ศาลปกครองสั่งนายกเล็กนครเชียงใหม่ห้ามหาบเร่แผงลอยขวางทางเท้า
ศาลปกครองเชียงใหม่สั่งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ควบคุมระเบียบรูปเเบบ-ขนาดแผงลอยกีดขวางทางเท้าถ.ช้างคลาน ย่านไนท์บาร์ซาร์ ตามกฎหมายเคร่งครัด
วันที่ 31 ตุลาคม 2556 ตุลาการศาลปกครองเชียงใหม่อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 469/2556 กรณีนายสมศักดิ์ เนืองนิตย์ กับพวก 95 คน ฟ้องร้องเทศบาลนครเชียงใหม่และนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ในฐานปล่อยปละละเลยให้มีการทำผิดกฎหมายและบุกรุกทางเท้าสาธารณะ ด้วยการใช้อำนาจหน้าที่ผ่อนผันให้ผู้ประกอบการค้าหาบเร่แผงลอย นำรถเข็นขนาดใหญ่มาจำหน่ายสินค้าบริเวณถนนช้างคลาน ย่านไนท์บาซาร์ เป็นประจำทุกวัน ซึ่งเป็นการใช้ทางเท้าสาธารณะเพื่อแสวงหาประโยชน์ โดยก่อนหน้านี้ได้มีหนังสือถึงนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ช่วยเหลือแล้ว แต่กลับไม่ได้รับการแก้ไข
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ผู้ประกอบการหาบเร่แผงลอยมาตั้งร้านขายของในบริเวณถนนช้างคลานนั้น นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่จึงดำเนินการควบคุมให้เป็นไปตามระเบียบประกาศเทศบาลนครเชียงใหม่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2540 ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานจราจรแล้ว ดังนั้นประกาศฉบับนี้จึงชอบด้วยกฎหมาย
หลังจากนั้นกระทรวงมหาดไทยได้ออกระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดระเบียบการจำหน่ายสินค้าในที่สาธารณะ พ.ศ.2546 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจัดระเบียบการจำหน่ายสินค้าในที่สาธารณะในเขตพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเทศบาลนครเชียงใหม่ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 ประกาศเขตผ่อนผันแล้ว ดังนั้นฉบับนี้จึงชอบด้วยกฎหมาย
แต่ปรากฏว่าผู้ค้าหาบเร่แผงลอยไม่ปฏิบัติตามประกาศของเทศบาลนครเชียงใหม่ ส่งผลให้กีดขวางการสัญจรทางเท้าจนเกิดการจราจรติดขัดบนถนนช้างคลานย่านไนท์บาร์ซาร์ และอาจเกิดอุบัติเหตุกับการใช้รถใช้ถนนได้ ดังนั้นจึงมีการแก้ไขปัญหาโดยมีการทำบันทึกข้อตกลงกับผู้หาบเร่แผงลอยว่าจะปฏิบัติตามประกาศก่อนหน้านี้ ซึ่งผู้หาบเร่แผงลอยส่วนใหญ่รับทราบและยินยอมจะปฏิบัติตาม และนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่จะต้องดำเนินการควบคุมให้เป็นไปตามประกาศ
แต่การที่นายณัฐฐ์ชูเดช วิริยดิลกธรรม รองนายกเทศมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกเทศมนตรี ได้ทำบันทึกวันที่ 23 พฤศจิกายน 2554 ว่าจะไม่ดำเนินการเปลี่ยนแปลงใด ๆ กับผู้หาบเร่แผงลอยนั้น จนกว่าศาลปกครองเชียงใหม่จะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาเป็นที่สุด
จึงเป็นกรณีที่นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ไม่ได้บังคับการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แต่กลับดำเนินการขยายเวลาการอนุญาตให้นำแผงลอยรถเข็นขนาดใหญ่มาใช้ในพื้นที่จุดผ่อนผันบริเวณถนนช้างคลานย่านไนท์บาซาร์ออกไปอีก จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่มาตรา 20 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และมาตรา 41 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่งพ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 กำหนดให้ต้องปฏิบัติ
สำหรับข้ออ้างที่ว่า ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบอาชีพหาเช้ากินค่ำ ประกอบกับทำเลที่ตั้งแผงลอยของผู้ค้าหาบเร่แผงลอยและสิทธิที่จะได้ขายหรือจำหน่ายสินค้าบนแผงลอยมีมูลค่า ทั้งการจับกุมปราบปรามไม่เป็นการแก้ไขปัญหา และอาจเกิดปัญหาด้านมวลชนและปัญหาต่าง ๆ อีกมากมายนั้น
ศาลพิเคราะห์ เห็นว่า การที่นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ดำเนินการควบคุมดูแลการประกอบกิจการค้าหาบเร่แผงลอยนั้น มิได้เป็นการยกเลิกจุดผ่อนผัน หรือห้ามมิให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยรายใดหยุดการประกอบกิจการค้า แต่กลับจะมีผลทำให้ทางเท้าสาธารณะบนถนนช้างคลานมีพื้นที่กว้างเพิ่มขึ้น ลดปัญหาการจราจรบนถนนช้างคลาน ทำให้บ้านเมืองและบริเวณดังกล่าวมีความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น
ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในทางเท้าสาธารณะริมถนนช้างคลาน สร้างความสะดวกสบายให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปในการเดินเลือกซื้อสินค้าอันจะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปเดินทางมาเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกและเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เป็นผลดีในระยะยาวต่อการประกอบกิจการค้าของผู้ค้าหาบเร่แผงลอยและประชาชนส่วนรวม เป็นการส่งเสริมและพัฒนาให้ถนนช้างคลานเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้น ข้ออ้างจึงไม่อาจรับฟังได้
ท้ายที่สุด ศาลจึงมีคำพิพากษาให้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ดำเนินการให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยในบริเวณดังกล่าวแก้ไขปรับปรุงรูปแบบและขนาดแผงลอยให้เหมาะสม และมีขนาดไม่ใหญ่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในประกาศของเทศบาลนครเชียงใหม่ ฉบับลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 จัดทำเครื่องหมายแสดงอาณาเขตที่ตั้งวางแผงลอยรถเข็นและช่องทางคนเดินให้ชัดเจน
พร้อมควบคุมดูแลการขายหรือจำหน่ายสินค้าบนที่หรือทางสาธารณะทั้งสองฝั่งของถนนช้างคลาน ตั้งแต่สี่แยกอุปคุตจนถึงสี่แยกแสงตะวันให้เป็นระเบียบเรียบร้อยภายในกำหนดเวลาตามประกาศของเทศบาลนครเชียงใหม่ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด