คนไทย 74% เลือกแล้ว ‘สุขภาพ’ สำคัญสุดในชีวิต เมินฐานะทาง ศก.
ผลสำรวจสาธารณมติ ยัน ปชช. 74% ใส่ใจสุขภาพ ไม่ใช่เงิน ขณะที่ ชาวใต้-กรุงเทพฯ ห่วงความปลอดภัยชีวิต-ทรัพย์สินเป็นพิเศษ ด้าน “วิบูลย์ทัต” แจง วัดดัชนีความก้าวหน้าของประเทศ ใช้จีดีพีอย่างเดียวไม่ได้
วันที่ 23 มิถุนายน ที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์ กรุงเทพฯ) สำนักงานสถิติแห่งชาติ กรมสุขภาพจิต องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งชาติไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วย การริเริ่มการพัฒนาขีดความก้าวหน้าแห่งชาติ (National Progress Index Initiative) โดยมีนพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ ผู้อำนายการสำนักงานสถิติแห่งชาติ นางดวงกมล อิศรพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาทุนทางสังคม องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งชาติไทย และทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. เป็นตัวแทนในการลงนามครั้งนี้
จากนั้นมีการแถลงข่าวผลการสำรวจสาธารณมติ “การกำหนดนิยามความก้าวหน้าของสังคมไทย” ซึ่งเป็นผลงานชิ้นแรกที่เกิดจากการร่วมมือของ 4 องค์กรดังกล่าว โดยนายวิบูลย์ทัต กล่าวถึงการสำรวจข้อมูลและพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อจัดทำบัญชีข้อมูลความก้าว หน้าของชาติ ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปจำนวน 106,620 คน เกี่ยวกับการกำหนดนิยามความสำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศและชีวิต 13 ด้าน ได้แก่ ด้านสุขภาพการศึกษาเรียนรู้ การทำงาน ครอบครัวและชุมชน ความปลอดภัยในชีวิต/ทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัย ความสุขความพึงพอใจในชีวิต ฐานะทางเศรษฐกิจ การลดความเหลื่อมล้ำ ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมทางการเมือง ความสมานฉันท์ในสังคม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีฯ ระหว่างวันที่ 28 ก.พ. – 25 มี.ค. 2554
ผลการสำรวจชัดเจนว่า สิ่งที่ประชาชนเห็นว่ามีความสำคัญต่อชีวิตมากที่สุดร้อยละ 74.3 คือเรื่องของสุขภาพ รองลงมาเป็นเรื่องการทำงาน การประกอบอาชีพร้อยละ 69.6 เรื่องชีวิตครอบครัว ชุมชนร้อยละ 51.3 การศึกษาการเรียนรู้ร้อยละ49.9 ขณะที่ฐานะทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 37.9
ขณะเดียวกัน เมื่อถามถึงสิ่งที่มีความสำคัญต่อความก้าวหน้าของประเทศ กลับพบว่า ไม่ใช่เรื่องสุขภาพ แต่เป็นเรื่องการศึกษาถึงร้อยละ 61.6 รองลงมาเป็นเรื่องการทำงานการประกอบอาชีพร้อยละ 59.8 เรื่องฐานะทางเศรษฐกิจร้อยละ 57 และเรื่องสุขภาพร้อยละ 41.7
นอกจากนี้ หากจำแนกสิ่งสำคัญในชีวิตออกเป็นภูมิภาคจะพบว่า ประชาชนทุกภาคจะให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ และการทำงานเป็นอันดับต้นๆ ขณะที่อันดับรองลงมาจะแตกต่างกันออกไป เช่น กรุงเทพและภาคใต้จะให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากภาคใต้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อเหตุการณ์ความไม่สงบ ส่วนกรุงเทพฯ มีการไหลของข่าวสารจำนวนมาก ส่วนภาคอื่นๆ จะให้ความสำคัญกับเรื่องที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภคมากกว่า
นายวิบูลย์ทัต กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทย ใช้จีดีพีเป็นตัวชี้วัดความก้าวหน้าของประเทศมาโดยตลอด แต่จากผลสำรวจกลับพบว่า ประชาชนไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องฐานะทางเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะในแง่มุมชีวิตหรือความก้าวหน้าของประเทศ ฉะนั้น ทิศทางการพัฒนาประเทศ จึงควรมีประเด็นอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยที่สะท้อนความอยู่ดีมีสุขของประชาชนอย่างแท้จริง“จีดีพีเป็น ส่วนหนึ่งที่จะสะท้อนความก้าวหน้าของประเทศ แต่ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด ดังนั้น ทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันค้นหาดัชนีอื่นๆ ไปเติมเต็ม เพื่อป้องกันไม่ประเทศเดินหน้าไปสู่วงจรโง่ จน เจ็บ”
ขณะที่ ทพ.กฤษดา กล่าวว่า ในภาพรวมสิ่งที่ประชาชนให้ความสำคัญไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องการศึกษา ซึ่งคนส่วนมากแสดงความห่วงใย การศึกษาจึงจำเป็นต้องปรับปรุง ไม่ใช่จำกัดอยู่แค่ในโรงเรียนเท่านั้น ขณะเดียวกันผลสำรวจชี้ว่า ประชาชนในแต่ละพื้นที่มีความต้องการแตกต่างกัน เช่น ในภาคอีสานประชาชนให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจอย่างมาก ซึ่งต่างจากภาคอื่นๆ ฉะนั้น การพัฒนาต้องเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง กำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน