ยิง 4 ศพชาวบ้านหาปูริมทะเลปัตตานี โต๊ะเจรจาส่อล่ม BRN ประกาศไม่ส่งคนร่วมวง
ใต้เดือดรับการเมืองร้อน คนร้ายปฏิบัติการโหดสังหารหมู่ 4 ศพชาวบ้านหาปูเปี้ยวในป่าโกงกางริมทะเลปัตตานี เผยมีผู้รอดชีวิต 3 ราย แต่หนึ่งในนั้นสูญหาย ยังหาตัวไม่พบ ผู้ว่าฯสั่งระดมกำลังทุกหน่วยค้นหาแต่ยังไร้เงา แฉแก๊งป่วนชิงรถกระบะของผู้ตายไปด้วย คาดเตรียมทำคาร์บอมบ์ ส่วนอนาคตพูดคุยสันติภาพริบหรี่ พบแถลงการณ์อ้างบีอาร์เอ็นยืนยันไม่คุยต่อถ้า 5 ข้อเรียกร้องไม่ผ่านรัฐสภาไทย
พ.ต.อ.ยุคคล ประสาทนานนท์ ผู้กำกับการ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้นำกำลังพร้อมเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด และทหาร เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้านที่กำลังหาปูเปี้ยว จนเสียชีวิตถึง 4 ราย เหตุเกิดบนถนนทางเข้าหมู่บ้าน บ้านบางไร่-บ้านตันหยงเปาว์ ท้องที่หมู่ 7 บ้านแคนา ต.บางเขา อ.หนองจิก เมื่อช่วงค่ำของวันอังคารที่ 3 ธ.ค.2556
ปฏิบัติการตรวจจุดเกิดเหตุเพิ่งมีขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันพุธที่ 4 ธ.ค. เนื่องจากเหตุร้ายดังกล่าวเกิดช่วงเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่เกรงว่าจะมีการซ้อนแผนดักซุ่มโจมตี จึงรอจนเช้าค่อยเข้าพื้นที่เกิดเหตุ
สำหรับศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก ทราบชื่อคือ นายจรัญ สุขสำราญ นายธรรมนูญ ปานแย้ม นายณัฐพล ปานะรัตน์ และ นายพิศาล บางเมือง อายุระหว่าง 35-50 ปี นอกจากนั้นยังมี นายสุธา สุขเอียด ที่สูญหาย หาตัวไม่พบ เกือบทั้งหมดเป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช พักอยู่ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ บ้านดอนรัก ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี
ผลการตรวจที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าเส้นทางที่มีการลอบยิง เป็นถนนเข้าหมู่บ้าน ทั้งมืดและเปลี่ยว มีรถผ่านไปมาน้อย พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 20 ปลอก และปลอกกระสุนปืนพกขนาด 9 มม.จำนวน 6 ปลอก มีผ้าเปื้อนเลือดตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ระดมกันหาตัวผู้สูญหายในรัศมี 5 กิโลเมตร แต่ยังไม่พบตัว เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะหนีเตลิดเข้าป่าในช่วงที่คนร้ายก่อเหตุ หรืออาจถูกคนร้ายจี้ชิงตัวไป
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.19 น.วันที่ 3 ธ.ค. กลุ่มผู้ตายมีด้วยกัน 10 คน มีอาชีพหาปูเปี้ยวตามป่าโกงกางเพื่อนำไปส่งขาย โดยใช้รถกระบะสีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บม 5164 นครศรีธรรมราช เป็นพาหนะ และมักเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุเป็นประจำ เมื่อผ่านจุดหาปูจุดแรก ได้ปล่อยพรรคพวกลง 3 คน จากนั้นก็แล่นรถต่อไปประมาณ 1 กิโลเมตร จึงจอดรถเพื่อหาปูตามปกติ ตอนนั้นมีคนบนรถ 7 คน
ทั้งนี้ ขณะที่กลุ่มผู้ตายรวม 7 คนกำลังลงจากรถ ปรากฏว่ามีคนร้าย 6 คนมีรถจักรยานยนต์ 3 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 และปืนพกยิงถล่ม ทำให้ทั้ง 7 คนวิ่งหนีกันกระจัดกระจาย มี 4 คนเสียชีวิตจากคมกระสุน ส่วนอีก 3 คนสามารถหลบหนีเข้าไปในป่าชายเลนได้ พบตัวแล้ว 2 คน คือ นายสวัสดิ์ เทพประสิทธิ์ อายุ 48 ปี และ นายนฤทธิ์ เทพรักษา อายุ 41 ปี เป็นชาว อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ส่วนอีก 1 คนหายตัวไป คือ นายสุธา สุขเอียด อายุ 46 ปี เป็นชาว อ.ปากพนัง เช่นกัน
หลังก่อเหตุคนร้ายยังได้ลากศพทั้ง 4 ศพไปทิ้งไว้ริมทาง แล้วขับรถกระบะของผู้ตายหลบหนีไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบที่ปฏิบัติการโหดเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ที่ใช้มาตรการเชิงรุกจนมีการวิสามัญฆาตกรรมและจับกุมผู้ต้องหาคดีความมั่นคงได้หลายรายในระยะนี้ ส่วนรถกระบะที่คนร้ายชิงไปนั้น ได้แจ้งเตือนไปยังทุกด่านตรวจให้เฝ้าระวัง เพราะคนร้ายอาจนำไปประกอบระเบิด
วันเดียวกัน นายวิทยา พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้เรียกประชุมด่วนเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อเร่งติดตามหาตัวชาวบ้านที่สูญหายอีก 1 ราย พร้อมทั้งเร่งประสานขอความร่วมมือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง ให้ร่วมกันออกค้นหาอีกทางหนึ่งด้วย แต่เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุเป็นป่าโกงกาง ประกอบกับมีฝนตกลงมาตลอดเวลา ทำให้การค้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก
"ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ผมได้เข้าไปให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสียทั้ง 4 รายแล้ว พร้อมมอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัวและญาติ เนื่องจากผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่ได้เข้ามาประกอบอาชีพอยู่ใน อ.เมือง จ.ปัตตานี กระทั่งเกิดเหตุความรุนแรงขึ้น" ผู้ว่าฯปัตตานี ระบุ
ยิงชาวบ้านที่กะพ้อ – อดีตครูสังเวยที่เทพา
สำหรับเหตุรุนแรงอื่นๆ ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 00.10 น.วันพุธที่ 4 ธ.ค. พ.ต.อ.ดุลยามาน แยนา ผู้กำกับการ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต ในหมู่บ้าน หมู่ 7 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพ นายแวหามะ ลาเตะ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 7 ต.กะรุบี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสั้นที่บริเวณลำตัว 3 นัด เสียชีวิตคาที่
สอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายกำลังเดินกลับบ้าน หลังจากไปนั่งคุยกับเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน แต่ระหว่างทางซึ่งเป็นที่มืด มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนดักอยู่ก่อนแล้ว เมื่อสบโอกาสจึงใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงจนเสียชีวิต เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
ก่อนหน้านั้น เวลา 10.40 น.วันอังคารที่ 3 ธ.ค. พ.ต.อ.อธิป แสงวันลอย ผู้กำกับการ สภ.เทพา จ.สงขลา รับแจ้งมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณปากทางเข้าบ้านคลองประดู่ หมู่ 4 ต.ปากบาง อ.เทพา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตคือ นายเริงฤทธิ์ อิกะศิริ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/1 บ้านตูหยง หมู่ 2 ต.ปากบาง เป็นข้าราชการครูบำนาญ อดีตครูโรงเรียนบ้านบ่อเตย หมู่ 1 ต.ปากบาง สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าบริเวณลำตัว 1 นัด นอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถจักรยานยนต์
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเริงฤทธิ์ กำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปทำธุระ ระหว่างทางมีคนร้าย 3 คนขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนซ้อนสามตามประกบ แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิง นายเริงฤทธิ์ จนเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายก็เร่งเครื่องรถหลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร โดยตั้งประเด็นการสอบสวนไว้ 2 ประเด็น คือ เป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ และความขัดแย้งส่วนตัวเรื่องปล่อยเงินกู้นอกระบบ
บึ้มโก-ลกไร้เจ็บ – ยิงดับสาวใหญ่ที่กรงปินัง
วันพุธที่ 4 ธ.ค. เวลา 18.30 น. เกิดระเบิดบริเวณเกาะกลางถนน บนทางหลวงหมายเลข 4057 หน้าสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มูโนะ บ้านลูโบ๊ะลือซง หมู่ 2 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาเดียวกันยังมีคนร้ายโปรยตะปูเรือใบไว้บนถนนช่วงที่เกิดระเบิดด้วย ทำให้รถยนต์ของประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาได้รับความเสียหายหลายคัน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 21.55 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาดยิง นางสาเราะ สาแมปีแน อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 3 ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เสียชีวิต เหตุเกิดขณะนางสาเราะกำลังซื้อของอยู่ในร้านขายของชำข้างมัสยิดดารุลอามาน บ้านกะดุโด๊ะ หมู่ 3 ต.สะเอะ อ.กรงปินัง และกระสุนยังพลาดไปโดนเด็กหญิงวัย 5 ขวบที่นั่งอยู่ในร้านได้รับบาดเจ็บไปด้วย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี คนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่บริเวณป่าข้างทาง ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายอายุ อารง อายุ 33 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.ปะโด อ.มายอ ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนเลียบคลองชลประทาน ท้องที่บ้านควนหยี หมู่ 3 ต.ปะโด ขณะที่นายอายุกำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อไปหาปลา เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
สลด อส.เหยื่อบึ้มยะลามีลูก 2 คน
ที่ฌาปนสถานเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันอังคารที่ 3 ธ.ค. นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายศักดิ์ชาย บุญศาสตร์ อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) อำเภอเมืองยะลา ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ถูกคนร้ายลอบวางระเบิด ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านตรวจลอย และ รักษาความปลอดภัยเส้นทางให้กับประชาชน ในเขตเทศบาลนครยะลา เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ณรงค์เรสซิ่ง เลขที่ 18 ถนนอุตสาหกรรม เขตเทศบาลนครยะลา เมื่อเช้าวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับ นายศักดิ์ชาย บุญศาสตร์ เกิดเมื่อวันที่ 6 มี.ค.2514 อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/5 หมู่ 9 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เป็นบุตรของ นายประทีป และ นางบังอร บุญศาสตร์ สมรสกับ น.ส.ทิพยา ฤทธิเดช มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ ด.ช.ฤทธิไกร บุญศาสตร์ อายุ 10 ปี และ ด.ช.รณฤทธิ์ บุญศาสตร์ อายุ 7 ปี
พูดคุยสันติภาพส่อล่ม-บีอาร์เอ็นปัดส่งคนร่วมโต๊ะ
ด้านความคืบหน้าการพูดคุยสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับขบวนการบีอาร์เอ็น เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังฝ่ายไทยขอเลื่อนนัดพูดคุยจากช่วงต้นเดือน ธ.ค.ไปอย่างไม่มีกำหนด สืบเนื่องจากปัญหาการเมืองภายในประเทศนั้น
ล่าสุดได้มีแถลงการณ์อ้างว่าเป็นของขบวนการบีอาร์เอ็น เนื้อหาเป็นภาษาไทย ความยาว 1 หน้ากระดาษเศษ ระบุว่า การพูดคุยสันติภาพจะไม่เกิดขึ้นหากข้อเรียกร้องเบื้องต้น 5 ข้อที่บีอาร์เอ็นเสนอไม่ได้รับการยอมรับโดยผ่านมติจากรัฐสภาไทย และบีอาร์เอ็นก็จะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมการพูดคุยสันติภาพอีก
นอกจากนั้นหากรัฐบาลไทยยังไม่ประกาศให้กระบวนการพูดคุยสันติภาพเป็นวาระแห่งชาติ โดยมีแถลงการณ์อย่างชัดเจนจากนายกรัฐมนตรี ความพยายามของรัฐบาลไทยในเรื่องนี้ก็จะไม่ได้รับความไว้วางใจจากทั้งบีอาร์เอ็น พูโล และบีไอพีพี รวมทั้งกลุ่มอื่นๆ
แถลงการณ์ยังอ้างถึงมติที่ประชุมสภาปฏิวัติของบีอาร์เอ็น ที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ YouTube เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2556 (คลิปการแถลงของคน 3 คน มีหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า ถือปืน สวมเสื้อผ้าสีโทนดำและลายพราง) ที่ยืนยันจุดยืนว่าการพูดคุยสันติภาพจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีก หากข้อเรียกร้องเบื้องต้น 5 ข้อยังไม่ได้ถูกเสนอเพื่อผ่านมติของรัฐสภาไทย ฉะนั้นกิจกรรมทางการเมืองใดๆ ที่ไม่สอดคล้องกับจุดยืนนี้ แม้ดำเนินการภายใต้ชี่อของบีอาร์เอ็น ก็ไม่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการดำเนินการโดยบีอาร์เอ็น
ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ยังอ้างว่า เป้าหมายของบีอาร์เอ็นคือ "ปาตานีเอกราช" และสร้างสันติภาพที่แท้จริง ไม่ใช่สันติภาพภายใต้เงื่อนไขและการยึดครองของจักรวรรดินิยมสยาม แต่การเข้าไปเกี่ยวข้องในกระบวนการพูดคุยสันติภาพเมื่อ 28 ก.พ.2556 (มีการลงนามในข้อตกลงริเริ่มกระบวนการพูดคุยสันติภาพ ระหว่าง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กับ นายฮัสซัน ตอยิบ แกนนำบีอาร์เอ็น) เป็นความจำเป็นทางการเมือง และต่อมาเมื่อ 26 ส.ค.2556 บีอาร์เอ็นจึงเสนอข้อเรียกร้องเบื้องต้น 5 ข้อเพื่อผลักดันให้กระบวนการเจรจาสันติภาพเกิดขึ้นได้ในที่สุด แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลไทย
บีอาร์เอ็นยังย้ำด้วยว่า เป้าหมายของการพูดคุยสันติภาพในครั้งนี้ มิใช่เพื่อหวังให้การต่อสู้ด้วยอาวุธเพื่ออุดมการณ์ปลดปล่อยปาตานียุติลงเท่านั้น ทว่ายังต้องรวมถึงการสร้างสันติภาพที่ประกอบด้วยหลักประกันที่ครอบคลุมรอบด้าน เพื่อความมีศักดิ์ศรีและการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวปาตานี ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมติสมัชชาแห่งสหประชาชาติที่ 1514 (xv) ลงวันที่ 14 ธ.ค.1960 ว่าด้วย "การให้เอกราชแก่ดินแดนอาณานิคม"
สำหรับเอกสารแถลงการณ์ที่อ้างว่าเป็นของบีอาร์เอ็นนั้น ใช้กระดาษที่มีหัวกระดาษเป็นตราสัญลักษณ์บีอาร์เอ็น พร้อมชื่อเป็นภาษามาเลย์ ภาษาอังกฤษ และยาวี ส่วนย่อหน้าสุดท้ายเขียนว่า "เอกราช เอกราช เอกราช" แต่ใช้คำลงท้ายว่า "ด้วยความเคารพ" พร้อมลงชื่อ BRN มีตราประทับ แต่ไม่ระบุชื่อบุคคล
อนึ่ง ที่ผ่านมารัฐบาลไทยปฏิเสธที่จะนำ 5 ข้อเรียกร้องของบีอาร์เอ็นเข้าสู่การรับรองของรัฐสภา เพราะเห็นว่ายังไม่ใช้ขั้นตอนที่เหมาะสม โดยรัฐบาลไทยเพียงแต่ทำหนังสือตอบบีอาร์เอ็นเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ว่าได้รับข้อเรียกร้อง 5 ข้อไว้พิจารณาแล้ว และจะพูดคุยกันต่อไป ฉะนั้นหากบีอาร์เอ็นยื่นคำขาดว่าจะไม่มีการเจรจาถ้าทางการไทยไม่ส่งข้อเรียกร้อง 5 ข้อให้รัฐสภาพิจารณารับรอง ก็มีโอกาสสูงที่กระบวนการพูดคุยสันติภาพอาจต้องสะดุดหยุดลง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : 1-2 เอกสารคำแถลงการณ์ที่อ้างว่าเป็นของขบวนการบีอาร์เอ็น ทั้งหัวเอกสารและคำลงท้าย