เปิดตัว ส.ส. "เสียบบัตร-ออกเสียงแทนผู้อื่น" ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
เปิดตัว "นริศร ทองธิราช" ส.ส.เพื่อไทย ผู้ทรงเกียรติ ถูกระบุรับหน้าที่เสียบบัตรแสดงตน-ออกเสียงแทนคนอื่น ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พบแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช. มีรายได้หลักแสนต่อเดือน แต่มียอดเงินฝากในบัญชีแค่หนึ่งพัน แบกหนี้กู้เพียบ ภรรยาแจ้งได้ค่าเช่าเครื่องจักรกล เดือนละ 5 หมื่น แต่ไม่ระบุประเภท-เจ้าของ?
ถูกระบุชื่อในคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาและคุณสมบัติของ สว.เป็นการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 และล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา 68 ของ ศาลรัฐธรรมนูญ
สำหรับ "นายนริศร ทองธิราช" ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ในฐานะเป็น "ผู้รับหน้าที่เสียบบัตรแทนส.ส.คนอื่น" ในการแสดงตนลงคะแนนเสียง
“ตามการเบิกความของนางอัจฉรา จูยืนยง ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานโสดโสตทัศนูปกรณ์ สำนักงานเลขาธิการสภาฯที่ให้การไว้ว่าโดยปกติแล้วบัตรที่ใช้ยืนยันหรือแสดงตนในการลงคะแนนของสมาชิกรัฐสภานั้นจะมีประจำตัวคนละหนึ่งใบและมีบัตรสำรองอีกคนละ1ใบ ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่เจ้าหน้าที่
เมื่อพิจารณาจากภาพถ่ายที่พยานนำสืบต่อศาลก็เห็นภาพบุคคลปรากฏใบหน้าด้านข้างซึ่งสามารถยืนยันได้ว่าเป็นนายนริศร ทองธิราช (สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย) ผู้ถูกร้องที่ 162 ซึ่งสวมสูทสีเดียวกันกับภาพที่ปรากฏในวีดีทัศน์ที่ถือบัตรแสดงตนไว้ในมือจำนวนหนึ่งซึ่งมากกว่าสองบัตร เกินกว่าจำนวนบัตรแสดงตนที่สมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งจะพึงมีได้ และยังใช้บัตรดังกล่าวใส่เข้าออกในช่องอ่านบัตรพร้อมกดปุ่มบนเครื่องต่อเนื่องกันทุกบัตร
เห็นได้ว่าการกระทำเช่นนี้ลักษณะผิดปกติวิสัยและการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาในการใช้บัตรแสดงตนและออกเสียงหลายใบ จากการรับฟังพยานหลักฐานและการเบิกความในชั้นการพิจารณาไต่สวนคำร้องเป็นเรื่องที่แจ้งชัดว่ามีสมาชิกรัฐสภาหลายรายไม่ได้มาออกเสียงในที่ประชุมรัฐสภาแต่ได้มอบหมายให้สมาชิกรัฐสภาบางรายใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนแทน
การดำเนินการดังกล่าวนอกจากจะเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็นสมาชิกรัฐสภาที่ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต และขัดต่อข้อบังคับการประชุมรัฐสภาขัดต่อหลักความซื่อสัตย์สุจริตที่สมาชิกรัฐสภาได้ปฎิญาณตนไว้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 123 และขัดต่อหลักการมาตรา 126 วรรค3 ที่ให้สมาชิกคนหนึ่งมีเพียงหนึ่งเสียงในการออกเสียงลงคะแนนมีผลทำให้การออกเสียงลงคะแนนของรัฐสภาในการประชุมนั้นๆเป็นการออกเสียงที่ทุจริตไม่เป็นไปตามเจตนาที่แท้จริงของปวงชนชาวไทย มิอาจถือว่าเป็นมติที่ชอบของรัฐสภาในกระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ"
หลายคนอาจสงสัยว่า นายนริศร ทองธิราช เป็นใคร และมีที่มาที่ไปอย่างไร?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลการแจ้งรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ นายนริศร ทองธิราช ในการเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.สกลนคร เขต 3 พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา
นายนริศร แจ้งว่า เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2503 พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 350 ม. 2 ต.พรรณา อ.พรรณานิคม จังหวัดสกลนคร บิดา ชื่อ นายนิยุก ทองธิราช เป็นข้าราชการบำนาญ (เสียชีวิตแล้ว) มารดา ชื่อ นางหนูไสย ทองธิราช เป็นข้าราชการบำนาญเช่นกัน
ทั้งนี้ นายนริศร แจ้งว่า สมรส กับ นางสุลักษณ์ ทองธิราช มีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร มีบุตร 3 คน เป็นชาย 1 คน เป็น ผู้หญิง 1 คน
ส่วนประวัติการทำงานย้อนหลัง 5 ปี ของนายนริศร แจ้งว่า ปี 2549 ดำรงตำแหน่ง ส.ว. จังหวัดสกลนคร ปี 2551 เป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร
ในส่วนรายได้ประจำ ของนายนริศร แจ้งว่ามีจำนวนเงิน 1,362,720 บาท มาจากเงินเดือนๆละ 113,560 บาท
ส่วนของภรรยา แจ้งว่ามีจำนวน 974,000 บาท มาจากเงินเดือนๆ ละ 16,200 บาท รวมเป็นเงิน 194,400 บาท ค่าเช่าบ้าน 15,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 180,000 บาท ค่าเช่าเครื่องจักรกล เดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเงิน 600,000 บาท
ขณะที่รายจ่าย นายนริศร แจ้งว่า มีค่าส่งงวดหนี้ บสท. 100,000 บาท
ส่วนภรรยา มีค่างวดรถรถเก๋งเชฟโรเลต 11,290 บาท ค่าเลี้ยงดูบุตร , ค่าเช่าบ้าน 20,000 บาทค่าน้ำ,ไฟฟ้า,โทรศัพท์ 10,000 บาท และค่าประกันชีวิต 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 51,290 บาท
ในส่วนทรัพย์สิน นายนริศร แจ้งว่า มีเงินฝากอยู่ในบัญชี ธนาคารกรุงไทยสาขาย่อยรัฐสภาอยู่ 1,105.75 บาท มีเงินลงทุนในหุ้นทิสโก้ จำนวน 2,000 บาท และหุ้นสหกรณ์ 42,850 บาท ที่ดิน 700,000 บาท รวมจำนวนเงิน 745,955.75 บาท
ส่วนภรรยา มีทรัพย์สิน 3 รายการ เป็นที่ดิน จำนวน 5,000,000 บาท โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง 4,000,000 บาท และยานพาหนะ ราคา 996,760 บาท เป็นรถยนต์มิตซูบิชิ 1 คัน รถยนต์เชฟโรเลต1 คัน รวมเป็นจำนวนเงิน 10,244,955 บาท รวมทรัพย์สินทั้งสิ้น 11,442,715.75 บาท
ส่วนหนี้สิน นายนริศร แจ้งว่า มีหนี้จำนวน 11,290,459 บาท เป็นเงินกู้จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ 290,455.65 บาท และหนี้สินจากบรรษัท บริหารสินทรัพย์ไทย 11,782,606.77 บาท
ส่วนภรรยา มีหนี้สินกับธนาคารทิสโก้ 496,760 บาท รวมหนี้สินทั้งสิ้น 12,569,825.70 บาท
รวมแล้วมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 1,127,109.95 บาท
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า นายนริศร แจ้งว่า ภรรยา มีรายได้จากค่าเช่าเครื่องจักรกล เดือนละ 50,000 บาท รวม 12 เดือน มีรายได้รวมกว่า 600,000 บาท
แต่ในข้อมูลรายการทรัพย์สิน ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไม่ได้มีการระบุถึงรายละเอียด ว่า เครื่องจักรกล ที่ให้เช่าดังกล่าว คือ อะไร และใครเป็นเจ้าของ?
(ภาพประกอบจาก parliament)