ชาวบ้านวอนรัฐแก้สินค้าแพง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ว่า สสช.ได้เปิดเผยผลสำรวจความเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาลครบรอบ 2 ปี โดยสัมภาษณ์ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 35,240 ตัวอย่าง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เสนอแนะให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าราคาแพง และควบคุมราคาสินค้า เป็นลำดับแรก เพราะเห็นว่ากระทบกับชีวิตความเป็นอยู่มากที่สุด รองลงมาต้องการให้รัฐบาลบริหารงานจริงจัง โปร่งใส ไม่โกงกิน และคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก และควรทำตัวเป็นกลาง สร้างความปรองดอง ดูแลประชาชนอย่างทั่วถึงไม่แบ่งข้าง แบ่งสี และแบ่งฝ่าย
สำหรับความพึงพอใจเกี่ยวกับการแก้ปัญหาด้านสังคมและด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล พบว่า ประชาชนส่วนมากเห็นว่า รัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาได้เพียงแค่ระดับปานกลางเท่านั้น แยกเป็นด้านสังคม 57.3% และด้านเศรษฐกิจ 54.4% และมีเพียง 9% และ 8.7% ที่เห็นว่าแก้ไขปัญหาได้ในระดับมาก และแก้ไขปัญหาได้ ในระดับน้อย 25.9% และ 27.2% ส่วนแก้ไม่ได้เลย มีเพียง 7.8% และ 9.7% ตามลำดับ และเมื่อสอบถามถึงนโยบายของรัฐบาลที่ประชาชนทราบ พบว่า 5 อันดับแรกที่ประชาชนรับทราบ คือ โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค มีมากถึง 97.3%, การขึ้นเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุแบบมากขึ้นตามอายุ (ขั้นบันได) 95.2%, การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ 94.9%, การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติด 93.5% และสุดท้ายเป็นการขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท 89.6% อย่างไรก็ตาม นโยบายของรัฐบาลที่ประชาชนส่วนมากพึงพอใจ 5 อันดับแรก คือ การขึ้นเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุแบบมากขึ้นตามอายุ (ขั้นบันได) มากที่สุดถึง 89.3%, โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค 86.5%, การขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท 83.2%, การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ 83.1% และการพักหนี้เกษตรกร 80.4% เมื่อถามว่าทราบว่ามีรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนหรือไม่ พบว่า ประชาชนทราบว่ามีรายการนี้เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่มีอยู่ 48.8% เพิ่มขึ้นเป็น 53.7% ในปี 56 โดยจากการเก็บข้อมูลทั้งหมดนี้ จะเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่รัฐบาลนำไปใช้เป็นแนวทางวางแผนและปรับปรุงการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนต่อไป.
ขอขอบคุณข่าวจาก