ทักษิณ ชินวัตร:รัฐบาลหุ่นเชิดวอลล์สตรีท?
"..รัฐบาลปัจจุบันของประเทศไทยนั้นอยู่ใต้อำนาจการบริหารอย่างเปิดเผยของผู้ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกแล้ว 2 ปี คือ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งกำลังกบดานอยู่ต่างประเทศและบริหารประเทศผ่านน้องสาวของตนเองคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และผ่านกลไกทางการเมืองขนาดใหญ่ของเขาอันได้แก่ “พรรคเพื่อไทย” (พท) พท. มีทัพหนุนในรูปแบบของม็อบที่ใส่เสื้อสีแดง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกลุ่มว่า “พวกเสื้อแดง”.."
หมายเหตุ เป็นบทความชื่อ “ขุดรากถอนโคนรัฐบาลหุ่นเชิดของวอลล์สตรีทในประเทศไทย”เขียนโดย โทนี่ คาร์ตาลุชชี่ จาก: http://landdestroyer.blogspot.com/2013/11/thailand-uprooting-wall-streets-proxy.html (เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556) สำนักข่าวอิศรา เห็นว่า เป็นมุมมองมองที่แตกต่างจากนักข่าวตะวันตกโดยทั่วไปและยังเชื่อมโยงทุนของกลุ่มชินวัตรกับทุนของบรรษัทข้ามชาติที่อยู่ในตลาดวอลล์สตรีทและลอนดอน
---
26 พ.ย. 2556 การชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่กว่าครั้งใดที่เคยมีมาก่อนได้เกิดขึ้นในกรุงเทพมาหลายสัปดาห์แล้ว ในบางครั้งจำนวนผู้ชุมนุมพุ่งขึ้นไปถึงหลายแสนคน โดยตัวเลขโดยประมาณมีอยู่ระหว่างหนึ่งแสนถึงสี่แสนคนในช่วงที่คนมามากที่สุด ทำให้การชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยในยุคนี้
ภาพประกอบ: ภาพต่าง ๆ จากทั่วกรุงเทพแสดงให้เห็นกลุ่มคนเป็นจำนวนมากประท้วงรัฐบาลปัจจุบันในประเทศไทย กลุ่มผู้ชุมนุมนี้ต่างจากม็อบ “เสื้อแดง” ของรัฐบาลที่ได้รับการสั่งการโดยทักษิณ ชินวัตร ในแง่ที่กลุ่มผู้ชุมนุมนี้เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่นำโดยกลุ่มแกนนำและกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย ตั้งแต่สหภาพแรงงานไปจนพรรคการเมืองและคนดังในแวดวงสี่อต่าง ๆ จำนวนผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในขณะนี้มีมากมายมหาศาลจนเกินความสามารถใด ๆ ของทักษิณและกลไกทางการเมืองของเขาที่จะพยายามจัดม็อบสนับสนุนฝ่ายตนมาเทียบได้ ในขณะนี้ กลุ่ม “เสื้อแดง” ไม่สามารถแม้แต่จะจัดตั้งม็อบให้ได้เต็มถึงเศษหนึ่งส่วนสี่ของสนามกีฬาที่อยู่ไม่ไกลออกไป ทั้งนี้ความพยายามในการจัดตั้งม็อบต่อต้านผู้ประท้วงรัฐบาลสองครั้งก่อนหน้านี้ก็ต้องถูกยกเลิกไปด้วยเพราะไม่สามารถจัดได้สำเร็จ
การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนี้มีเป้าหมายเพื่อขับไล่รัฐบาลปัจจุบันออกไปภายหลังที่รัฐบาลได้ปฏิเสธที่จะยอมรับคำวินิจฉัยของศาลที่ว่า ความพยายามของรัฐบาลที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
รัฐบาลปัจจุบันของประเทศไทยนั้นอยู่ใต้อำนาจการบริหารอย่างเปิดเผยของผู้ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกแล้ว 2 ปี คือ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งกำลังกบดานอยู่ต่างประเทศและบริหารประเทศผ่านน้องสาวของตนเองคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และผ่านกลไกทางการเมืองขนาดใหญ่ของเขาอันได้แก่ “พรรคเพื่อไทย” (พท) พท. มีทัพหนุนในรูปแบบของม็อบที่ใส่เสื้อสีแดง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกลุ่มว่า “พวกเสื้อแดง” นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากเอ็นจีโอที่ได้รับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศอีกจำนวนมากมายหลายกลุ่มและยังมีกลุ่มนักโฆษณาชวนเชื่ออีกด้วย
ในขณะที่เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวที่ตรงไปตรงมาและน่าจะปิดคดีลงได้แล้วในเรื่องของความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลปัจจุบัน แต่ประเทศตะวันตกต่าง ๆ กลับเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาล “เคารพกฎหมาย” และยังประณามกลุ่มผู้ประท้วงที่เข้ายึดอาคารของกระทรวงต่าง ๆ อีกด้วย
เพราะเหตุใดชาติตะวันตกจึงออกโรงปกป้องรัฐบาลปัจจุบันของประเทศไทยทั้ง ๆ ที่ได้ให้การสนับสนุนการประท้วงต่อต้านรัฐบาลรอบโลกที่ชาติตะวันตกอ้างว่ามีการคอร์รัปชั่นกันอย่างเปิดเผยและมีพฤติกรรมแบบกดขี่เผด็จการมาถึงเกือบ 3 ปีแล้ว?
คำตอบนั้นง่ายมากทีเดียว เพราะรัฐบาลปัจจุบันในประเทศไทยนี้ต่างจากรัฐบาลในอียิปต์ ตูนิเซีย ซีเรีย รัสเซีย เยเมน ลิเบีย มาเลเซีย และที่อื่น ๆ ตรงที่ว่ารัฐบาลไทยเป็นการจัดตั้งขึ้นมาและทำหน้าที่เป็นข้ารับใช้ของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเงินในวอลล์สตรีทและลอนดอนนั่นเอง และไม่ว่าจะมีการเล่นพรรคเล่นพวกอย่างน่าขบขันเพียงไรในประเทศที่ถูกบริหารโดยน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ถูกขับพ้นจากอำนาจไปแล้ว บรรดาสื่อในโลกตะวันตกก็ยังยืนยันที่จะวาดภาพรัฐบาลไทยในปัจจุบันต่อไปว่าเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรม “มาจากการเลือกตั้ง” และ “เป็นประชาธิปไตย”
ส่วนอาชญากรรมอันเลวร้ายสุดโต่งของทักษิณ ชินวัตรนั้นกลับถูกซุกซ่อนไว้ในข่าวต่าง ๆ หรือที่ร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือมันไม่ได้รับการกล่าวถึงเลยด้วยซ้ำ
ก่อนที่การชุมนุมประท้วงจะขยายตัวใหญ่ขึ้นไปกว่านี้ และก่อนที่การขัดแย้งจะแพร่ขยายไปทั่วมากกว่านี้ ท่านผู้อ่านอาจจะมีข้อสงสัยบางประการที่ผู้เขียนจะเสนอคำตอบไว้ให้ก่อนดังต่อไปนี้
บรรยายภาพ: ดังที่เป็นที่กล่าวไว้ในการตีพิมพ์ของสื่อต่างประเทศจำนวนมากมาย พรรคหุ่นเชิดของทักษิณลงสมัครด้วยสโลแกนที่ว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” สำหรับกรณีที่พรรคเพื่อไทยต้องเจอคดีที่โดนกล่าวหาว่าผู้ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกแล้ว 2 ปีมามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในแคมเปญเลือกตั้งได้อย่างไรนั้น หลักฐานหลายชิ้นที่ถูกใช้ในการฟ้องร้องในชั้นศาลก็คือแผ่นป้ายโฆษณาหาเสียงของพรรคของตนเองนั่นเองซึ่งป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถปฏิเสธได้
1. ใครคือผู้นำที่แท้จริงของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน?
ทักษิณได้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างปี 2544-2549 โดยก่อนหน้าที่ทักษิณ ชินวัตรจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยนั้น เขาได้พยายามไต่บันไดแห่งโอกาสที่วอลล์ สตรีท และ ในลอนดอนมานานมากแล้วพร้อม ๆ กับที่พยายามที่จะปูทางขึ้นสู่การเมืองในประเทศไทย
ทักษิณได้รับการแต่งตั้งจากกลุ่มธุรกิจคาร์ไลล์ให้เป็นที่ปรึกษาในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งทางการเมือง และได้พยายามที่จะใช้เส้นสายสร้างภาพทางการเมืองของตนเอง ทนง ขันทอง แห่งหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของประเทศไทย เดอะเนชั่น ได้เขียนไว้ในปี 2544 ว่า
“ในปี 2542 เมื่อประเทศไทยยังจมติดอยู่ในหล่มทางเศรษฐกิจ ทักษิณได้พยายามใช้เส้นสายพรรคพวกชาวอเมริกันที่เขามีมาเสริมภาพลักษณ์ทางการเมืองของเขา ในตอนที่เขากำลังก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เขาเชิญบุชผู้พ่อมาเยือนกรุงเทพและไปเยือนที่บ้านของเขาด้วยโดยกล่าวว่าภารกิจของเขาคือการทำหน้าที่ “พ่อสื่อระดับชาติ” ทำหน้าที่จับคู่ระหว่างกลุ่มกองทุนรวมของอเมริกาและกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของประเทศไทย นอกจากนี้ในเดือนมีนาคม เขาก็ได้เป็นเจ้าภาพให้การต้อนรับนายเจมส์ เบเกอร์ ที่ 3 ผู้ซึ่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในคณะรัฐมนตรีของบุชผู้พ่อเมื่อนายเบเกอร์เดินทางมาเยือนกรุงเทพ”
เมื่อทักษิณได้เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2544 เขาก็ได้เริ่มต้นตอบแทนต่อการสนับสนุนที่เขาได้รับจากโลกตะวันตก ในปี 2546 เขาได้ส่งทัพทหารไทยเข้าร่วมในการบุกอิรัคของสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าจะได้รับการประท้วงจากกองทัพไทยและประชาชนชาวไทยทั่วไป นอกจากนี้ทักษิณยังยอมให้ซีไอเอใช้ประเทศไทยเป็นฐานสำหรับโครงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอันอื้อฉาว อีกด้วย
และในปี 2546 เช่นกัน เริ่มจากเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปเป็นเวลา 3 เดือน มีคนประมาณ 2,800 คน (ประมาณวันละ 30 คน) ถูกวิสามัญฆาตกรรมนอกกฎหมายทั้งในเมืองและชนบทต่าง ๆ ทั่วประเทศในโครงการ “สงครามต่อต้านยาเสพติด” ของทักษิณ
ด้วยการโดนกล่าวหาว่าเป็น “ผู้ค้ายา” เหยื่อทั้งหลายจะถูกสังหารตาม “ใบสั่งฆ่า” ที่ถูกรวบรวมขึ้นมาโดยตำรวจซึ่งทักษิณให้อำนาจเต็มที่ที่จะทำอะไรก็ได้
ต่อมาภายหลังการสอบสวนอย่างเป็นทางการพบว่าเหยื่อที่ถูกสังหารจำนวนกว่าครึ่งไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใด องค์กร Human Rights Watch (HRW) ได้ยืนยันเรื่องดังกล่าวนี้ในรายงานของตนในปี 2551 ชื่อ “สงครามต่อต้านยาเสพติดในประเทศไทย” ซึ่งเป็นรายงานฉบับติดตามผลของรายงานฉบับปี 2547 ชื่อ “มีหลุมไม่พอฝัง” ที่ละเอียดยิ่งกว่านั้นมาก
บรรยายภาพ: “สงครามต่อต้านยาเสพติดของรัฐบาล: ผิดอย่างร้ายแรง หยุดการฆาตกรรมผู้ใช้ยาเสพติดชาวไทย” ในช่วง “สงครามต่อต้านยาเสพติด” ของทักษิณ ชินวัตร ในปี 2546 ไม่เพียงแต่ผู้ใช้ยาเสพติดเท่านั้นที่ถูกวิสามัญฆาตรกรรมอย่างโหดร้ายทารุณนอกกฎหมายบนท้องถนน แต่เหยื่อจำนวนมากกว่า 50% ของจำนวนผู้ที่ถูกฆาตรกรรมไปในเวลา 3 เดือนนั้นคือผู้บริสุทธิ์และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ เลยกับการใช้ยาเสพติดหรือว่าการค้ายา
ในปี 2547 ทักษิณพยายามที่จะผลักดันการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหรัฐ (FTA) โดยไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐ สภา ความตกลงดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน ซึ่งองค์กรนี้ก็คือองค์กรที่เป็นเจ้าภาพให้การต้อนรับแกนนำนปช.ในครั้งที่ไปเยือนสหรัฐอเมริกา ก่อนการเลือกตั้งในปี 2554 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งที่น้องสาวของทักษิณ คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะได้รับการนำขึ้นสู่อำนาจนั่นเอง
บรรยายภาพ: สภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน—บริษัทชั้นแนวหน้าที่เปรียบได้กับเป็นกลุ่มบริษัทเผด็จการชาตินิยมในสหรัฐ—ได้รับการติดต่อจากแกนนำม็อบป่วนถนน “เสื้อแดง” ของทักษิณ ชินวัตร
สภาดังกล่าวนี้ในปี 2547 ประกอบไปด้วย 3M, บริษัทผู้ได้กำไรจากสงครามอย่าง Bechtel, Boeing, Cargill, Citigroup, General Electric, IBM, บริษัทที่อื้อฉาวอย่าง Monsanto, และในปัจจุบันมีกลุ่มธนาคารต่าง ๆ เช่น Goldman Sachs และ JP Morgan นอกจากนี้ยังมีบริษัท Lockheed Martin, บริษัทค้าอาวุธ Raytheon, Chevron, Exxon, BP, Glaxo Smith Kline, Merck, Northrop Grumman, บริษัทที่อื้อฉาวด้าน GMOเหมือน Monsanto อย่าง Syngenta, และ บริษัทค้าบุหรี่อย่าง Phillip Morris
บรรยายภาพ: ทักษิณ ชินวัตร เผด็จการที่ถูกขับออกจากตำแหน่ง กำกลังกล่าวรายงานต่อหน้าสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations – CFR) ก่อนหน้าที่เขาจะถูกรัฐประหารปลดออกจากตำแหน่งในปี 2549 ไม่นาน หลังจากปี 2549 ทักษิณได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่และอย่างไม่หวั่นเกรงใด ๆ จากกรุงวอชิงตัน (รัฐบาลสหรัฐ) วอลล์ สตรีท (กลุ่มธุรกิจสหรัฐ) และ กลไกผลิตแคมเปญโฆษณาชวนเชื่อระดับยักษ์ (สื่อของโลกตะวันตก) ในการที่จะช่วยให้เขายึดอำนาจกลับคืนมาให้ได้
ทักษิณอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึงเดือนกันยายนปี 2549 โดยก่อนหน้าที่จะเกิดรัฐประหารโค่นเขาออกจากอำนาจนั้น ทักษิณกำลังกล่าวรายงานความคืบหน้าต่อสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่มบริษัทที่อยู่ในรายชื่อ Fortune 500 ในกรุงนิวยอร์ค ซึ่งบริษัทที่อยู่ในรายชื่อดังกล่าวได้แก่บริษัทที่มีรายได้จากการประกอบการสูงสุดในประเทศสหรัฐอเมริกาในแต่ละปี
หลังจากรัฐประหารในปี 2549 ที่โค่นล้มรัฐบาลของเขา ทักษิณก็มีกลุ่มนักลงทุนระดับสูงของอเมริกาเป็นตัวแทนให้เขามากมายผ่านทางบริษัทล็อบบี้ยิสต์ต่าง ๆ เช่น เคนเน็ธ เอเดลแมน จาก เอเดลแมน พีอาร์, เจมส์ เบเกอร์ จาก เบเกอร์ บ็อตตส์, โรเบิร์ต แบล็ควิลล์ จาก บาร์บูร์ กริฟฟิธ แอนด์ โรเจอร์ส, โคบร์ แอนด์ คิม และล่าสุด คือ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม จาก อัมสเตอร์ดัม แอนด์ แพรอฟฟ์
นอกจากเป็นตัวแทนของทักษิณแล้ว โรเบิร์ต อัมเสตอร์ดัม แห่ง อัมสเตอร์ดัม แอนด์ แพรอฟฟ์ ยังเป็นตัวแทนให้กลุ่ม “เสื้อแดง” นปช.ของทักษิณด้วย และยังไปร่วมประชุมในการประชุมเพื่อการก่อตั้งกลุ่มที่เรียกตนเองกว่ากลุ่ม “วิชาการ” นิติราษฎร์ อีกด้วย ผู้เข้าประชุมดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสื้อแดงที่สนับสนุนทักษิณ (ซึ่งได้ใส่เสื้อสีแดงเข้าร่วมประชุมจริง ๆ) ความช่วยเหลืออื่น ๆ ที่ทักษิณ และกลุ่ม นปช.ของเขาได้รับก็คือจากกลุ่มเอ็นจีโอ ประชาไท ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจาก National Endowment for Democracy ซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ
2. ทักษิณกลับขึ้นสู่อำนาจได้อย่างไร?
แทบจะทันทีที่ทักษิณถูกโค่นออกจากอำนาจในปี 2549 ทั้งพรรคการเมืองของเขาในประเทศไทยและผู้สนับสนุนชาวตะวันตกของเขาในต่างประเทศก็ได้เริ่มแคมเปญที่จะป้ายสีและทำลายสถาบันต่าง ๆ ของประเทศไทย เคนเน็ธ เอเดลแมน ได้ใช้ชื่อของบริษัท เอเดอลแมน สร้างเพจ USA for Innovation ขึ้นมาเพื่อให้ร้ายสถาบันต่าง ๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทยในขณะนั้น เอเดลแมน เริ่มทำงานนี้ในปี 2550 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่บริษัทเอเดลแมนรับทักษิณ ชินวัตร เข้าไว้ในฐานะของลูกค้าที่ทางบริษัทจะทำการล็อบบี้หรือประชาสัมพันธ์ให้ โดยใช้ฉากหน้าว่าทำไปเพื่อป้องกัน “ทรัพย์สินทางปัญญา” (intellectual property)
(http://www.youtube.com/watch?v=8rjkODLQpPw&feature=player_embedded)
วีดิโอ: เคนเน็ธ เอเดลแมน ชาวอเมริกันหัวอนุรักษ์นิยมรูปแบบใหม่ กล่าวโจมตีรัฐบาลไทยอย่างเกือบจะเรียกได้ว่าถากถางเสียดสี กล่าวหาว่าประเทศไทย “กำลังถอยหลังลงและกำลังจะเป็นแบบพม่า” ภายหลังบริษัทประชาสัมพันธ์ของเขารับเอาทักษิณ ชินวัตร เผด็จการที่โดนโค่นออกจากอำนาจมาเป็นลูกค้าในปี 2550
....
มีข่าวและบทวิจารณ์จำนวนมากมายมหาศาลในสื่อสิ่งพิมพ์ที่มักจะมีอคติอยู่เป็นประจำ เช่น The Economist, Time และ Newsweek กล่าวโจมตีประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่กำลังถอยหลังออกไปจากความเป็นประชาธิปไตย และในขณะเดียวกันทักษิณก็ถูกเชิดชูชื่นชมว่ามีนโยบายที่มุ่งช่วยกลุ่ม “คนจนที่ถูกทำให้ไร้ความสำคัญ” ในประเทศไทย
ในปีถัดมา กลุ่มของทักษิณที่ตั้งอยู่บนนโยบายประชานิยมก็สามารถชนะการเลือกตั้งได้อย่างสบาย ๆ ชนิดไม่มีใครสามารถโจมตีได้ นายกรัฐมนตรีได้ลงสมัครอย่างเปิดเผยในฐานะ “นอมินีของทักษิณ” ตามที่บทความ Thailand’s PM Proxy: Samak ในนิตยสารไทม์ระบุเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ทั้งสมัครและนายกฯ คนถัดไปจากเขาคือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (น้องเขยของทักษิณ) ต่างก็ถูกขับออกจากตำแหน่งในเวลาอันรวดเร็วด้วยข้อหาคอร์รัปชั่นประกอบกับ “การปฏิวัติโดยคนต่างสี” โดยกลุ่มต่าง ๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทย
ในต้นปี 2552 แนวรุกทางการเมืองของทักษิณก็ได้เริ่มแคมเปญการเผชิญหน้าที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆกับสถาบันที่มีอยู่ในประเทศไทยในขณะนั้น ระหว่างเดือนเมษายนปี 2552 การชุมนุมประท้วงโดยกลุ่มนปช. “เสื้อแดง” ของทักษิณได้ทำความเสียหายให้กับสถานที่ต่าง ๆ มากมาย และมีผู้เสียชีวิตจากกระสุนปืน 2 ราย ขณะที่พยายามที่จะป้องกันทรัพย์สินของตนเองจากผู้ชุมนุมประท้วงที่เข้ามาปล้นสดมภ์
ในครั้งนั้นทหารไทยได้ประสบความสำเร็จใจการสลายการจลาจลโดยไม่มีการสังหารผู้ชุมนุมประท้วงแม้แต่คนเดียว บรรดาลิ่วล้อของทักษิณต้องหนีไปกัมพูชาหลังจากเรียกร้องให้มี “สงครามประชาชน” ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็ไม่ได้ให้ความสนใจแต่อย่างใด
บรรยายภาพ: ภาพนิ่งจากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงส่วนหน้าของปืน M16A2 ปืน M16 ถูกใช้โดยกลุ่มกองกำลังทหารของผู้ต่อต้านรัฐบาลด้วยเหตุผลที่เป็นที่รู้กันว่า พวกเขาต้องการโยนความผิดของการที่มีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตมาที่กองทัพบกไทยซึ่งใช้อาวุธตลอดจนกระสุนของปืนรุ่นดังกล่าวเป็นอาวุธหลักของทหารราบ เหตุการณ์ลักษณะนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับการทำลายความมั่นคงของชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตกอื่น ๆ จากเยเมนถึงซีเรีย นั่นก็คือ มีมือปืนที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปถูกนำเข้ามาสร้างความรุนแรงเพื่อที่จะโยนความผิดให้กับรัฐบาลในขณะที่ความจริงเรื่องการใช้มือที่สามนี้ก็จะถูกปฏิเสธไปเรื่อย ๆ อย่างนานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในปี 2553 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างความโกรธแค้นเจ็บปวดอย่างรุนแรงทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศเพื่อที่จะล้มรัฐบาลให้ได้ กองกำลังทหารลึกลับจำนวน 300 คน ถูกนำเข้ามาเพื่อกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงเสียหายถึงชีวิต ความรุนแรงดังกล่าวนี้กินเวลาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และทำให้บางส่วนของกรุงเทพซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยได้กลายเป็นเขตของสงคราม
มีคนจำนวนกว่า 90 คนต้องเสียชีวิตลง ซึ่งมีทั้งทหาร ตำรวจ ประชาชนผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ รวมทั้งผู้ชุมนุมประท้วงเองด้วย พวกเขาเสียชีวิตลงจากการแลกกระสุนใส่กันระหว่างกลุ่มกองกำลังลึกลับและทหาร หรือไม่ก็จากการหายใจเอาควันไฟเข้าไปในระหว่างเข้าไปขโมยของในอาคารต่าง ๆ ที่ผู้ชุมนุมประท้วงคนอื่น ๆ ได้จุดไฟเผา
ในขณะที่ทหารไทยประสบความสำเร็จในการนำความสงบกลับมาสู่กรุงเทพอีกครั้งหนึ่ง ทักษิณและกลุ่มผู้หนุนหลังชาวตะวันตกของเขาก็ได้รับแรงผลักดันที่พวกเขาต้องการในการที่จะกระตุ้นให้นปช. “เสื้อแดง” เป็นพวกหัวรุนแรงหนักยิ่งขึ้นไปอีกและในขณะเดียวกันก็ทำให้ความเห็นของนานาชาติต่อประเทศไทยก็เป็นไปในทางที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งก็ทำให้เกิดการเลือกตั้งขึ้นมาในปี 2554
พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างง่ายดายอีกครั้งด้วยการหาเสียงด้วยนโยบายประชานิยม สัญญาประชาชนว่าจะให้บ้านและรถราคาถูก ให้คอมพิวเตอร์ฟรี กำจัดทั้งน้ำท่วมและปัญหาแห้งแล้งขาดแคลนน้ำ นอกจากนี้ก็ยังรับประกันราคาข้าวสำหรับข้าวที่ปลูกโดยชาวนาไทยจำนวนมาก
การชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่ชี้ให้เห็นว่า “ระบอบ” ที่ได้รับการหนุนหลังจากตะวันตกมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะใช้นโยบายประชานิยมเพื่อเจาะกลุ่มประชากรใหญ่ ๆ ในประเทศ ในกรณีที่ผู้นำประเทศไม่ได้ใช้มันก่อนอยู่แล้วเสียเอง เช่น ในในกรณีของอาร์เจนติน่า และ เวเนซูเอล่า
และเนื่องจากมีผู้ต้องหาคดีฆาตรกรรมหมู่ผู้ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกแล้ว 2 ปี กำลังหนีหมายจับจำนวนหลายหมายด้วยกันอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ก็ยังสามารถบริหารประเทศได้ผ่านน้องสาวของตน ประกอบกับการที่คำสัญญาทั้งหลายที่ทางพรรคเพื่อไทยเคยสัญญาไว้ในตอนหาเสียงก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้นมา 2 ปีแล้ว
องค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยอาจจะรู้สึกว่าได้เวลาแล้วที่จะออกแรงกดดันทำสิ่งที่จะโค่นทักษิณออกจากอำนาจอีกครั้ง—และบางทีครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย
3. โลกตะวันตกต้องการอะไรจากประเทศไทย?
เป็นเวลานานกว่าสองทศวรรษแล้วที่สหรัฐอเมริกาได้แสดงความเห็นผ่านเอกสารนโยบายจำนวนมหาศาลถึงความจำเป็นที่จะพัฒนาและบังคับใช้ยุทธศาสตร์ “การจำกัดการขยายตัวของลัทธิที่ไม่พึงปรารถนา” กับประเทศจีนอย่างได้ผล ในปี 2540 โรเบิร์ต เคแกน นักเขียนด้านนโยบายของอเมริกา สังกัด The American Enterprise Institute และ The Brookings Institution เขียนบทความชื่อ “สิ่งที่จีนรู้แต่เราไม่รู้: เหตุผลสนับสนุนยุทธศาสตร์ใหม่ด้านการจำกัดการขยายตัว(ของจีน)” ซึ่งเขาได้กล่าวไว้ว่า (ตัวอักษรเข้มโดย Tony Cartalucci ผู้เขียนบทความนี้) :
การจัดระเบียบของโลกในปัจจุบันเป็นไปเพื่อสนองความต้องการของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร ซึ่งเป็นผู้สร้างระเบียบโลกใหม่ (New World Order) นี้ขึ้นมา และระเบียบโลกใหม่นี้ไม่ตอบสนองความต้องการของผู้นำเผด็จการของจีนซึ่งพยายามที่จะรักษาอำนาจในประเทศและเพิ่มอิทธิพลตนเองในต่างประเทศ เหล่าผู้นำจีนหมดความอดทนต่อข้อจำกัดที่ตนถูกหยิบยื่นให้อยู่และกังวลว่าตนจะต้องเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของระบบระเบียบนานาชาติเสียใหม่ก่อนที่ระบบระเบียบนานาชาติจะมาเปลี่ยนจีน เคแกนกล่าวว่า
“...การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมทั้งภายนอกและภายในของสหภาพโซเวียตในตอนปลายของทศวรรษที่ 1980 นั้น ส่วนหนึ่งเกิดมาจากยุทธศาสตร์ของอเมริกาที่อาจจะเรียกได้ว่า “การบูรณาการเข้าด้วยกันผ่านการจำกัดการขยายตัวและการกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”...”
นโยบายดังกล่าวควรที่จะถูกนำมาใช้ในจีนทุกวันนี้ ตราบใดที่จีนยังคงรักษารูปแบบการปกครองในปัจจุบัน จีนก็จะยังไม่สามารถผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบระเบียบของโลกได้อย่างเป็นสันติ สำหรับผู้นำจีนในปัจจุบันนี้ การทำตามกฎเกณฑ์ของเรานั้นเสี่ยงเกินไป – แต่กระนั้นความลังเลของเราที่จะบีบบังคับจีนให้เล่นตามกฎของพวกเรานั้นมันอันตรายเกินไปสำหรับระเบียบของสังคมโลก สหรัฐอเมริกาไม่สามารถและไม่ควรที่จะเต็มใจที่จะปล่อยให้ระเบียบของสังคมโลกปั่นป่วนไปด้วยการเข้าใจผิดว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจีนก็คือการยอมรับความเป็นจีนในปัจจุบัน
สิ่งที่เราควรจะทำก็คือการรักษาระเบียบนั้นไว้และพยายามให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในจีนแทน นั่นหมายความว่าเราต้องเสริมสร้างศักยภาพทางทหารของเราในภูมิภาคนั้น พัฒนาสายสัมพันธ์ทางความมั่นคงกับเพื่อนและพันธมิตรของเรา และประกาศให้รู้ว่าเราจะตอบโต้ และถ้าจำเป็นก็จะตอบโต้ด้วยทหารเมื่อจีนใช้การข่มขู่หรือการบุกรุกทางทหารเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมายทางภูมิภาคของตนเอง
นอกจากนี้ยังหมายความว่าเราจะไม่ทำการค้ากับกองทัพจีนหรือทำธุรกิจกับบริษัทที่กองทัพเป็นเจ้าของหรือบริหาร และยังหมายความว่าเราจะใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงเมื่อเราจับได้ว่าจีนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแผ่ขยายกำลังอาวุธนิวเคลียร์
ยุทธศาสตร์การจำกัดการขยายตัวของจีนจะต้องใช้การเพิ่ม ไม่ใช่การลด ศักยภาพทางการทหารโดยรวมของเรา ไอร์ โครว์ ได้เตือนไว้ในปี 2450 ว่า “ยิ่งเราพูดถึงความจำเป็นที่จะต้องประหยัดเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ของเรามากเท่าใด พวกเยอรมันก็จะยิ่งเชื่อว่าเรากำลังเบื่อและเหนื่อยหน่ายกับการต่อสู้ และพวกเขาก็จะชนะด้วยการมุ่งมั่นดำเนินการต่อไป” วันนี้ ภาพของการตกต่ำลงทางทหารของเราได้เริ่มมีผลต่อการวางแผนการณ์ของจีนแล้ว ในปี 2535 เอกสารภายในของรัฐบาลจีนกล่าวว่า “กำลังทหารของอเมริกากำลังเป็นไปในทางเสื่อมลงและมันก็มีข้อจำกัดในสิ่งที่พวกอเมริกัจะนสามารถทำได้” ความเข้าใจเช่นนี้จำเป็นที่จะต้องถูกขจัดออกไปให้เร็วที่สุด
บรรภายภาพ: ภาพจากรายงานเรื่อง “สายสร้อยไข่มุก” ในปี 2549 ของ Strategic Studies Institute (รร.เสนาธิการของกองทัพบกสหรัฐฯ) แสดงให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ในการกำจัดการขยายตัวของจีน ในขณะที่คำว่า “ประชาธิปไตย” “อิสรภาพ” และ “สิทธิมนุษยชน” ถูกใช้เป็นฉากบังหน้าในการยกระบอบการปกครองของประเทศต่าง ๆ ที่อิงกับตะวันตกขึ้นสู่อำนาจ ในความจริงแล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญระดับภูมิภาคเพื่อจะโค่นล้มองค์ประกอบต่าง ๆ ของความเป็นชาตินิยมออกไปและจัดตั้งระบอบที่ได้รับการถ่ายทอดจากตะวันตกขึ้นสู่อำนาจเพื่อที่จะปิดล้อมและกำจัดการขยายตัวของจีน ความรุนแรงในพื้นที่อย่างเช่น Sittwe, Rakhine ในเมียนม่าร์ หรือ Gwadar Baluchistan ในปากีสถานไม่ใช่เหตุบังเอิญแต่มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานบ่งชี้ถึงการสนับสนุนอย่างมหาศาลจากโลกตะวันตกต่อกลุ่มต่อต้านติดอาวุธในพื้นที่ดังกล่าว
ภาพนี้ได้ถูกอธิบายเพิ่มเติมในรายงานเรื่อง “สายสร้อยไข่มุก” ในปี 2549 ของ Strategic Studies Instituteซึ่งบริเวณที่จีนได้มีการแผ่ขยายอำนาจได้รับการระบุไว้อย่างชัดเจนโดยมีจุดประสงค์เพื่อที่อเมริกาจะเข้าไปขัดขวางและกำจัดการขยายตัว บริเวณดังกล่าวได้แก่ภูมิภาค Baluchistan ในปากีสถานซึ่งปัจจุบันนี้ได้เป็นบริเวณที่สูญเสียความมั่นคงไปแล้ว โดยบริเวณนี้เป็นบริเวณที่ติดกับเมือง Gwadar ของจีน และอีกบริเวณหนึ่งที่ได้รับการแทรกแซงก็คือรัฐ Rakhine ในเมียนม่าร์ ซึ่งก็เป็นบริเวณที่สูญเสียความมั่นคงไปแล้วเช่นกัน
รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ นางฮิลารี คลินตัน ได้กล่าวย้ำถึงพันธกิจที่จะกำจัดการขยายตัวของจีนนี้และได้กล่าวถึงประเด็นอีกประเด็นหนึ่งที่เคแกนได้กล่าวไว้ตั้งแต่ปี 2540 ว่า – การที่ยุทธศาสตร์ที่จะกำจัดการขยายตัวของจีนอย่างได้ผลนั้น ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียอาคเนย์จะต้องสนับสนุนอเมริกาต่อต้านจีน – โดยเธอได้กล่าวไว้ในบทความแสดงความเห็นในวารสาร Foreign Policy ชื่อ The American Pacific Century
การนำประเทศไทยที่อยู่ในสภาพยอมเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างสมบูรณ์กับอเมริกาและกับเป้าหมายทางจักรวรรดินิยมใหม่ของอเมริกาเพื่อที่จะรักษาความเป็นใหญ่ของอเมริกาเหนือเอเชียไปอีกหนึ่งศตวรรษ คือบทบาทที่ ทักษิณ ชินวัตร ถูกเตรียมมาเป็นเวลากว่าทศวรรษที่จะทำให้สำเร็จ และด้วยเหตุนี้เองที่เงิน เวลา และความพยายามจำนวนมหาศาลได้ถูกทุ่มเทลงไปในการจัดตั้งเขาขึ้นมา และในขณะเดียวกันก็ทำลายสถาบันต่าง ๆ ที่มีอยู่เดิมในประเทศไทยด้วย
4. ใครคือผู้ที่ประท้วงรัฐบาลปัจจุบัน?
ไม่ต้องเป็นที่สงสัยเลยว่าพรรคการเมืองฝ่ายค้านต่าง ๆ จะได้ประโยชน์จากการชุมนุมประท้วงและดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมในการชุมนุมไม่มากก็น้อย นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจของไทย กลุ่มสื่อมวลขนไทย และ ทหารก็ยอมรับการประท้วงในขณะนี้อย่างน้อยก็โดยนัยลึก ๆ คนจำนวนมากที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ที่เคยเงียบนั้นต่อต้านการชุมนุมก่อความไม่สงบในท้องถนนไม่ว่าจะเป็นจากฝ่ายของทักษิณและผู้สนับสนุนทางตะวันตกของเขา หรือจากฝ่ายตรงข้ามของทักษิณ และก็ไม่ได้สนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าทักษิณและความไม่มั่นคงอีกทั้งความแตกแยกอย่างรุนแรงที่ทักษิณสร้างขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้
บรรยายภาพ: วันที่ 28 ตุลาคม 2555 มีการรวมตัวกันครั้งแรกโดยกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในสนามกีฬาเพื่อเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยลาออกจากอำนาจ ถึงแม้ว่าการชุมนุมประท้วงนี้จะใช้แนวคิดแบบ “สปริง” ที่ได้ผลในช่วงปี 2011-2012 แต่การประท้วงกลับไม่ได้รับการรายงานในสื่อต่างชาติ เพราะว่านี่เป็นการประท้วงที่ต้องการขับไล่รัฐบาลที่โลกตะวันตกหนุนหลัง ไม่ใช่การขับไล่เพื่อตั้งรัฐบาลที่โลกตะวันตกหนุนหลัง
เหล่าพลพรรคของการชุมนุมประท้วงนั้นอาจมีทั้งผู้สนับสนุนของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน กลุ่มคนที่สนับสนุนเจ้าพ่อสื่ออย่างสนธิ ลิ้มทองกุล แห่ง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (PAD) และยังมีอีกหลายกลุ่มจากกลุ่มเสียงส่วนใหญ่ที่เคยเงียบมาก่อน ซึ่งรวมทั้งคนทำงานระดับกลางและระดับล่าง ผู้ต้องการเห็นอิทธิพลของทักษิณที่กัดกร่อนสังคมไทยจบสิ้นลงอย่างสิ้นเชิง
การชุมนุมประท้วงที่คล้ายกันในปี 2550 ได้รับการริเริ่มขึ้นมาโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของสนธิ แต่ต่อมาได้มีสหภาพแรงงานต่าง ๆ เข้ามาร่วมและได้ร่วมมือกันปิดสนามบินต่าง ๆ ของประเทศไทยในการกระทำที่แสดงถึงการไม่ยินยอมต่อรัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ และในที่สุดก็สามารถโค่นล้มรัฐบาลดังกล่าวลงได้
ในขณะที่มักเป็นที่อ้างกันว่ามีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนระหว่างชนชั้นกลางและชนชั้นล่างในประเทศไทย และการอ้างว่าชนชั้นล่างสนับสนุนทักษิณ ชินวัตรและนโยบายประชานิยมของเขาอย่างเต็มที่ ในความเป็นจริงแล้วพรรคของเขาชนะการเลือกตั้งในปี 2554 ด้วยคะแนนเสียงเพียง 32% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด และไม่สามารถแม้แต่จะได้คะแนนนิยมเสียงส่วนใหญ่ของผู้ที่ไปออกเสียงเลือกตั้ง และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นถึงแม้ว่าพรรคของทักษิณจะให้สัญญาตอนหาเสียงอย่างวิเศษเลิศหรู มีการซื้อเสียงกันให้พล่าน และถึงแม้ว่าจะมีการจัดรถรับส่งในวันเลือกตั้งให้โดยกลไกทางการเมืองอันกว้างขวางของพรรคเพื่อไทยด้วย
ในที่สุดแล้ว บรรดาชาวไทยทั้งหลายที่ออกมาประท้วงทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นหุ่นเชิดของวอลล์ สตรีท นั้น ไม่ได้ออกมาประท้วงเขาเพราะว่าพวกเขายอมรับอีกฝ่ายหนึ่ง ในทางตรงกันข้าม ใครก็ตามที่มาแทนที่ทักษิณก็จะต้องเจอพลังที่ไม่สามารถต้านทานได้อย่างนี้เช่นกันจากประเทศชาติและประชาชนอย่างที่ทักษิณได้เจอ เมื่อทักษิณและกลไกทางการเมืองอันเปรียบได้กับมะเร็งร้ายที่เขาได้สร้างขึ้นด้วยเงินและความเชี่ยวชาญจากตะวันตกได้ถูกกำจัดตัดออกไปจากภูมิทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยแล้ว
จะต้องมีกลไกอะไรที่ใหม่เอี่ยมที่ต้องถูกสร้างขึ้นมาแทนที่ถ้าเมืองไทยต้องการจะมีความก้าวหน้าต่อไป
สิ่งที่เป็นที่น่ายินดีก็คือ เสียงเงียบส่วนใหญ่ได้เข้าใจความจำเป็นนี้แล้วและกำลังพยายามเดินหน้าสู่ทางเลือกต่าง ๆ ที่หลากหลายและนำไปปฏิบัติได้จริง
และที่น่ายินดียิ่งไปกว่านั้นก็คือคนจำนวนมากจากทั้งสองฝ่ายของการทะเลาะเบาะแว้งนี้ต่างก็เริ่มเข้าใจในสิ่งนี้แล้วด้วยเช่นกัน
-----
สำหรับหรับบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับประเทศไทย กรุณาไปที่ AltThaiNews.blogspot.com. และคุณสามารถติดตาม AltThaiNews ได้บน Twitter สำหรับอัพเดทล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ @AltThaiNews.
***หมายเหตุ*** ผู้แต่งบทความและเจ้าของบล็อก Land Destroyer และ AltThaiNews คือ Anthony Cartalucci เป็นสื่ออิสระที่มาทำข่าวในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2554
อ้างอิงจาก
------
[1] Cartalucci, Tony. (July 9, 2011). Thailand: Globalist Proxy Faces First Hurdle. Retrieved on December 21, 2013 from http://landdestroyer.blogspot.com/2011/07/thailand-globalist-proxy-faces-first.html
[1] Khanthong, Thanong. (March 7, 2001). Anand outlines ties to group of giants . Retrieved on December 21, 2013 from http://thanong.tripod.com/03072001.htm
[1] THAKSIN VOWS: Troops will stay in Iraq. The Nation. Retrieved on December 21, 2013 from http://www.nationmultimedia.com/home/THAKSIN-VOWS-Troops-will-stay-in-Iraq-91151.html
[1] Crispin, Shawn W. (Jan 25, 2008). US and Thailand: Allies in torture. Asia Times. Retrieved on December 21, 2013 from http://www.atimes.com/atimes/Southeast_Asia/JA25Ae01.html
[1] Human Rights Watch. (March 12, 2008). Thailand’s 'war on drugs’. Retrieved on December 21, 2013 from http://www.hrw.org/news/2008/03/12/thailand-s-war-drugs
[1] Human Rights Watch. (n.d.). Human Rights Abuses and the War on Drugs. Retrieved on December 21, 2013 from http://www.hrw.org/reports/2004/thailand0704/4.htm#_ftnref4
[1] Cartalucci, Tony. (n.d.) Flash Back: Thailand's Thaksin and the US-FTA. Retrieved on December 21, 2013 from http://landdestroyer.blogspot.com/2011/02/flash-back-thailands-thaksin-and-us-fta.html
[1] Cartalucci, Tony. (August 13, 2011) . CONFIRMED: Thailand's "Pro-Democracy" Movement Working for US. Retrieved on December 21, 2013 from http://landdestroyer.blogspot.com/2011/08/confirmed-thailands-pro-democracy.html
[1] Council on Foreign Relations. (September 18, 2006). A Conversation with Thaksin Shinawatra, Prime Minister of Thailand [Rush Transcript; Federal News Service, Inc.]. Retrieved on December 21, 2013 from http://www.cfr.org/about/corporate/roster.html
[1] 2Bangkok.com. (April 29, 2007). The USA for Innovation story. Retrieved on December 21, 2013 from http://2bangkok.com/07-news07apr.html
[1] Cartalucci, Tony. (n.d.). Globalist Page: Robert Amsterdam. Retrieved on December 21, 2013 from http://landdestroyer.blogspot.com/2011/02/globalist-page-robert-amsterdam.html
[1] Cartalucci, Tony. (Jan 29, 2012). Globalist Lawyer Attends Color Revolution Rebranding. Retrieved on December 21, 2013 from http://landdestroyer.blogspot.com/2012/01/globalist-lawyer-attends-color.html
[1] Cartalucci, Tony. (Aug 10, 2011). EXPOSED: Indy "Newspaper" Funded by US Government. Retrieved on December 21, 2013 from http://altthainews.blogspot.com/2011/08/exposed-indy-funded-by-us-government.html
[1] 2Bangkok.com. (Apr 29, 2012). Five Years Ago: Thaksin’s First Major Lobbying Effort – USA for Innovation. Retrieved on December 21, 2013 from http://2bangkok.com/five-years-ago-usa-for-innovations-wall-street-journal-ad.html
[1] Horn, Robert. (Dec 19, 2007). Thailand's PM Proxy: Samak. Time Magazine Online. Retrieved on December 21, 2013 from http://content.time.com/time/world/article/0,8599,1696912,00.html
[1] Bangkok protests 'under control'. (Apr 13, 2009). BBC News Online. Retrieved on December 21, 2013 from http://news.bbc.co.uk/2/hi/7996845.stm
[1] Cartalucci, Tony. (Apr 24, 2011). Color Revolution's Mystery Gunmen. Retrieved on December 21, 2013 from http://landdestroyer.blogspot.com/2011/04/color-revolutions-mystery-gunmen.html
[1] Cartalucci, Tony. (Nov 2, 2012). Thai Government's Reckless Populism Endangers Infrastructure/Economy. Retrieved on Dec 21, 2013 from http://altthainews.blogspot.com/2012/11/thai-governments-reckless-populism.html
[1] Cartalucci, Tony. (Nov 11, 2012). Argentina Unrest: Brought to you by Goldman Sachs. Retrieved on December 21, 2013 from http://landdestroyer.blogspot.com/2012/11/argentina-unrest-brought-to-you-by.html
[1] Cartalucci, Tony. (Oct 8, 2012). Venezuela's Victory Over Wall Street. Retrieved on December 21, 2013 from http://landdestroyer.blogspot.com/2012/10/venezuelas-victory-over-wall-street.html
[1] Kagan, Robert. (Jan 20, 1997). What China Knows That We Don't: The Case for a New Strategy of Containment. Retrieved on December 21, 2013 from http://carnegieendowment.org/publications/index.cfm?fa=view&id=266&solr_hilite=Thailand
[1] Pehrson, Christopher J., Lieut. Col. (Jul 25, 2006). String of Pearls: Meeting the Challenge of China's Rising Power Across the Asian Littoral. Strategic Studies Institute on the Web. Retrieved on December 21, 2013 from http://www.strategicstudiesinstitute.army.mil/pubs/display.cfm?pubid=721
[1] Cartalucci, Tony. (n.d.). Target China. Retrieved on December 21, 2013 from http://landdestroyer.blogspot.com/2011/03/target-china.html
[1] Clinton, Hilary. (Oct 11, 2011). America’s Pacific Century. Foreign Policy. Retrieved on December 21, 2103 from http://www.foreignpolicy.com/articles/2011/10/11/americas_pacific_century?page=full#sthash.qRo2hRKB.dpbs
[1] Cartalucci, Tony. (Jul 4, 2011). Thailand: Western Client Regime Returns to Power. Retrieved on December 21, 2013 from http://landdestroyer.blogspot.com/2011/07/thailand-globalist-stooge-returns-to.html