"เสี่ยตัน"หวังดีห่วงชาติ ต้านวิถีอารยะขัดขืนม็อบ..เหตุไฉนถูกคนด่ายับ!!
"..ในช่วงปลายปี 2554 เสี่ยตัน ได้ขาย บริษัท เพลินจิต อาเขต จำกัด ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กับ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์และทายาท คือนายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร อันนำมาสู่ข้อสงสัยเรื่อง คอนเนกชันธุรกิจ ของเสี่ยตัน กับคนในตระกูล"ชินวัตร" ว่าแท้จริงแล้วมีความลึกซึ้งมากน้อยขนาดไหน.."
ชื่อของ “เสี่ยตัน”หรือนายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด กลับมาได้รับความสนใจจากคนในโลกโซเชียลมีเดียอย่างล้นหลามอีกครั้ง
หลังจากออกตัวแรง แสดงความเห็นคัดค้านต่อมาตรการอารยะขัดขืน รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ประกาศยกระดับการชุมนุม แบบชัดเจน ว่าไม่เห็นด้วยผ่านสื่อฉบับหนึ่ง
เสี่ยตัน ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการประกาศให้คนงานหยุดงาน และชะลอการจ่ายภาษี เพราะมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม จะทำให้รัฐเสียรายได้ และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
พร้อมยังระบุว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินจะไม่ยืดยาว เพราะจะเกิดการสูญเสียในหลายๆ ด้าน ทั้งภาคเศรษฐกิจและการลงทุนของไทย เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และหันไปลงทุนกับประเทศอื่นๆ ทั้งยังกระทบกับภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยอีกด้วย
คล้อยหลังไปไม่กี่ชั่วโมง หลังคำให้สัมภาษณ์ของ“เสี่ยตัน”ถูกเผยแพร่ออกมาต่อสังคม
ปรากฏว่า"เสี่ยตัน"แทนที่จะได้รับความเห็นใจจากสังคมในฐานะนักธุรกิจ ที่มักจะประสบปัญหาทางธุรกิจทุกครั้งที่เกิดการชุมนุมในบ้านเมือง
กลับถูกโจมตีอย่างหนักจากประชาชนที่สนับสนุนแนวคิดการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ขณะที่แกนนำผู้ชุมนุมที่เวทีราชดำเนิน ก็โกรธแค้นมากขึ้น ขนาดนำชื่อ ของ เสี่ยตัน ขึ้นไปประจานต่อว่าบนเวทีอย่างเผ็ดร้อน
ล่าสุดแม้ เสี่ยตัน จะโพสต์ข้อความ ผ่านทางเฟซบุ๊ก "ตัน ภาสกรนที" ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ระบุข้อความว่า
"ตามข่าวที่มีการระบุว่า ผมได้ให้สัมภาษณ์ว่า คนที่มาชุมนุมเป็นคนกลุ่มน้อย “ผมขอยืนยันว่าไม่ได้พูดประโยคนี้” เป็นความเข้าใจผิด ส่วนตัวผมก็ไม่เห็นด้วยกับ พรบ. นิรโทษกรรม เนื่องจากสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จึงเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และทาง นสพ. ต้นตอ ได้แก้ไข รวมถึงได้ส่งข้อความมาขอโทษแล้ว
ในขณะเดียวกัน วันที่ 13-15 พ.ย. ก็ยังเป็นวันทำงานปกติ บริษัทฯ ไม่ได้ประกาศเป็นวันหยุด ดังนั้นพนักงานคนไหนถ้าจะไปร่วมชุมนุมก็ทำได้แต่ต้องลางานไป ผมเข้าใจและสนับสนุนการแสดงสิทธิ์ของทุกคนในระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้วครับ ดังนั้นถ้าหากคำพูดที่ให้สัมภาษณ์ไปทำให้หลายคนเข้าใจผิด ต้องกราบขออภัยอย่างสูงและขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นที่ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ…. ตัน ภาสกรนที"
แต่ดูเหมือนจะไม่ทำให้กระแสความไม่พอใจของประชาชน กลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาล ลดทอนความรุนแรงลงไปแม้แต่น้อย
ข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับ "เสี่ยตัน" รวมถึงข้อมูลด้านลบทางธุรกิจเครื่องดื่มชาเขียว ถูกคนในโลกออนไลน์ ขุดขึ้นมาส่งแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมากในโลกออนไลน์
โดยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการทำธุรกิจของ "เสี่ยตัน" ที่กำลังได้รับความนิยมจากคนในโลกออนไลน์ ส่งแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมากในขณะนี้
มีข้อมูลเกี่ยวกับข่าวกรณีที่เสี่ยตัน ขายหุ้นบริษัท เพลินจิตอาเขต จำกัด (เดิมชื่อบริษัท เสถียรสุต จำกัด) จดทะเบียนวันที่ 26 ม.ค.2511 ทุน 20 ล้านบาท ปัจจุบัน 200 ล้านบาท ประกอบธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ที่ตั้งเลขที่ 1291/1 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ให้แก่บริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์ จำกัด (ชื่อปัจจุบัน บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) ซึ่งมีนายพานทองแท้ ชินวัตร คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และคนในครอบครัวชินวัตร ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบ ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2555 รวมอยู่ด้วย
ล่าสุดยอดจำนวนคนในโลกออนไลน์ที่เข้ามาดูข่าวเรื่องนี้ ของสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นคน ทั้งที่ เรื่องนี้ ผ่านระยะเวลาที่นำเสนอครั้งแรก มาเกือบปีแล้ว
หากจะย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นของข่าวนี้ เกิดขึ้นจากการที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ขยายผลการตรวจสอบข้อมูลคอนเนกชันธุรกิจระหว่าง "เสี่ยตัน กับ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา นักเล่าข่าวชื่อดังผ่านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลังจากคนในสังคมเริ่มตั้งข้อสังเกตถึงการให้พื้นที่ข่าวเกี่ยวกับเสี่ยตัน ของนายสรยุทธ ว่ามีอะไรพิเศษมากกว่าแหล่งข่าวคนอื่นๆหรือไม่
จนกระทั่งพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในช่วงปลายปี 2554 เสี่ยตัน ได้ขาย บริษัท เพลินจิต อาเขต จำกัด ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กับ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์และทายาท คือนายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร ผ่านบริษัท เวิร์ธ ซัพพลาย จำกัด (ชื่อปัจจุบัน บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) ไปเมื่อปลายปี 2554
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ครอบครัวชินวัตรได้ยื่นจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อ บริษัท เพลินจิตอาเขต จำกัด เป็น บริษัท เรนด์เพลินจิตโฮเต็ล จำกัด อย่างเป็นทางการ
(อ่านประกอบ:เปิดขุมข่าย“เสี่ยตัน โออิชิ”เชื่อม พานทองแท้ ชินวัตร - สรยุทธ สุทัศนะจินดา , “โอ๊ค”เปลี่ยนชื่อบริษัท-ผุดโรงแรมกลางกรุงหลังซื้อที่ดิน“เสี่ยตัน”พันล้าน)
อันนำมาสู่ข้อสงสัยเรื่อง คอนเนกชันธุรกิจ ของเสี่ยตัน กับคนในตระกูล"ชินวัตร" ว่าแท้จริงแล้วมีความลึกซึ้งมากน้อยขนาดไหน
โดยหลังจากที่ข่าวชิ้นนี้ ถูกเผยแพร่ออกไป "เสี่ยตัน" ได้ติดต่อชี้แจงข้อมูลกับสำนักข่าวอิศราด้วยตนเอง
โดยเสี่ยตัน ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับทางการเมือง
เสี่ยตัน ยังกล่าวถึงเบื้องหลังการขายบริษัท เพลินจิตอาเขต จำกัด ซึ่งครอบครองที่ดินย่านเพลินจิต 1.5 ไร่ พร้อมสัญญาการเช่าปั๊มน้ำมัน ให้กับบริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์ จำกัด (ชื่อปัจจุบัน บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) ว่า มีโบรกเกอร์คนไทยชื่อ “โทนี่” มาติดต่อของซื้อบริษัทดังกล่าวจากตน ก็พูดคุยกันจนตกลงได้ราคาที่พอใจ พอถึงวันจ่ายเงินถึงเพิ่งรู้ว่าบริษัทที่มาขอซื้อเป็นของนายพานทองแท้
เสี่ยตัน ยังระบุว่า หลังจากเป็นข่าวไปก็ไม่สบายใจ เพราะคนบางส่วนอาจจะอ่านแค่พาดหัว แต่ยังไม่ได้ดูเนื้อข่าว แล้วก็ไปคิดว่าตนเป็นลูกน้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่เป็นความจริง กระทั่งช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ (9 ก.ค.) ก็ยังมีคนมาถามว่าตนเป็นพวกพ.ต.ท.ทักษิณตั้งแต่เมื่อไร
“ผมเคยเจอนายพานทองแท้ครั้งเดียวเมื่อ 7ปีที่แล้ว ตอนมากินข้าวที่ร้าน Log Home ของผมในซอยทองหล่อ พร้อมกับลูกชายของคุณดารุณี กฤตบุญญาลัย (นายไอยคุปต์ กฤตบุญญาลัย หรือน้ำนิ่ง เพื่อนสนิทนายพานทองแท้) ก็มีคนมาบอกว่า นายพานทองแท้มากินข้าว ผมก็ลงไปทักทาย ก็แค่นั้น ส่วนคุณทักษิณเคยเจอไม่กี่ครั้งตอนที่ไปทำเนียบรัฐบาล..นานกี่ปีแล้วก็จำไม่ได้” เสี่ยตันกล่าว
ทั้งนี้ ในระหว่างการชี้แจงข้อมูลต่อสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ดังกล่าว เสี่ยตันได้ยกมือไหว้
พร้อมระบุว่า ขอร้องอย่าโยงตนเข้ากับเรื่องทางการเมือง เพราะบ้านเมืองวันนี้แตกแยกกันมากแล้ว แม้จะรู้จักนักการเมืองอยู่บ้าง แต่ไม่เคยใช้ประโยชน์ในการทำธุรกิจ ก่อนหน้านี้ เคยมีคนชวนให้ตนลงสมัครรับเลือกตั้ง ตนก็ยังปฏิเสธไป เพราะคิดว่า ที่ตนมาถึงวันนี้ได้ ก็เพียงพอแล้ว และตัดสินใจว่า ชีวิตหลังจากนี้ไปจะทำงานด้านการกุศลอย่างเดียว จะไม่ทำธุรกิจใดเพิ่มเติมอีก”
(อ่านประกอบ: “เสี่ยตัน อิชิตัน”ไขปมขายทิ้งที่ดินเพลินจิต ให้“โอ๊ค”-คลี่สัมพันธ์“สรยุทธ-โน้ส”)
ณ วันนี้ เสี่ยตัน ซึ่งเป็นนักธุรกิจชื่อดัง คนในสังคมให้ความสนใจ กำลังพาตัวเองเข้ามาสู่การเมือง โดยออกมายืนยันจุดยืนว่า ไม่เห็นด้วยกับมาตรการอารยะขัดขืนของผู้ชุมนุมที่ยืนอยู่ตรงฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาล ซึ่งมีคนในตระกูลชินวัตร ดำรงตำแหน่ง เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่
ในขณะที่ภาคธุรกิจ องค์กร หรือสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ออกมาแสดงท่าทีขานรับกับมาตรการอารยะขัดขืน (บางคนไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่แสดงท่าทีอะไร) เพราะมองว่าสิ่งที่รัฐบาลทำไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม (วุฒิสภาฯ ลงมติคว่ำไปแล้ว)
ถ้าเสี่ยตัน จะออกมาแสดงความเห็นร่วมคัดค้าน ร่างกฎหมายฉบับนี้ ก็ควรทำตั้งแต่ช่วงแรกที่เขาร่วมตัวคัดค้านกัน ไม่ใช่เพิ่งมาพูดอะไรตอนนี้
ขณะที่ความเห็นคัดค้านการอารยะขัดขืนของ "เสี่ยตัน" ก็ดันไปตรงกับความเห็นของนักการเมือง ฝั่งรัฐบาลหลายคนเข้าอีก!!
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ข่าวซีรีย์เรื่องการขายหุ้นบริษัทให้กับคนในตระกูลชินวัตร ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เคยนำเสนอไปนานแล้วเป็นปี จะถูกคนในโลกออนไลน์ขุดขึ้นมาเพื่อนำไปใช้ประกอบการพิจารณาท่าทีและบทบาทของเสี่ยตันในปัจจุบัน
ว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรแอบแฝงหรือไม่
ท่ามกลางความเชื่อของ "ผู้ส่งสาร" หลายคน ที่มองว่า การออกมาแสดงจุดยื่นของ "เสี่ยตัน" ครั้งนี้อาจจะมีอะไรที่ซ่อนเร้น มากกว่ามุมมองของนักธุรกิจธรรมดาที่ออกมาแสดงความเป็นห่วงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติทั่วไป
แต่เป็น "วาระซ่อนเร้น" บางอย่างที่ถูกกำหนดมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการชี้นำกระแสบางอย่างให้เกิดขึ้นในสังคม ที่ส่งตรงไปถึงกลุ่ม "ผู้รับสาร" หรือประชาชน ว่าให้หยุดคิดก่อนตัดสินใจดำเนินการตามแนวทางอารยะขัดขืนการบริหารงานรัฐบาล
ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ร้อนระอุอยู่ในขณะนี้
โดยมีผลพ่วงจาก คอนเนกชันธุรกิจ ในอดีต เป็นแรงจูงใจให้คนคิดตามกัน?