สโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
นโยบายต่างๆ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เป็นต้น “ยิ่งลักษณ์” ทำหน้าที่เหมือนเสมียนเท่านั้น
@ ก้าวที่พัฒนาของ “ยิ่งลักษณ์”
แต่เมื่อ “ยิ่งลักษณ์” นำพารัฐบาลเพื่อไทย ก้าวเข้าสู่การบริหารประเทศในขวบปีที่ 2 บทบาทของ “ยิ่งลักษณ์” พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน
“ยิ่งลักษณ์” ลบจุดอ่อนจากการเป็น “นักการเมืองมือใหม่” ได้พอสมควร การพูดจาปราศรัย การอ่านสคริปต์ การให้สัมภาษณ์ เริ่มมีการสอดแทรกคีย์เวิล์ดทางการเมือง ให้บรรดาเซียนการเมืองได้ขบคิดว่า “ยิ่งลักษณ์” คิดอะไรอยู่
ที่สำคัญสามารถลบข้อครหานายกฯจอมพูดผิดลงไปได้มาก นั่นเพราะ “ยิ่งลักษณ์” ชินกับการให้สัมภาษณ์ “สื่อมวลชน” ต่อหน้ากล้องโทรทัศน์มากขึ้น
ส่วนสคริปต์ที่รู้กันว่า “สุรนันทน์” เป็นคนร่างให้อ่าน แต่ระยะหลังเป็น “ยิ่งลักษณ์” ที่มักจะชอบนำสคริปต์มาแก้ไขเอง โดยจะถกเถียงกับ “สุรนันทน์” ในบางเวิล์ดดริ้ง และจะมี “พิชิต ชื่นบาน” คอยมาดูแลสคริปต์บางช่วงบางตอนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ยกตัวอย่างประกาศของ “ยิ่งลักษณ์” ที่ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมถอยไม่พิจารณา “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” อีก ว่ากันว่า “ยิ่งลักษณ์” เป็นคนร่างเองกับมือ ก่อนจะนำมาให้ “สุรนันทน์-พิชิต” ช่วยดูขัดเกลาอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ “ยิ่งลักษณ์” ยังมีบทบาทอย่างสูงในการกำหนดวาระทางการเมืองในยามภาวะวิกฤตของรัฐบาล แม้จะเป็นที่รู้กันว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ” จะเสียงดังกว่าในการกำหนดวาระทางการเมือง แต่ต้องยอมรับว่า เสียงเล็กๆของ “ยิ่งลักษณ์” สามารถยับยั้ง “พ.ต.ท.ทักษิณ” ได้
เช่น การตัดสินใจถอยไม่เดินหน้า “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” เพราะรู้ดีว่าจะทำให้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำได้ ถือว่า “ยิ่งลักษณ์” ถอยเร็วแล้ว แต่ไม่สามารถหยุดยั้งกระแสต้านได้ กลับกันหากเป็น “พ.ต.ท.ทักษิณ” ตามสไตล์การทำงานแล้ว ต้องสู้ให้ถึงที่สุดก่อน หากไปไม่ได้ถึงจะถอย
จังหวะก้าวในการตัดสินใจ “ยุบสภา” เมื่อ “กปปส.” ที่นำโดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ประกาศเคลื่อนทัพระดมพลครั้งใหญ่ในวันที่ 9 ธันวาคม “ยิ่งลักษณ์” ตัดสินใจแก้เกมกลับด้วยการประกาศ “ยุบสภา” ในช่วงเช้าวันที่ 9 ธันวาคม เช่นกัน
ว่ากันว่าการตัดสินใจของ “ยุบสภา” ทำให้ “สุเทพ” อยู่ในอาการผิดคิวพอสมควร แต่ไม่มีใครรู้ว่าผิดคิวอย่างไร เพราะ “ยุบสภา” เสียก่อน
และแน่นอนท่าทีของ “กองทัพ” ที่ยังดูอ่อนนุ่มมาถึงทุกวันนี้ เป็นเพราะ “ยิ่งลักษณ์” ใช้หลักความอ่อนโยนเข้ามาบริหารจัดการ นับตั้งแต่เข้ามานั่ง “รมว.กลาโหม” ภาพความสัมพันธ์กับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา” ผบ.ทบ. มีแต่ด้านบวก
จน “ฝั่งตรงข้าม” เริ่มนำมาเป็นประเด็นโจมตี “บิ๊กตู่” เสียเอง
แต่ในที่สุดพัฒนาการของ “ยิ่งลักษณ์” ก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อทนต่อกระแสต้าน “ระบอบทักษิณ” ไม่ไหว ต้องถอยร่นไปนับหนึ่งเริ่มต้นเกมแย่งอำนาจกันใหม่
ทั้งหมดคือจุดอ่อน-จุดแข็ง-พัฒนาการ ของ “ยิ่งลักษณ์” ผู้ได้ชื่อว่าเป็น “นายกฯหญิง” คนแรกของประเทศไทย
ภาพจาก www.hiclasssociety.com