สภาผู้สูงอายุฯ แนะรบ.ยับยั้ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นำความสงบคืนประเทศ
สภาผู้สูงอายุฯ ออกแถลงการณ์ค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ชี้มีนัยยะซ่อนเร้นเอื้อประโยชน์แก่พวก ขัดต่อหลักนิติธรรม ก่อให้เกิดความแตกแยก ขอให้ยังยั้ง นำความสงบเรียบร้อยคืนประเทศโดยด่วน

วันที่ 7 พฤศจิกายน สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ โดย นพ.บรรลุ ศิริพานิช ที่ปรึกษาสภาผู้สูงอายุฯ ได้แกแถลงการณ์สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เรื่อง คัดค้านร่าง พรบ.นิรโทษกรรม โดยเห็นว่า นับแต่รัฐบาลนี้ได้เข้ามาบริหารประเทศเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554 สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ ได้ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใย เพราะหัวหน้ารัฐบาลเป็นสุภาพสตรี ที่มีประสบการณ์น้อยทั้งในด้านการเมืองและการบริหารงานภาครัฐ และทันทีที่เข้ารับตำแหน่งก็ต้องเผชิญกับมหาอุทกภัย จนเกิดความเดือดร้อนไปแทบทุกหย่อมหญ้า โดยผู้สูงอายุจำนวนมากก็ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน อย่างไรก็ดี สภาผู้สูงอายุฯ ก็ยังเห็นใจและให้ความเมตตาต่อรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี
ต่อมาเมื่อพบว่ารัฐบาลนี้ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า จะไม่ดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 ทั้งๆ ที่กฎหมายมีการยกร่าง โดยผ่านกระบวนการรัฐสภา และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาแล้ว ทำให้เกิดคำถามว่าเหตุใดรัฐบาลจึงกล้าที่จะกระทำการที่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมืองเช่นนั้น สิ่งที่รัฐบาลได้กระทำกระทบต่อประชาชนซึ่งรวมทั้งผู้สูงอายุ อย่างกว้างขวาง
สภาผู้สูงอายุฯ ได้ประชุมปรึกษาหารือและพยายามเสนอแนะต่อรัฐบาลผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งรัฐบาล ก็ไม่ตอบสนองและไม่ชี้แจงให้เกิดความกระจ่างแต่อย่างใด สภาผู้สูงอายุฯ จึงต้องใช้ความอดทนและอดกลั้น ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่ง เราจะมีนักการเมืองที่ยึดถือประโยชน์สุขของประชาชนมากกว่าเหตุผลทางการเมือง
แต่เมื่อมีการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จนผ่านสภาผู้แทนราษฎรอย่างรวบรัด เห็นได้ชัดเจนว่า การดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปอย่างมีเลศนัย ไม่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา เริ่มต้นเสนออย่างหนึ่ง แต่ขยายออกไปครอบคลุมเนื้อหาที่เรียกว่า "สุดซอย" มีนัยยะว่ามีการซ่อนเร้นให้ผลประโยชน์แก่พรรค แก่พวก โดยไม่สมควร เพราะขัดต่อหลักนิติธรรม ก่อให้เกิดการคัดค้านและความแตกแยกอย่างกว้างขวาง
สภาผู้สูงอายุฯ ได้ประชุมพิจารณาแล้วขอคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่สภาผู้แทนราษฎรได้เห็นชอบแล้วเห็นว่า รัฐบาลจะนิ่งเฉยหรืออ้างว่าเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้ เพราะแท้จริงแล้วรัฐบาลเป็นผู้คุมเสียงข้างมากในสภา และข้อสำคัญคือมีหน้าที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยยึดหลักความสุจริตยุติธรรมเหนืออื่นใด จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลระงับยับยั้งร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อธำรงหลักนิติธรรมและนำความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาสู่ประเทศโดยเร็ว
