"ประวิช"ต่อสายด่วนแจงปมเงินให้กู้ 5ล.ล่องหน-ปัดคอนเน็คชั่น"การเมือง
“..บริษัทมันเจ๊งขาดทุน ต้องปิดกิจการ ไม่มีเงินคืน ซึ่งกรรมการทุกคน ที่นำเงินไปลงทุน ก็ได้ทำการสละหนี้พร้อมกันหมด ไม่มีใครได้เงินคืน ผมก็เลยไม่ได้ระบุรายการทรัพย์สินส่วนนี้ ลงไปในรายการทรัพย์สิน.."
กรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นายประวิช รัตนเพียร กรรมการในคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านการมีส่วนร่วม ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในช่วงพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังถูกปฏิวัติ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ครบ 1 ปี พบว่า ไม่ปรากฏรายการเงินให้กู้ยืมจำนวน 5 ล้านบาท ให้กับบริษัท สินทรัพย์โสภณ จำกัด ซึ่งนายประวิช เคยแจ้งไว้ในบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ในช่วงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(อ่านประกอบ : เจาะบัญชีทรัพย์สิน“ประวิช”กกต.ป้ายแดง"คอนเน็คชั่น"การเมืองเพียบ?)
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง ด้านการมีส่วนร่วม ได้โทรศัพท์ติดต่อมายังสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ด้วยตนเอง
ประวิช ยืนยันว่า สาเหตุที่ทำให้เงินกู้จำนวน 5 ล้านบาท ดังกล่าว ไม่ปรากฏอยู่ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ในช่วงที่พ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครบ 1 ปี เป็นเพราะบริษัท สินทรัพย์โสภณ จำกัด ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก จนต้องปิดกิจการไปทำให้เงินกู้ส่วนนี้เสียไป ไม่ได้รับคืนกลับมา ตนจึงไม่ได้แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สิน
“บริษัทมันเจ๊งขาดทุน ต้องปิดกิจการ ไม่มีเงินคืน ซึ่งกรรมการทุกคน ที่นำเงินไปลงทุน ก็ได้ทำการสละหนี้พร้อมกันหมด ไม่มีใครได้เงินคืน ผมก็เลยไม่ได้ระบุรายการทรัพย์สินส่วนนี้ ลงไปในรายการทรัพย์สิน ซึ่งเรื่องนี้ถ้าจำไม่ผิด ป.ป.ช. เคยสอบถามมาเหมือนกัน และผมก็ได้ชี้แจงข้อมูลไปทั้งหมดแล้ว"
นายประวิช ยังระบุด้วยว่า "เงินตั้ง 5 ล้าน อยู่ๆ หายไปจากรายการทรัพย์สิน ป.ป.ช. เขาต้องสงสัยเหมือนกับที่สื่อสงสัย แต่ผมได้ยืนยันข้อเท็จจริงไปเรียบร้อย ซึ่งในการดำเนินการเรื่องนี้ ผมมีเอกสารหลักฐานที่สามารถชี้แจงข้อมูลได้ทั้งหมด” นายประวิชกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
นายประวิช ยังเล่าที่มาของการให้เงินกู้ยืมกับบริษัทครั้งนี้ ว่า "ก็มีกลุ่มเพื่อนๆ กัน เขาจะลงทุนเปิดบริษัท ทำคอนโดแถวพระรามเก้า ผมก็ไปรวมลงทุนด้วย แต่ทำไปแล้วมันเจ๊งมันขาดทุน หนี้มันก็หายไปไม่ได้คืน และทุกคนที่ไปร่วมลงทุนก็ทำข้อตกลงกันว่าจะสละหนี้ด้วยกันหมด ไม่มีใครได้เงินคืนเลยสักคน ก็มันเจ๊งจะทำยังไงได้"
“เรื่องนี้มันเรื่องเก่านะ มันเกิดตั้งแต่ปี 2536 แล้ว มันผ่านมานานมากแล้ว แต่ผมมั่นใจว่าได้ชี้แจงข้อมูลให้ ป.ป.ช. ได้รับทราบข้อมูลไปแล้ว ผมมั่นใจนะว่า ผมแจ้งข้อมูลไปครบถ้วนแล้ว ผมมั่นใจ”
เมื่อถามย้ำว่า เงินจำนวน 5 ล้านบาท คือ เงินที่นำไปลงทุนด้วย นายประวิช ตอบว่า "เป็นการให้กู้ยืมแก่บริษัทเพื่อนำไปลงทุน แต่ผมจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว เพราะเรื่องมันนานมากแล้ว จำได้แต่ว่า ทำไปแล้ว บริษัทมันเจ๊งมันขาดทุน เงินที่ให้กู้ยืมไปลงทุนก็หายไปไม่ได้คืนกลับมาก ซึ่งกรรมการทุกคนที่นำเงินไปลงทุนก็ไม่มีใครได้เงินคืนเหมือนกันหมด"
ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตเรื่อง คอนเน็คชั่น"การเมือง" ที่อาจจะส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ กกต.นั้น นายประวิช กล่าวว่า “เรื่องนี้ผมไม่วิตกกังวลอะไร เพราะว่าผมห่างจากการเมืองมานานกว่า 7 ปี แล้ว ทิ้งมานานแล้ว ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรมานานแล้ว"
"หลังจากจากพ้นตำแหน่งรมต. ผมก็มาทำงานในตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน ผลงานที่ผ่านมาสามารถยืนยันพิสูจน์ตัวเอง ได้ว่าเป็นคนอย่างไง ทำงานตรงไปตรงมา ตรวจสอบทุกเรื่อง ไม่สนใจว่าใครเป็นใคร หรือพรรคการเมืองไหน เมื่อโอกาสเปิดให้เข้ามาสมัครเป็นกกต. ผมก็สมัครเข้ามา และผ่านการคัดเลือกตามขั้นตอนปกติ”
เมื่อถามว่า แต่การที่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมือง มาก่อน อาจทำให้ถูกมองว่า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมือง นายประวิช ตอบว่า “เรื่องความเป็นเพื่อน มันมีกันอยู่แล้ว สำหรับสังคมไทย มันปฏิเสธกันไม่ได้ แต่การทำงานก็คือทำงาน ต้องแยกส่วนกัน ผมพูดไว้เลย ไม่มีใครที่จะมามีอิทธิพล มากดดันขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ได้หรอก และผมก็เคยเป็นครูบาอาจารย์มาก่อน ผมรู้ดีว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ"
เมื่อถามว่า มองการเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ. 2557 ไว้อย่างไร นายประวิช ตอบว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.2557 นี้ เป็นการเลือกตั้งที่มีความสำคัญมาก กกต.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ต้องพยายามทำทุกอย่างให้เรียบร้อย โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์บ้านเมือง ที่มีขัดแย้งสูงในขณะนี้ การทำหน้าที่ตรงนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ และใหญ่มาก โดยเฉพาะการทำอย่างไรให้คนออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงกัน ในช่วงที่บ้านเมืองมีปัญหาแบบนี้ ซึ่ง กกต. จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ภาพประกอบจาก komchadluek