บึ้มรถตำรวจระแงะ รปภ.ครู พลีชีพ2 ปัดระเบิดแว้งหวังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ใต้เดือด! ดักบึ้มรถตำรวจระแงะชุด รปภ.ครู พลีชีพ 2 นาย สาหัสอีก 1 ชุดคุ้มครองครูโดนสองวันติด เพราะเพิ่งระเบิดทหารพรานเจ็บ 3 ด้านนายอำเภอแว้งออกโรงปัดข่าวลืออ้างเหตุบึ้ม 2 จุดพร้อมโปรยตะปูเรือใบเมื่อ 13 พ.ย.เป็นการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายรัฐหวังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยืนยันเป็นฝีมือกลุ่มป่วนใต้ กลัวรัฐบาลสั่งยกเลิกกฎหมายพิเศษจริงส่งผลไร้เงื่อนไขปลุกระดม ยิงรายวันยังเพียบ ผู้นำท้องถิ่นตกเป็นเป้าไม่หยุด
สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงร้อนแรงและมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น.วันศุกร์ที่ 15 พ.ย.2556 คนร้ายลอบจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ถังแก๊ส น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 20 กิโลกรัม ซุกไว้ใต้ผิวถนน โจมตีรถกระบะตราโล่ หมายเลขทะเบียน ฒง 7961 กรุงเทพมหานคร ของตำรวจสถานียุทธศาสตร์มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) โรงเรียนบ้านเขาแก้ว เหตุเกิดบนถนนสายเขาแก้ว-ศิลา ท้องที่หมู่ 4 บ้านศิลา ต.มะรือโบตก ขณะที่ตำรวจทั้ง 3 นายเพิ่งเสร็จภารกิจ กำลังนั่งรถกลับสถานี
แรงระเบิดทำให้รถกระบะกระเด็นตกไปข้างทางพังยับเยิน เจ้าหน้าที่ตำรวจในรถเสียชีวิต 2 นาย คือ ส.ต.ต.วรวุฒิ วรจารุ อายุ 25 ปี และ ส.ต.อ.มานะชัย พิพิธทอง อายุ 26 ปี โดยรายหลังไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลยี่งอ จ.นราธิวาส ส่วน ส.ต.ต.คมสันต์ วงศ์วัชระบุญ อาการสาหัส
บึ้มทหารพรานชุด รปภ.ครูที่ไม้แก่นเจ็บ 3
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. เวลา 17.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการลาดตระเวนเส้นทางและ รปภ.ครู สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4214 (ร้อย.ทพ.4214) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 เหตุเกิดบนถนนสายชนบท ท้องที่บ้านทะเล หมู่ 2 ต.ตะโละไกรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี รงระเบิดทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ประกอบด้วย
1) อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) มนวัต สวัสดิ์ขวัญ อายุ 26 ปี
2) อส.ทพ.วิศรุต นาดำ อายุ 28 ปี
3) อส.ทพ.สายัณห์ เกื้อคลัง อายุ 33 ปี
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบและสอบสวนจนทราบว่า กำลังพลชุดดังกล่าวมี 6 นาย เพิ่งเสร็จจากภารกิจลาดตระเวนเส้นทางเพื่อ รปภ.ครู โรงเรียนบ้านตะโละไกรทอง กำลังเดินเท้ากลับฐาน แต่ระหว่างทางถูกคนร้ายใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่กล่องเหล็ก วางไว้ข้างเสาไฟฟ้าริมถนน แรงระเบิดทำให้ทหารพรานได้รับบาดเจ็บ 3 นายดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 03.00 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนพยายามลอบวางเพลิงอาคารศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ต.กระโด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยใช้วิธีจุดไฟเผายางรถจักรยานยนต์ แล้วนำไปวางไว้ในตัวอาคาร แต่โชคดีเพลิงไม่ลุกไหม้ นอกจากนั้นคนร้ายยังวางวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดเป็นถังแก๊สสีส้มเอาไว้ด้วย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ยิงทำลายพบว่าเป็นถังแก๊สเปล่า
ลือแซ่ดบึ้มแว้งสร้างสถานการณ์คง "ฉุกเฉิน"
เหตุระเบิดในพื้นที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส เมื่อค่ำวันพุธที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนทั่วไปได้รับบาดเจ็บหลายรายนั้น ได้นำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในพื้นที่ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายรัฐเพื่อคงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) หรือไม่
ทั้งนี้ อ.แว้ง เป็นหนึ่งใน 5 อำเภอที่รัฐบาลมีแผนยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังจากเป็นพื้นที่บังคับใช้กฎหมายพิเศษมานานกว่า 8 ปี ขณะที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เป็นอำเภอเดียวของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อเดือน ธ.ค.2553 ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เหตุระเบิดเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ในพื้นที่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐพยายามสร้างสถานการณ์โดยจุดประทัดยักษ์และวางระเบิดพร้อมทั้งโปรยตะปูเรือใบตามเส้นทางถนนสายชนบทแว้ง-โล๊ะจูด เขตรอยต่อระหว่างบ้านบือเลาะ หมู่ 3 กับบ้านตำเสา หมู่ 6 ต.ฆอเลาะ อ.แว้ง และบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ตั้งอยู่หมู่ 1 ต.แว้ง เพื่อให้เป็นเงื่อนไขในการคงบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯต่อไป ทั้งๆ ที่ตลอดมาตั้งแต่มีข่าวรัฐบาลเตรียมยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้มีการทำประชาคมระดับตำบลและหมู่บ้าน ปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่มีมติให้ยกเลิกการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ
นายอำเภอออกโรงแจงไม่ใช่ฝีมือ จนท.
นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอแว้ง ชี้แจงผ่านรายการวิทยุท้องถิ่นแห่งหนึ่งจากการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อสร้างสถานการณ์
ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ซึ่งบางพื้นที่ได้เตรียมเปิดประชาคมในหมู่บ้านที่เหลือที่ยังไม่เคยทำประชาคม ว่าต้องการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯหรือไม่ แต่กลับพบว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงปิดเส้นทางสัญจรของประชาชนนั้น นายปรีชา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องการเคลียร์เส้นทางให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยสูงสุดหลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดเมื่อ 1 วันก่อนหน้า ไม่ได้มีเจตนาปิดกั้นการออกมาแสดงความคิดเห็นของประชาชน และเมื่อฝ่ายความมั่นคงยืนยันความปลอดภัยแล้ว ก็ได้เปิดเส้นทางให้สัญจรตามปกติ
"การเปิดประชาคมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยังคงมีต่อไป โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จในทุกตำบลและหมู่บ้านในวันที่ 15 พ.ย. ยืนยันว่าการคงไว้หรือยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่ได้ส่งผลดีหรือผลเสียกับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงใน อ.แว้ง เพราะยังต้องปฏิบัติงานตามปกติ ในทางกลับกันการเปิดประชาคมเพื่อรับฟังเสียงจากประชาชนถือเป็นการแสดงความจริงใจของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้มาตรการการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ได้รับความพึงพอใจจากประชาชนในฐานะเจ้าของบ้าน หากประชาชนมีมติให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็จะนำเรื่องนี้เสนอให้ระดับนโยบายพิจารณาต่อไป โดยไม่มีการหยิบยกเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดมาเป็นเงื่อนไข"
มั่นใจแว้งสงบสุข-ปล่อยข่าวฝีมือกลุ่มป่วน
นายปรีชา กล่าวด้วยว่า เชื่อมั่นว่าพื้นที่ อ.แว้ง เป็นพื้นที่ที่มีความสงบสุข ประชาชนสามารถร่วมกันดูแลปกป้องพื้นที่ของตนเองได้โดยไม่จำเป็นต้องมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเป็นมือที่สามที่ต้องการป้ายสีเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวง ขณะนี้กำลังเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายอำเภอแว้ง ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า จริงๆ ประชาชนส่วนใหญ่ทราบดีว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้าหน้าที่ แต่ที่มีข่าวออกไปเป็นเพราะการสร้างข่าวของเครือข่ายก่อความไม่สงบที่ไม่ต้องการให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เนื่องจากหากยกเลิกก็จะไม่มีเงื่อนไขอะไรในการปลุกระดมให้ประชาชนเกลียดชังรัฐ ฉะนั้นเมื่อมาเกิดเหตุระเบิดในช่วงที่กำลังทำประชาคม จึงทำให้ฝ่ายก่อความไม่สงบสบช่องกระจายข่าว
ย้อนเหตุบึ้มแว้ง 2 จุดเจ็บระนาว
อนึ่ง เหตุการณ์ความไม่สงบที่ อ.แว้ง เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00 น.ของวันพุธที่ 13 พ.ย. โดยคนร้ายได้โปรยตะปูเรือใบบนถนนสายแว้ง-โล๊ะจูด ทำให้พาหนะของประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาได้รับความเสียหายหลายคัน เจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นเส้นทาง และต่อมาได้เกิดเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้ง แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ต่อมาเวลา 20.40 น. ตำรวจ สภ.แว้ง นำโดย พ.ต.ต.อนุชา ชาวไธสง สารวัตรปราบปราม (สวป.) ได้นำกำลังออกลาดตระเวนโดยใช้รถกระบะสายตรวจเป็นพาหนะ ระหว่างถูกคนร้ายลอบวางระเบิดบนถนนสายแว้ง-สุคิริน ใกล้กับร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นในเขตเทศบาลตำบลแว้ง ทำให้รถสายตรวจได้รับความเสียหาย และกำลังพลได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 5 นาย ประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บ 8 คน
รายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บประกอบด้วย พ.ต.ต.อนุชา ชาวไธสง สวป.สภ.แว้ง ส.ต.ท.อดินันท์ อาแด อายุ 32 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป) สภ.ตากใบ ช่วยราชการ สภ.แว้ง ส.ต.ต.มะหะดี จิใจ อายุ 26 ปี ผบ.หมู่ (ป) สภ.แว้ง ส.ต.ต.ศุภชัย ชาญพล ผบหมู่ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) สภ.แว้ง ส.ต.ต.สุชิน พรหมมูล ผบ.หมู่ นปพ.สภ.แว้ง นายมะแซ เจ๊ะมูดอ อายุ 33 ปี นายไซดี มามะ อายุ 24 ปี นางนูอาซีกี บินดาโอะ อายุ 24 ปี นายไพซู บินกาเจ อายุ 23 ปี นายสมี อูมา อายุ 42 ปี นายนิพาซอรี นิเลาะ อายุ 41 ปี นางแวยะห์ แวโด อายุ 35 ปี และ ด.ญ.นูร์ฟาริณ สียอ อายุ 10 ขวบ ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ยิงรายวันเพียบ-นักการเมืองท้องถิ่นยังเป็นเป้า
สำหรับเหตุยิงรายวันยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เริ่มจากเวลา 17.40 น.วันศุกร์ที่ 15 พ.ย. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายอิสเฮาะ ดอฮิง อายุ 41 ปี รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ยามู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาที่ และ นางสะรีฮ๊ะ มอนะ อายุ 34 ปี ภรรยา ได้รับบาดเจ็บสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เหตุเกิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 ท้องที่บ้านบางปู หมู่ 3 ต.บางปู อ.ยะหริ่ง ขณะที่นายอิสเฮาะกับภรรยากำลังขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมาหลังเสร็จจากการขายน้ำตาลสดริมถนนมุ่งหน้ากลับบ้าน โดยคนร้ายดักยิงระหว่างทาง
วันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. เวลา 14.20 น. คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่หน้าอู่ซ่อมรถยนต์ พีเอสเซอร์วิส 2008 ตั้งอยู่ริมถนนสายนราธิวาส-ตากใบ ท้องที่ ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส จากนั้นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ลงจากรถ และเดินเข้าไปในร้าน ตรงเข้าไปหา นายภูเบศ ยอดธรรม อายุ 57 ปี เจ้าของอู่ แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงที่ศีรษะจนเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายได้วิ่งออกไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
วันพุธที่ 13 พ.ย. เวลา 18.30 น. คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกยิง นายนิมุ เจ๊ะอาแว อายุ 46 ปี ว่าที่นายก อบต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ที่เพิ่งชนะเลือกตั้ง แต่ยังไม่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะที่นายนิมุกำลังเดินกลับบ้านหลังเสร็จพิะละหมาดที่มัสยิดกำปงบุดี ท้องที่บ้านบูดี หมู่ 1 ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง โดยขณะเกิดเหตุ นายอิสมัต มามะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 338/2 บ้านตะโละสมีแล หมู่ 2 ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง เห็นเหตุการณ์ และตะโกนเรียกให้คนช่วย ทำให้คนร้ายหันปากกระบอกปืนยิงใส่จนได้รับบาดเจ็บไปอีกราย ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น
สปต.จี้ถามสาเหตุผู้นำท้องถิ่นถูกยิงถี่
วันศุกร์ที่ 15 พ.ย. ที่ห้องประชุมเอนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อ.เมือง จ.ยะลา มีการประชุมสมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) โดยมี นายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธาน สปต.ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
โอกาสนี้ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิก สปต. ได้สอบถามตัวแทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ที่เข้าร่วมประชุมด้วย ถึงสถานการณ์การถูกลอบสังหารมากอย่างผิดปกติของผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่น เช่น นายก อบต. โดยเรียกร้องให้ตรวจสอบว่าเป็นสถานการณ์สืบเนื่องจากความขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่นจากการเลือกตั้งนายก อบต.เมื่อไม่นานมานี้ หรือเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่พุ่งเป้าผู้นำท้องถิ่นมากขึ้น เพื่อตอบโต้รัฐที่มีโครงการสร้างความเข้มแข็งให้ชุดคุ้มครองตำบลและหมู่บ้าน
ทั้งนี้ ผู้แทนจาก กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้รับเรื่องเพื่อนำไปตรวจสอบต่อไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สภาพรถตำรวจ สภ.ระแงะ ปฏิบัติหน้าที่ชุดคุ้มครองครู ที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดเมื่อวันศุกร์ที่ 15 พ.ย.
ขอบคุณ : ภาพจากเจ้าหน้าที่ชุดตรวจที่เกิดเหตุ