ภาคเอกชนเรียกร้อง 4 ข้อ พร้อมระดมความเห็นวิกฤตทางการเมือง
วันที่ 2 ธ.ค. ตัวแทนภาคธุรกิจเอกชน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย ได้ประชุมหารือและออกแถลงการณ์ร่วมดังมีข้อความ ดังนี้
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และความเชื่อมั่นในหลายภาคส่วนทั้งด้านการค้า อุตสาหกรรม การบริโภค การท่องเที่ยว และการลงทุนของประเทศ เครือข่ายภาคเอกชน อันได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความขัดแย้งและการกระทำที่นำไปสู่อุบัติการณ์ที่ร้ายแรง ซึ่งบัดนี้ได้ทำความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน ของประชาชน รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศ และอาจจะลุกลามโดยไม่มีข้อยุติ
อนึ่ง ภายหลังจากการประชุมปรึกษาหารือร่วมกันของภาคเอกชน เราขอเรียกร้องร่วมกัน ดังนี้
1.ภาคเอกชนพร้อมที่จะร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อหาทางออกให้กับประเทศไทย โดยยึดถือหลักการของกฎหมาย ความถูกต้องชอบธรรม ตามหลักของการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี โดยจะร่วมกับสถาบันต่างๆ อาทิ สถาบันภาคเอกชน สถาบันการศึกษา สถาบันสื่อมวลชน รวมทั้งผู้ที่เป็นที่ยอมรับของสังคม
2.ปัญหาข้อขัดแย้งควรแก้ไขด้วยการเจรจา ไม่ใช้ความรุนแรงหรือการกระทำที่ไม่เคารพกฎหมายและกติกาประชาธิปไตย ทั้งนี้ ภาคเอกชน พร้อมที่จะให้การสนับสนุนแก่ทุกๆ ฝ่าย ที่ได้ริเริ่มให้มีการเจรจากันแล้ว และยินดีเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการทุกทางที่จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศอันเป็นที่รักของเรา
3.การแสดงความเห็นทางการเมืองเป็นสิทธิอันชอบธรรมภายใต้กรอบแห่งกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนไม่เห็นด้วยกับกระบวนการที่ทำให้เกิดความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาของชาติ และเห็นว่าการเดินกลยุทธ์ทางการเมืองโดยตั้งเงื่อนไขจะนำไปสู่การสูญเสีย ทั้งนี้ ผู้ที่ใช้ความรุนแรงจนทำให้ประชาชนได้รับความเสียหาย และเสียเลือดเนื้อ จะถูกจดจำและบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
4.ภาคเอกชน เห็นว่าหนทางหนึ่งที่จะนำไปสู่สันติ คือการทำตามกติกาโดยหาทางออกในวิถีประชาธิปไตย เพื่อไม่ให้สถานการณ์บ้านเมืองเป็นไปในลักษณะเดิมภายหลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมา จึงขอเสนอให้มีการเจรจาระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อให้มีข้อยุติเบื้องต้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง โดยมีผู้แทนองค์กรที่เป็นที่ยอมรับของทุกๆ ฝ่าย ร่วมในการเจรจาประเด็นต่างๆ
สุดท้ายนี้ ภาคเอกชน ขอให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงผลภัยและความแตกแยกที่จะมีต่อประเทศชาติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ครอบครัว และภาวะจิตใจ ตลอดจนภาพพจน์ ความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในสังคมโลก ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อยู่อย่างยืดเยื้อ ก็จะทำให้ประเทศไทยถูกจัดเป็น “Failed State” และ/หรือ “อนาธิปไตย”
ทั้งนี้ ภาคเอกชนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุม ได้โปรดหาทางออกให้กับประเทศของเราอย่างสันติวิธีโดยเร็ว และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีเหตุการณ์เสียเลือดเนื้อเช่นนี้อีก อันจะนำความเสียใจอย่างยิ่งมาสู่ประชาชนคนไทย
สำหรับตัวแทนภาคเอกชนที่ร่วมแถลงการร่วม ประกอบด้วย นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธาน กกร. ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายชาติศิริ โสภณพนิช ประธานสมาคมธนาคารไทย นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายสุรงค์ บูลกุล นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย
ขอขอบคุณข่าวจาก