ความในใจ “สรยุทธ” ทุกข์ครั้งใดสาหัสถึงขั้นต้องไปพึ่งวัด?
ช่วงนี้ใครเป็นแฟนรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" อาจได้เห็น “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” นักเล่าข่าวคนดัง หยิบพ็อตเก็ตบุ๊กออกใหม่เล่มหนึ่งมาโปรโมตในรายการ หลายครั้งหลายหน
เป็นพ็อคเก็ตบุ๊กที่สรยุทธเขียนเอง มีชื่อว่า “กรรมกรข่าว 3”
ในคำนำเจ้าตัวก็เขียนว่า “(เนื้อหาในหนังสือ)เป็นการรวมความในใจของสรยุทธก็ยังได้”
ซึ่งเนื้อหาหลายบทก็มีความน่าสนใจ เพราะคล้ายเป็นการ “เปิดใจ” ของตัวผู้เขียน ต่อสารพัดปัญหา-อุปสรรค ที่รุมเร้าในช่วงเวลาที่ผ่านมา
“สำนักข่าวอิศรา” www.isranews.org เห็นว่ามีความน่าสนใจ จึงขออนุญาตนำเนื้อหาบางช่วง-บางตอนมาถ่ายทอด
เริ่มจากเรื่องที่เพิ่งเกิดไม่นานมานี้ กรณีมีเสียงวิพากษ์เรื่องไปจัดรายการบนเกาะเสม็ด ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลับริษัทลูกของ ปตท.ทำน้ำมันรั่วลงทะเล โดยเลือกโลเกชั่นเป็น “อ่าววงเดือน” แทนที่จะเป็น “อ่าวพร้าว” ที่ถูกหลายคนในโลกออนไลน์โจมตีว่า เป็นเพราะรายการได้รับโฆษณาจาก ปตท.เป็นเม็ดเงินมหาศาล (ปรากฏในบท “ทะเลสีดำ” หน้า170)
เจ้าตัวได้เล่าถึงเบื้องหลังการเลือกโลเกชั่นดังกล่าว ว่า เดิมตั้งใจจะจัดรายการจากบ้านเพ แต่เมื่อน้ำมันมาไม่ถึง เราเปลี่ยนใจไปจัดบนเกาะเสม็ดแทน ซึ่ง “อ่าวพร้าว” เป็นโลเกชั่นแรกที่ตัดทิ้ง เพราะนอกจากจะไปเกะกะการทำงานของเจ้าหน้าที่แล้ว กลิ่นน้ำมันยังแรงมาจนไม่สามารถนั่งจัดรายการตลอด 3 ชั่วโมงได้แน่ๆ
ทีมงานเรื่องเล่าเช้านี้ เลยต้องมองหาโลเกชั่นใหม่ โดยมองไว้ 2 ที่ คือ “หาดทรายแก้ว” หรือ “อ่าววงเดือน” แต่ปรากฏว่าที่แรก รถโอบีไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากถนนแคบและเป็นหลุมเป็นบ่อ ที่สุดจึงตัดสินใจเลือก “อ่าววงเดือน” ดังที่ได้เห็นผ่านหน้าจอโทรทัศน์
“ผมมารู้ตอนท้ายรายงานว่ามีคนโพสต์ในโซเชียลมีเดียประมาณว่า ‘เรื่องเล่าเช้านี้’ จัดรายการที่อ่าววงเดือน เพื่อเอาใจ ปตท. เหมือนจะบอกว่าไม่เห็นมีปัญหาเลย ทะเลสวย น้ำใส ผมเองไม่คิดว่าจะมีคนดูรายการแล้วคิดว่าเสม็ดปกตินะ ร้อยทั้งร้อยรู้ว่ามีปัญหาใหญ่...ที่ผ่านมาเวลามีเสียงวิจารณ์ที่เรารู้ว่าอคติจะเลือกทำเฉย แต่ทีมงานเห็นว่าครั้งนี้เป็นการกล่าวหาว่าผมบิดเบือนข่าวด้วยการพรีเซ้นต์ภาพแบบนั้น อยากให้ผมพูดชี้แจงในรายการบ้าง วันนั้นผมจึงอธิบายว่า มาจัดรายการตรงนี้เพราะอยากให้คนเห็นอีกมุมหนึ่งของเกาะเสม็ดเพื่อให้ข่าวรอบด้าน” (หน้า176)
ส่วนเรื่องเงินโฆษณาจาก ปตท. สรยุทธอธิบายว่า ปตท.ก็เหมือนบริษัทอื่นๆ ที่มีการตั้งงบโฆษณา การซื้อโฆษณารายการที่เรตติ้งดีก็เป็นเรื่องที่ปกติแต่ยืนยันว่า การมีโฆษณาธุรกิจใด ไม่ได้แปลว่ารายการจะต้องเสนอข่าวตามใจธุรกิจนั้นๆ
ก่อนจะสรุปทิ้งท้ายว่า “เรียกว่าทะเลอ่าวพร้าววันที่เลอะน้ำมันว่าดำแล้ว แต่ใจบางคนดำกว่า กี่ปีก็ไม่รู้จะล้างออกไหม” (หน้า179)
อีกเรื่องที่นักเล่าข่าวคนดังเขียนชี้แจง-เปิดใจไว้อย่างละเอียดในพ็อตเก็ตบุ๊กเล่านี้ก็คือกรณีที่ “บริษัทไร่ส้ม” ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่ายักยอกเงินโฆษณา อสมท. แล้วมีเสียงเรียกร้องให้ยุติการจัดรายการ เพราะคนที่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่น่าจะไปตรวจสอบใครได้อีก (ปรากฏในบท “เมื่อตึกที่ผมสร้างมีปัญหา?” หน้า180)
โดยสรยุทธได้เขียนถึง “เพื่อนร่วมอาชีพ/องค์กรวิชาชีพ-เครือข่ายนักธุรกิจต่อต้านคอร์รัปชั่น-องค์กรที่กำกับดูแลธุรกิจ-สื่อบางสำนัก-สื่ออาวุโสบางคน-องค์กรที่อ้างว่าทำในนามคุณงามความดี-คนที่อ้างเรื่องจริยธรรมสื่อ” ที่ออกมากดดันโจมตีตน ทั้งให้หยุดจัดรายการ ให้สถานีปลดออก ให้ระมัดระวังการทำธุรกรรมด้วย ฯลฯ กระทั่งเขาถึงกับระบุว่า “ยังไม่มีสื่อคนไหนโดนตั้งป้อมเล่นงานขนาดนี้” !
เขาเล่าว่า ในช่วงนั้นถึงกับต้องหันหน้าเข้าหาวัดเพื่อหาหนทางคลายทุกข์ “ถ้าว่างจากงาน ผมก็ไปถวายสังฆทาน มีโอกาสได้ฟังพระท่านสอนหลายอย่าง ทั้งที่ผมไม่ได้เล่าอะไร แต่เหมือนท่านรู้ จึงสอนให้รู้จักปล่อยวาง ให้ตัดความรู้สึกไม่ดีทิ้ง เพราะหากเราโกรธ ทุกอย่างก็ถูกขังไว้ในใจทั้งนั้น เรื่องพวกนี้ควรจะเป็นเรื่องพื้นๆ ทั่วไปสำหรับคนที่ดูองอาจหน้าจออย่างผมควรจะรู้อยู่แล้ว แต่เวลานั้นคำสอนทางธรรมช่วยบรรเทาทุกข์ในใจผมได้มาก” (หน้า187)
นอกจากนี้ เขายังได้รับคำสอนจากผู้ใหญ่หลายคน รวมไปถึงชาวบ้านที่มาจับมือให้กำลังใจแล้วบอกให้อดทนสู้
สรยุทธสรุปว่า “สุดท้าย ถ้าตึกที่ผมสร้างมีปัญหาจริง จะให้ทุบทิ้งก็ได้หากมีข้อพิสูจน์ชัดเจน...ผมไม่ยึดติดครับ” (หน้า187)
ถือเป็นการเปิดใจครั้งแรกของ “สรยุทธ” ต่อสารพัดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา ผ่านพ็อตเก็ตบุ๊กที่เจ้าตัวร่ายอักษรด้วยตัวเอง !!!
หมายเหตุ
1.ภาพสรยุทธ สุทัศนะจินดา จากเว็บไซต์ครอบครัวข่าว3
2.ภาพปกหนังสือกรรมกรข่าว3 จากเว็บไซต์ร้านหนังสือนายอินทร์