ก.เกษตรฯ ชวนคนไทยชื่นชมพระเกียรติคุณ ‘พระบิดาแห่งฝนหลวง’
ก.เกษตรฯ จัดงานวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ครบรอบ 58 ปี เฉลิมพระเกียรติ-ถวายราชสดุดีในหลวง เตรียมเร่งขับเคลื่อนตามพระบรมราโชบายแก้ปัญหาภัยแล้ง หวังบริหารจัดการน้ำประเทศอนาคตด้วยดี
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมว.กษ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและถวายราชสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องใน ‘วันพระบิดาแห่งฝนหลวง’ ณ ท่าอากาศยานหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ‘พระบิดาแห่งฝนหลวง’ ขึ้นในวันนี้ เช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา โดยมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้แทนจากหน่วยงานราชการต่าง ๆ รวมทั้งตัวแทนอาสาสมัครฝนหลวง เข้าร่วมในพิธีจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้ทำการเผยแพร่พระเกียรติคุณและพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง ตลอดจนได้จัดแสดงนิทรรศการขึ้นบริเวณหน้าหอเฉลิมพระเกียรติฯ ณ ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน เพื่อให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้รับรู้และซาบซึ้งในพระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญคุณประโยชน์อย่างอเนกอนันต์ต่อประชาชนในโครงการพระราชดำริฝนหลวง
"วันนี้ถือเป็นวันครบรอบปีที่ 58 นับจากวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้นวิจัยหาวิธีการทำฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยแล้ง รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรน้ำของประเทศ จนเกิดเป็นโครงการพระราชดำริฝนหลวงสืบมาจนถึงปัจจุบัน และยังครบรอบปีที่ 11 นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะทรงเป็น ‘พระบิดาแห่งฝนหลวง’ โดยกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น ‘วันพระบิดาแห่งฝนหลวง’ ” รมว.กษ. กล่าว
ด้านนายวราวุธ ขันติยานันท์ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นกรมแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2556 กรมฝนหลวงฯได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ที่จะเน้นการทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยมีเครือข่ายอาสาสมัครเข้ามาช่วยเสริมการปฎิบัติการฝนหลวง รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้ขึ้นมาในแต่ละศูนย์ปฏิบัติการฯ และที่สำคัญ คือ การขับเคลื่อนนำพระบรมราโชบาย "ที่ไหนมีคน ที่ไหนมีการเกษตร ที่นั่นต้องมีน้ำ" มาปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จให้ได้
ดังนั้น สิ่งที่กรมฝนหลวงต้องทำ คือ บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และร่วมกันวางแผนประจำปีในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำไม่ให้เกิดการสูญเสีย หรือสูญเปล่า เพื่อกรมฝนหลวงจะก้าวขึ้นเป็นองค์กรชั้นนำในภูมิภาคเอเชียในด้านการดัดแปรสภาพอากาศ และบริหารจัดการน้ำในชั้นบรรยากาศ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาภัยพิบัติอย่างบูรณาการได้อย่างแท้จริง .
ภาพประกอบ:http://www.rakbankerd.com