นายกฯน้ำตาคลอ!ยันปกป้องประชาธิปไตย
"ยิ่งลักษณ์"ให้สัมภาษณ์น้ำตาคลอเบ้าไม่ใช่คู่ดีเบตกับ"สุเทพ" เชิญกปปส.ดีเบตในเวทีสาธารณะกลางดีกว่า ย้ำมีหน้าที่ปกป้องระบอบประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากแขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3 จ.เชียงใหม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ท้าดีเบตเรื่องการปฏิรูปประเทศว่า ในความเป็นจริงตนคงไม่ใช่คู่ดีเบตกับนายสุเทพ เพราะเวทีที่เสนอนั้นเป็นเพียงข้อเสนอที่จะรับฟังข้อคิดเห็นและถือเป็นเวทีสาธารณะ อยากให้มีการดีเบตในเวทีสาธารณะมากกว่า
"และถ้าจะให้ดีก็อยากเชิญ กปปส.มาดีเบตในสภาปฏิรูป เพราะถือเป็นเวทีสาธารณะกลางมากกว่า"นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่านายสุเทพ ระบุคณะกรรมการ 8 คนเป็นคนที่นายกฯควบคุมสั่งการได้ สุดท้ายเป็นระบอบทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในข้อเสนอคณะกรรมการทั้ง 11 คนนั้นเป็นเพียงผู้ที่จะบอกว่าสัดส่วนใน 2,000 คนนั้นประกอบด้วยใครบ้าง คณะกรรมการชุดนี้ไม่มีหน้าที่ที่จะกำหนดว่าจะเป็นใครบ้าง เพียงแต่ให้เกิดความแน่ใจว่าในกลุ่มที่จะเข้ามาเพื่อคัดเลือกใน 2,000 คนแรกนั้นมีการกระจายในทุกกลุ่ม และในทุกสาขาอาชีพเท่านั้น และในทุกสาขาอาชีพต้องเสนอตนเองเข้ามาเพื่ออาสาที่จะเป็นผู้แทนในเวทีสภาปฏิรูปประเทศและการเลือกก็ไม่ใช่ทั้ง 11 คน แต่ 2,000 คนนั้นจะเป็นผู้เลอกคณะที่เข้ามาทำงานในสภาปฏิรูปฯจำนวน 499 คน ทั้งหมดจะไม่เกี่ยวข้องกับ 11 คนแรกที่ได้พูดถึง
"ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเวทีนี้เป็นเวทีสาธารณะจริงๆ ทางเจ้าหน้าที่มีหน้าที่อำนวยความสะดวกเท่านั้นเพื่อให้เกิดกลไกและดำเนินการ ส่วนการคัดเลือกจะขึ้นอยู่กับผู้เสนอตัวเข้ามาสมัคร ซึ่งจะเป็นตัวแทนของแต่ละกลุ่ม เช่น สาขาอาชีพของอุตสาหกรรม ทางกลุ่มอุตสาหกรรมต้องคัดกันเข้ามาว่าใครจะเป็นตัวแทนที่จะเข้ามา ฉะนั้น ทั้ง 11 คนไม่สามารถไปเลือกคนที่มาเป็นสภาปฏิรูปฯได้เลย" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่ามั่นใจว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดเช่นนั้น เป็นเพียงข้อเสนอที่พร้อมจะรับฟังเพราะถ้าเราไม่มีข้อเสนอตั้งต้น เป็นกรอบโครงก็จะไม่สามารถผลักดันให้ไปสู่แนวทางปฏิบัติได้ เพราะเราได้รับฟังข้อคิดเห็นจากหลายคนและหลายเวที ยังไม่มีแผนลงลึกที่จะปฏิบัติจึงเสนอแนวทางดังกล่าวขึ้นมาและยินดีที่จะรับฟัง และถ้าแผนดังกล่าวเห็นชอบได้เร็ว เราก็สามารถประกาศได้เร็ว แต่ถ้ายังมีข้อคิดเห็นที่แตกต่างกัน เราต้องฟังไปเรื่อยๆ วันนี้เราอยากให้ประเทศมีทางออก และเกิดความสบายใจแก่ทุกฝ่าย เพราะในส่วนนี้แม้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็สามารถต่อได้ หรือจะปรับเปลี่ยนก็ทำได้อยู่ วันนี้เราทำได้เต็มที่ในช่วงที่อยู่ จนกว่าจะมีรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าสถานการณ์วันนี้ในกรุงเทพฯเริ่มมีการใช้กระสุนจริง โดยเจ้าหน้าที่ถูกยิงและกลุ่มกปปส.ไปปิดล้อมบ้านของนายกฯที่ซอยโยธินพัฒนา 3 จะเพิ่มหรือขยายพื้นที่ในส่วนของพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จากมติครม.เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีเพียงการขยายเวลา ส่วนพื้นที่ยังเป็นไปตามเดิม ส่วนขั้นตอนต่างๆนั้น ต้องให้เจ้าหน้าที่พิจารณา แต่ยืนยันว่าทุกอย่างได้เน้นย้ำและสั่งการเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่าให้ดำเนินการตามหลักสากลและตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
เมื่อถามว่าสถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้นถึงขนาดใช้อาวุธจริง จะเกิดความวุ่นวายมากขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการและพิสูจน์ข้อเท็จจริง ทั้งหมดขอเรียนว่าตำรวจได้ทำหน้าที่ตามขั้นตอน รัฐบาลไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น อยากขอร้องทุกฝ่าย การทำงานทั้งหมดเจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความอดทน วันนี้ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกันก่อน และจะมีการชี้แจงจากศอ.รส.อย่างเป็นทางการ เมื่อถามว่าเป็นห่วงท่าทีของ กกต.บางคนหรือไม่ที่อาจทำให้สถานการณ์ยืดเยื้ออกไป น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์อะไรได้ แต่ด้วยหน้าที่ของแต่ละคนแล้ว จะต้องทราบบทบาทของตนเองว่ามีควรมีบทบาทอย่างไร วางตัวเป็นกลางอย่างไรและต้องปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเองอย่างไร
เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าในช่วงหาเสียงจะเกิดเหตุรุนแรงและวุ่นวายต่อเนื่อง นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากเห็นภาพและสถานการณ์เช่นนั้น ก็ต้องขอความร่วมมือและขอร้องว่าสถานการณ์เราอยู่อย่างนี้มา 2 เดือนกว่าแล้ว เราเจ็บปวดกันมามาก ไม่อยากให้มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น ขอให้ทุกคนทำตามหน้าที่ของตนเองและปฏิบัติตามข้อกฎหมาย เมื่อถามว่าสถานการณ์เช่นนี้ยังมั่นใจในกระบวนการเลือกตั้งหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ผ่านขั้นตอนไปทีละขั้นก่อนดีหรือไม่ ทั้งหมดเราต้องยึดหลักข้อกติกาและกฎหมายกำหนด ที่ผ่านมาเราเข้าใจและเห็นใจข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ขอร้องกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยว่าในส่วนของรัฐบาลเพราะได้พยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ข้อเรียกร้องบางอย่างไม่รู้จะปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร วันนี้จึงเสนอเวทีสภาปฏิรูปประเทศออกมาแล้ว ถ้ามีความเห็นไม่ตรงกันก็น่ามาพูดคุยกัน แต่เราไม่สามารถรับข้อเสอนของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ไม่ฟังส่วนรวม จึงต้องเป็นหน้าที่ของเวทีสาธารณะที่ต้องมานั่งพูดคุยกัน อยากขอเชิญชวนผู้ชุมนุมมาใช้เวทีดังกล่าวเพื่อหาทางออก
เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายคิดว่าข้อเสนอต่างๆของรัฐบาลมักจะสายเกินไป นายกฯ กล่าวว่า อยู่ที่คนมองและคิด ที่ผ่านมารัฐบาลทำอย่างเต็มที่ จะถามว่าสายหรือไม่สาย คงตอบไม่ได้แต่สิ่งที่ตนพูดคือเราพยายามอย่างเต็มที่และต้องการเห็นทางออกจริงๆ ถ้ามัวแต่คิดว่าสายหรือไม่สาย ก็จะกลายเป็นว่ามันไม่จบ วันนี้เราดูตามเหตุการณ์และรับฟังจากทุกฝ่าย รัฐบาลไม่ได้อยากจะออกไป แต่หากมีเวทีที่สามารถสรุปกันได้ เราก็ยินดีอยู่แล้ว เมื่อถามว่าดูเหมือนขณะนี้นายกฯจะอัดอั้นกับสถานการณ์การเมือง คิดว่าจะประคับประคองตนเองได้นานแค่ไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ที่จะต้องทำ เราต้องประคับประคองอย่างดีที่สุด และหน้าที่ที่ต้องประคับประคอบภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เราต้องพยายามทำอย่างดีที่สุดและทำอย่างละมุนละม่อม
เมื่อถามย้ำว่าคิดว่าวันนี้ช้ำไปทั้งตัวแล้วหรือยังกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและตาแดงๆมีน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อยว่า "คงไม่ต้องถามความรู้สึกตัวเองอีกแล้ว วันนี้ได้เลยความรู้สึกของตัวเองไปแล้ว วันนี้เรามีหน้าที่ปกป้องระบอบประชาธิปไตย เรามีหน้าที่ประคับประคองให้ประเทศหาทางออกและเดินไปข้างหน้าได้ ถึงแม้ว่าถ้าเราเทียบเหมือนถนน เราเห็นถนนที่ขรุขระมีขวากหนาม แต่ยังดีกว่าที่จะเราจะเลี่ยงถนนที่เรามีอยู่เส้นเดียวที่ต้องเดินแล้วไปเดินในป่า ซึ่งไม่รู้ว่าตรงนั้นจะเป็นทางลัดหรือเป็นอะไร"
จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีที่พรคเพื่อไทยจับเบอร์ผู้สมัครส.ส.ได้เบอร์15 โดยเดินเลี่ยงออกจากวงสัมภาษณ์ทันที