ทีมงานฮัสซันไม่ยืนยัน BRN เอี่ยวบึ้มสะเดา แนวร่วมให้น้ำหนักปมขัดผลประโยชน์
แม้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจและทหาร ได้สรุปเบื้องต้นตรงกันไปแล้วว่า เหตุระเบิด 3 จุดที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา น่าจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแผ่อิทธิพลออกไปนอกพื้นที่ที่เป็นปัญหาอยู่เดิม คือ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้กับ 4 อำเภอของ จ.สงขลาก็ตาม
ทว่าท่าทีของกลุ่มเคลื่อนไหว หรือ "จูแว" ซึ่งหมายถึงนักสู้เพื่อปลดปล่อยปัตตานี ทั้งที่อยู่ในและนอกประเทศ ทั้งที่ใช้อาวุธและไม่ใช่อาวุธ กลับเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มเคลื่อนไหวที่นำโดยบีอาร์เอ็น
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) ให้สัมภาษณ์ว่าตำรวจให้น้ำหนักเรื่องความมั่นคงมากกว่าเรื่องการขัดผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจเถื่อนในพื้นที่ สอดคล้องกับ นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (ผบก.ภ.จว.สงขลา) ที่สันนิษฐานเบื้องต้นว่าเหตุรุนแรงทั้ง 3 จุดดังกล่าว น่าจะเป็นฝีมือของอาร์เคเครุ่นใหม่จากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา
ขณะที่ พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ก็ออกมาแถลงความคืบหน้าของคดีว่า เหตุระเบิดจุดที่ 3 คือ คาร์บอมบ์บริเวณโรงแรมโอลิเวอร์ บ้านด่านนอก อ.สะเดา นั้น รถกระบะที่คนร้ายใช้เป็นคาร์บอมบ์ คือรถที่คนร้ายปล้นมาจากเหตุฆ่าหมู่ 5 ศพชาวบ้านหาปูเปี้ยว ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา จึงเชื่อว่าเหตุคาร์บอมบ์น่าจะเกี่ยวโยงกับการสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แน่ และยังระบุด้วยว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มของ นายเสรี แวมามุ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ฆ่า 5 ศพชาวบ้านหาปูเปี้ยว
คนใกล้ชิดฮัสซันไม่ยืนยัน BRN เอี่ยว
จากการตรวจสอบไปยังคนใกล้ของ นายฮัสซัน ตอยิบ หัวหน้าคณะพูดคุยสันติภาพฝ่ายบีอาร์เอ็น ที่เคยร่วมพูดคุยกับรัฐบาลไทย ได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเหตุรุนแรงที่ อ.สะเดา เกี่ยวข้องกับบีอาร์เอ็นหรือไม่ และขณะนี้เป็นการยากที่จะให้ข้อมูล เนื่องจากคำแถลงผ่านเว็บไซต์ YouTube ของบีอาร์เอ็นล่าสุดเมื่อต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ห้ามไม่ให้สมาชิกสื่อสารกับบุคคลภายนอก
สำหรับคนใกล้ชิดของนายฮัสซันรายนี้ เป็นหนึ่งในกลุ่มเคลื่อนไหวต่อสู้กับรัฐไทยที่เรียกตัวเองว่า "จูแว" โดยเคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศ และเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังโต๊ะพูดคุยสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับบีอาร์เอ็นด้วย
แนวร่วมในพื้นที่เชื่อขัดผลประโยชน์
ด้านแกนนำระดับปฏิบัติในพื้นที่ จ.ปัตตานี วัย 42 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มเคลื่อนไหว มองว่า เป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนจะขยายพื้นที่ปฏิบัติการ เพราะกลุ่มที่มีอุดมการณ์เหลือน้อยมากในปัจจุบัน
"ผมเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อแย่งชิงพื้นที่สื่อจากบางฝ่าย ทุกคนก็รู้ว่าปัญหาการเมืองกำลังร้อนแรง และเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ก็เกิดจากอิทธิพลของการเมืองเยอะที่สุด รองลงมาคือยาเสพติด ส่วนกลุ่มที่มีอุดมการณ์เหลือน้อยลงทุกวัน ฉะนั้นเมื่อกลุ่มอุดมการณ์มีน้อยจนเกือบหมดแล้ว คนพวกนี้จะสามารถขยายพื้นที่ปฏิบัติการได้อย่างไร และเป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มที่มีอุดมการณ์จะไปก่อเหตุโดยไม่มีเป้าหมาย"
แกนนำระดับปฏิบัติรายนี้ อธิบายว่า ทุกครั้งที่มีการก่อเหตุรุนแรงจำนวนมาก มักเกิดจากแรงกดดันบางอย่างเสมอ แต่ อ.สะเดา ที่เกิดเหตุล่าสุดไม่ได้อยู่ในบัญชีที่ขบวนการจะขยายพื้นที่ และไม่ได้มีแรงกดดันอะไร (เช่น การถูกปิดล้อมตรวจค้นหรือวิสามัญฆาตกรรมสมาชิกขบวนการโดยเจ้าหน้าที่รัฐ) จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปก่อเหตุ แต่สิ่งที่น่าสังเกตมากกว่าคือ อ.สะเดา เป็นพื้นที่ที่มีผลประโยชน์มากมายของคนมีสี ประกอบกับการเมืองร้อนแรง จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเกิดระเบิดมากกว่าเรื่องการก่อความไม่สงบ
"พอเหตุเกิดแล้ว เพื่อให้ง่ายต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก็โยนใส่กลุ่มสร้างสถานการณ์ความไม่สงบเสียเลย อะไรๆ ก็โยนเข้าในกล่องนี้ ชาวบ้านตาดำๆ ถูกยิง ถูกเก็บ หรือถูกกระทำเพราะเรื่องอะไรก็ไม่มีการพิสูจน์ เกิดเหตุไม่ถึงชั่วโมงเจ้าหน้าที่ก็สามารถสรุปออกมาก่อนได้เลยว่าเป็นเรื่องของกลุ่มก่อความไม่สงบ นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน"
"ผมอยากอธิบายง่ายๆ ว่า ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดจากกลุ่มอุดมการณ์จริงๆ ก็แปลว่า 10 ปีของสถานการณ์ไฟใต้ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถไล่ตามกลุ่มที่ก่อเหตุได้เลย พวกนี้พัฒนาการไปมากกว่า แต่นั่นย่อมสวนทางกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่บอกว่า ในพื้นที่สามจังหวัดตอนนี้กลุ่มขบวนการมีน้อยลง ชาวบ้านเข้าใจต่อปัญหามากขึ้น แต่พอเกิดเหตุรนแรงกลับอ้างว่าเป็นผลงานของกลุ่มขบวนการตลอด ซึ่งมันไม่เป็นเหตุเป็นผลกัน ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งของเถื่อน น้ำมันเถื่อน และธุรกิจผิดกฎหมาย โดยมีปมการเมืองรวมอยู่ด้วย" แกนนำระดับปฏิบัติรายนี้ กล่าว
โยนบาปขบวนการ...ง่ายดี
ด้านแกนนำสายความคิดที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.ยะลา กล่าวว่า ที่ผ่านมาการจำกัดพื้นที่ของกลุ่มผู้ก่อการมีมากขึ้น จะทำอะไรก็ลำบากกว่าสมัยก่อน เพราะมีเจ้าหน้าที่เต็มบ้านเต็มเมือง หันไปทางไหนก็มีกำลังเจ้าหน้าที่อยู่เต็มไปหมด จึงเป็นไปได้ยากที่จะสามารถนำระเบิดไปก่อเหตุนอกพื้นที่ได้ นอกเสียจากว่าเจ้าหน้าที่ทำกันเองเพราะไปขัดขากัน ทับเส้นกัน แบ่งผลประโยชน์กันไม่ลงตัว
"ที่ผ่านมาหลายครั้งมีการโยนบาปให้กับกลุ่มขบวนการ แต่ถ้าดูแล้วไม่ลงตัวก็จะบอกว่าเป็นเรื่องสวนตัว แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ตัวคนทำ คนที่ทำก็ลอยนวล เหตุการณ์ครั้งนี้ก็เช่นกัน เชื่อว่าผ่านไปไม่นานก็เงียบ ชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บรัฐก็เยียวยาไป พอเกิดเหตุการณ์ใหม่อีกก็โยนใส่กลุ่มขบวนการอีก ผมมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่ อ.สะเดา เกิดจากการขัดผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับกลุ่มขบวนการในพื้นที่ และไม่มีประโยชน์อะไรที่กลุ่มขบวนการจะไปสร้างสถานการณ์นอกพื้นที่สามจังหวัดด้วย" แกนนำรายนี้ ระบุ
นับเป็นข้อมูลที่สะท้อนความเชื่ออีกด้านหนึ่งอย่างน่าสนใจ เป็นด้านที่ตรงข้ามกับรัฐ ซึ่งรัฐต้องเร่งแก้ไขหากต้องการสถาปนาสันติสุขในดินแดนให้ยั่งยืน
-------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เหตุระเบิดที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อ 22 ธ.ค.2556