วางบึ้ม อส.รปภ.สถานีรถไฟ ดับ 1 ที่ อ.สุไหงปาดี จ.ยะลา
วางบึ้ม อส.รปภ.สถานีรถไฟ ดับ 1 ที่ อ.สุไหงปาดี จ.ยะลา
เมื่อเวลา 06.20 น. วันที่ 3 พ.ย. ร.ต.ท.สุระ วังคะฮาด ร้อยเวร สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน ประจำที่ว่าการ อ.สุไหงปาดี เสียชีวิตที่บริเวณประตูรั้วเหล็กกั้นของเส้นทางรถไฟสถานีรถไฟโต๊ะเด็ง หมู่ 1 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี ขาล่องขึ้นสถานีรถไฟ จ.ยะลา
พร้อมด้วย พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบก.ภ.จ.นราธิวาส นายไพโรจน์ จริตงาม นายอำเภอสุไหงปาดี พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ ผกก.สภ.สุไหงปาดี พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน ร.ต.ต.พลวัฒน์ เทพษร รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารฝ่ายปกครองรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบที่บริเวณใกล้โคนเสาปูนของประตูรั้วเหล็กกั้นเส้นทางรถไฟ ห่างจากสถานีรถไฟโต๊ะเด็ง ประมาณ 200 เมตร มีร่องรอยถูกอานุภาพของระเบิดแสวงเครื่อง ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 5 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารเป็นหลุมลึก 3 ฟุต กว้าง 6 ฟุต พร้อมด้วยกองเลือดจำนวนหนึ่ง
เจ้าหน้าที่จึงได้นำร่างของ อส.โท.แฟนดี เจ๊ะอารง อายุ 31 ปี ปฏิบัติหน้าที่ รปภ.สถานีรถไฟถูกสะเก็ดระเบิดพรุนไปทั้งร่าง ส่งรักษาโรงพยาบาลสุไหงปาดี อย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากอาการสาหัสได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนทราบว่า
ก่อนเกิดเหตุ อส.โท.แฟนดี หัวหน้าชุด นำพวกรวม 9 นาย เดินเท้าไปเปิดประตูรั้วเหล็กกั้นเส้นทางรถไฟของสถานีรถไฟโต๊ะเด็ง เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ขบวนรถไฟที่ 448 วิ่งต้นทางจากสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จรดปลายทางสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีผ่าน
ขณะที่ อส.โท.แฟนดี กำลังเปิดประตูรั้วเหล็กอยู่นั้น ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ ได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปวางไว้ จนเกิดระเบิดขึ้นทำให้ อส.โท.แฟนดี ถูกอนุภาพของระเบิดแบบเต็มๆ จนเสียชีวิต ส่วนลูกน้องอีก 8 นาย ปลอดภัย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รถไฟขบวนที่ 448 วิ่งต้นทางจากสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จรดปลายทางสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี ต้องเสียเวลาไปกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุแล้วเสร็จ จึงจะวิ่งรับส่งผู้โดยสารได้ตามปกติ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ร้ายของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน
ขอบคุณข่าวจาก