สนช.เปิดยุทธศาสตร์นวัตกรรม"ข้าวไทย" ตั้งเป้าหมายสร้างมูลค่าเพิ่ม
นายศุภชัย หล่อโลหการ ผอ.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา สนช.ได้สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมในข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง จำนวน 34 ผลงาน เช่น สารเพิ่มปริมาตรในเม็ดยา แป้งพัฟจากข้าวหอมมะลิ กะทิธัญพืช ครีมเคลือบเงาอเนกประสงค์จากน้ำมันรำข้าวอินทรีย์ น้ำเชื่อมออร์แกนิกจากข้าวไทยพื้นเมือง ชุดครีมบำรุงผิวสารสกัดจากข้าวกล้อง ฯลฯ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนรวม 27.83 ล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนรวมกว่า 318.33 ล้านบาท รวมถึงการจ้างงานใหม่ การขยายโอกาสของการเพิ่มมูลค่าให้แก่ข้าว อันเป็นสิ่งที่สามารถสร้างผลประโยชน์ในวงกว้างตลอดห่วงโซ่อุปทานของข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้อำนวยการ สนช.กล่าวต่อว่า ปัจจุบันชาวนาไทยยังคงพบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ โดยเฉลี่ยราคาข้าวจะอยู่ที่ 5,500-12,000 บาทต่อเกวียน ขึ้นอยู่กับชนิดของข้าว คุณภาพ ความต้องการของตลาดและภัยธรรมชาติต่างๆ ทางภาครัฐได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ข้าวไทย เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรไทย เสริมสร้างกลไกการตลาด ด้วยการขยายปริมาณการบริโภคข้าว และผลิตภัณฑ์ในประเทศผลักดันการส่งออกข้าวสู่ตลาดโลก จัดระบบการกระจายสินค้าให้มีต้นทุนต่ำและรวดเร็ว มีรวมถึงกำหนดมาตรการต่างๆ อีกหลายมาตรการ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ดังนั้น ทั้งภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องช่วยกันดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อเร่งสร้างความเข้มแข็งให้กับข้าวและชาวนาไทย ดังนั้น การปรับกลยุทธ์การผลิตข้าวเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพข้าว และการใช้นวัตกรรมเข้าไปแทรกแซงในห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมข้าว จึงเป็นหนึ่งความท้าทายของประเทศที่จะสามารถสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งและแตกต่างให้กับข้าวไทย การสร้างนวัตกรรมจึงเป็นทางออกในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ และยังเป็นการสร้างช่องทางการตลาดใหม่ ที่ยังไม่มีคู่แข่งขัน เปลี่ยนการแลกสินค้าที่นำเข้าประเทศด้วยข้าวเป็นตัน ให้เหลือเพียงไม่กี่กรัม และมีมูลค่ามหาศาล
นายศุภชัยกล่าวอีกว่า สนช.ได้ดำเนินกลไกการสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมข้าวไทยตลอดทั้งห่วงโซ่ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ผ่านกลไกการสนับสนุนเงินอุดหนุนภายใต้โครงการ "แปลงเทคโนโลยีเป็นทุน" และ "นวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย" โดยมีกลุ่มเป้าหมายการส่งออกอยู่ที่ยุโรป สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อและตื่นตัวในการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกอุตสาหกรรม และยังรวมไปถึงการใช้พลังงานทดแทนจากชีวมวล คาดว่าสามารถเพิ่มมูลค่าให้ข้าวไทยจากการที่ขายข้าวสารได้ประมาณ 100,000 ล้านบาท ข้าวจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 500,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ริเริ่มการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมข้าวไทย (RICE: Rice Innovation Center of Excellence) เพื่อเป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมโยงภาคการผลิต ภาควิชาการ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการตลาด และภาคการเงินและการลงทุน ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการงานนวัตกรรมข้าวไทยแบบครบวงจร ซึ่งนับเป็นอีกก้าวของความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไทย เติบโตควบคู่ไปกับภาคเกษตรกรไทยที่ต้องได้รับการสนับสนุนและขับเคลื่อนจากภาครัฐในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่และการวิจัย เข้าไปช่วยเหลือ สนับสนุน ส่งเสริม เพื่อให้ข้าวไทยซึ่งมีคุณภาพและคุณค่ามีชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีไปทั่วโลก
ขอขอบคุณข่าวจาก