ลึกสุดใจ! "แซม-ยุรนันท์" ผมต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้ทุจริตเพื่อวงศ์ตระกูล
"...ผมเพียงแต่อยากจะยืนยันความบริสุทธิ์ของผม ผมต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้ทุจริตเพื่อวงศ์ตระกูล เพราะถ้าผมตัดสินว่าทุจริตคอร์รัปชั่น มันจะกระทบกระเทือนต่อครอบครัวผม จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของบรรพบุรุษของผม เพราะเราไม่เคยที่จะทุจริตคอร์รัปชั่น ถ้าผมไม่สู้ตรงนี้มันจะติดตัวผมไป ผมไม่อยากให้ใครมาว่าผมอย่างนั้น..."
ในที่สุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า “แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี” อดีตดารานักแสดงชื่อดัง ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย จงใจปกปิดไม่แจ้งการถือครองหุ้น “บริษัท วิลล่า เมดิก้า” และไม่ได้ยื่นข้อมูลการถือครองหุ้น "สหกรณ์การบินไทย" ของภรรยาอีกจำนวน 3 ล้านบาท เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ปี 2554
และ ป.ป.ช. เห็นชอบให้ยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ "แซม-ยุรนันท์" พ้นจากตำแหน่งและห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
สำนักข่าวอิศรา www.isarnews.org จึงต่อสายพูดคุยความในใจของ "แซม-ยุีรนันท์"
00000
มีอะไรจะอธิบายเกี่ยวกับคำตัดสินของป.ป.ช.
ผมยอมรับและเคารพการตัดสินของ ป.ป.ช. แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่มีเจตนาปกปิดบัญชีทรัพย์สิน แต่ในช่วงที่ผมต้องเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. มันเกิดปัญหาน้ำท่วม ทำให้ผมเตรียมเอกสารไปยื่นต่อ ป.ป.ช.ไม่ทัน
ตอนยื่นเอกสารผมติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ซึ่งเขาก็บอกว่ามีทรัพย์สินอะไรก็ให้ยื่นมาก่อน แล้วให้ระบุเพิ่มเติมว่าจะยื่นเอกสารทรัพย์สินที่เหลือมาเพิ่มเติมอีกภายหลัง ผมก็ทำตามที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.บอก กลับมารวบรวมเอกสารแล้วส่งเพิ่มเติมไป แต่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ที่ผมติดต่อบ้านเขาก็น้ำท่วม การส่งเอกสารเลยล่าช้าไป
ได้ชี้แจงเหตุผลไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถหักล้างได้
ผมชี้แจงไปหมดแล้ว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมป.ป.ช.ไม่มองที่เจตนา ผมไม่มีเจตนาเลยที่จะปกปิดบัญชีทรัพย์สินเพื่อที่จะนำไปสู่การทุจริต ถ้าผมปกปิดแล้วนำไปสู่การทุจริตก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มันไม่ใช่เลย
อย่างหุ้นสหกรณ์การบินไทย ของภรรยาผม ก็เป็นธุรกิจครอบครัวที่เขาทำกันมานานแล้ว ภรรยาผมก็ไม่เข้าใจว่าต้องแจ้งต่อ ป.ป.ช.ด้วย เพราะเป็นทรัพย์สินที่มีมานานมากแล้ว
หลังจากนี้จะต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างไร
ผมคงไม่ต่อสู้อะไรมากนัก หากศาลตัดสินมาอย่างก็ไม่เป็นไร เพราะผมเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมเป็นคนไม่คิดอะไรมาก และไม่ยึดติดอะไร ไม่ยึดติดกับตำแหน่งแห่งหน
ผมเพียงแต่อยากจะยืนยันความบริสุทธิ์ของผม ผมต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้ทุจริตเพื่อวงศ์ตระกูล เพราะถ้าผมตัดสินว่าทุจริตคอร์รัปชั่น มันจะกระทบกระเทือนต่อครอบครัวผม จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของบรรพบุรุษของผม เพราะเราไม่เคยที่จะทุจริตคอร์รัปชั่น ถ้าผมไม่สู้ตรงนี้มันจะติดตัวผมไป ผมไม่อยากให้ใครมาว่าผมอย่างนั้น
ได้พูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย แล้วหรือไม่
ผมได้คุยกับคุณหญิงตอนที่ ป.ป.ช.เริ่มสอบเรื่องนี้ คุณหญิงก็ถามว่าทำไมปล่อยให้ถูกฟ้อง ผมก็บอกว่าผมไม่ได้เจตนา แต่เป็นเหตุสุดวิสัย คุณหญิงก็เข้าใจและกำชับให้ผมพิสูจน์ข้อเท็จจริง แต่พอมีป.ป.ช.ตัดสินออกมา คุณหญิงก็ถามว่าทำไมเรื่องจึงถึงศาล ผมบอกแค่ว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ซึ่งคุณหญิงก็บอกว่าให้ชี้แจงให้ชัดเจน
หลังจากนี้ยังอยากที่จะเป็นนักการเมืองหรือไม่
ต้องรอคำตัดสินของศาลก่อน แต่ถ้าถามผมตอนนี้ ผมบอกเลยว่าผมไม่ยึดติด จะให้ผมไปทำอะไรก็ได้ จะให้ผมออกไปผมก็ออก จะให้ผมไปทำอะไรก็ได้ ถ้าผมไม่ได้เป็นนการเมือง ผมก็จะช่วยเหลือสังคมในรูปแบบอื่น
ภาพประกอบจาก - www.bangkokvoice.com