"มาร์ค" เปิดตัววาระ ปชช.ภาค 2 ต้านคอร์รัปชั่น
"มาร์ค" นำทีมเปิดตัว "วาระประชาชน 2.0" ชวนคนไทยตื่นตัวร่วมต้านทุจริตคอร์รัปชั่น ผ่านสื่อออนไลน์ เหน็บรัฐบาล "ปู"ปล้นชาติร่วม 3 แสนล้าน
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเปิดตัวโครงการ "วาระประชาชนภาค 2 หรือวาระประชาชน 2.0" ว่า การทำงานที่ผ่านมาของรัฐบาลพบว่าเกิดปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองรุมเร้าประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ปัญหาของบ้านเมืองที่มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ซึ่งปัญหาทั้งหมดมาจากการที่รัฐบาลจัดลำดับความสำคัญผิด โดยที่เห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง ของพวกพ้องก่อนประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ดังนั้นสิ่งที่พรรคจะดำเนินการในช่วง 2 เดือนข้างหน้าคือ การรณรงค์ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการสะท้อนทิศทางการบริหารประเทศ และจัดลำดับความสำคัญที่ผิดของรัฐบาล และมีปัญหาใดบ้างที่เป็นปัญหารุนแรงจำเป็นจะต้องมีการร่วมกันคิดร่วมกันแก้ไขต่อไป 4-5 เรื่อง เพื่อให้เป็นทางเลือกที่ดีกว่าของประเทศ โดยประชาชนสามารถเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือทางเครือข่ายทางสังคมออนไลน์ ทางเฟสบุ๊กแฟนเพจของพรรคประชาธิปัตย์
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์นี้จะเริ่มที่ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เป็นปัญหามาก เพราะการที่ตัวเลขการขยายตัวของ GDP ติดลบ 2 ไตรมาสซ้อน ซึ่งทางเทคนิคนั้นถือว่าเป็นภาวะที่ถดถอย และกลับเป็นการติดลบในช่วงที่ไม่มีวิกฤติเศรษฐกิจ หรือภัยพิบัติใด ๆ ดังนั้นตัวเลขการติดลบครั้งนี้จึงสะท้อนปัญหาการบริหารจัดการของภาครัฐที่มีความล้มเหลว และปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น คือ 1.รัฐบาลมุ่งทำนโยบาย ทำโครงการซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อคนบางกลุ่ม และสุ่มเสี่ยงต่อภาวะการทุจริตคอร์รัปชั่น อาทิ โครงการจำนำข้าวที่ทำให้เราสูญเสียเงินไปนับแสนล้านบาท และยังทำให้ข้าวไทยนั้นไม่สามารถแข่งขันได้ และ 2.รัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงกระบวนการการตรวจสอบ และการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นไปตามระเบียบอยู่ตลอดเวลา ทั้งการผลักดันโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แทนที่จะทำงบลงทุนตามปกติ หรือการใช้วิธีพิเศษในการหาคนมาทำงานในโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้มีการจัดทำสำรวจพบว่า ปัจจุบันมีเงินรั่วไหลจากการทุจริตคอร์รัปชั่น ประมาณร้อยละ 30 -40 ซึ่งเมื่อคำนึงถึงจำนวนเงินที่เป็นงบลงทุนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ พบว่าแต่ละปีเราสูญเสียเงินไปจากการทุจริตคอร์รัปชั่น 2.35 แสนล้านบาทต่อปี ทั้งที่เงินมหาศาลนี้สามารถทำโครงการรถไฟฟ้าได้ 4 สาย คือส่วนต่อขยายของ BTS ทั้งหมด บวกกับสายสีน้ำเงิน ท่าพระ – บางแค, สายสีชมพู แคราย – มีนบุรี และสายสีม่วง บางใหญ่ - บางซื่อ หากเอาเงินนี้ไปจ้างครูจะได้ 1 ล้านคน ถ้าสร้างอาคารมาตรฐานในโรงพยาบาลจะสร้างได้ 2,000 แห่ง ซึ่งเป็นความสูญเสียที่กำลังเกิดขึ้นจากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น และเป็นการสูญเสียโอกาสของเศรษฐกิจของประเทศและของประชาชน
“ถ้าเรายังไม่ตื่นตัวไม่พยายามต่อต้าน หยุดยั้งการคอร์รัปชั่น การกู้เงินอีก 2.2 ล้านล้านบาท ที่เป็นเงินมากมายมหาศาล ก็จะทำให้ฐานะของประเทศ การแข่งขันหรือเติบโตทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง นอกจากนั้นการคอร์รัปชั่นยังสร้างปมความขัดแย้งในประเทศ เพราะกำลังจะมีการนิรโทษกรรมคนทุจริต ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดของรัฐบาล ว่าคนทำผิดทุจริตสามารถนิรโทษกรรมได้ และหากกฎหมายนิรโทษกรรมมีผลบังคับใช้ก็จะมีการปล้นชาติเพิ่มขึ้นอีก 5.7 หมื่นล้านบาท รวมแล้วชาติไทย ถูกรัฐบาลชุดนี้ปล้นถึง 292,000 ล้านบาท”หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ประเด็นของการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นประเด็นที่สังคมต้องให้ความสำคัญสูงสุด ดังนั้นเราก็จึงจัดทำกิจกรรมเชิญชวนประชาชนให้เกิดความตื่นตัวในเรื่องนี้ โดยจะให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นว่า ถ้าประเทศมีเงินอีกปีละ 2.35 แสนล้านบาท ประชาชนอยากจะได้อะไรโดยสามารถที่จะแสดงความคิดเห็นผ่านทางเฟสบุ๊กแฟนเพจของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 28 ต.ค. หลังจากนั้นเราก็จะรวบรวมความเห็นแล้วมาสรุปอีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำเสนอนโยบายในวาระประชาชน 2.0 ต่อไป นอกจากนั้นพรรคยังจะมีการลงพื้นที่พบปะกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการทุจริต รวมถึงการทำงานร่วมกับองค์การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนตื่นตัวจากความซับซ้อนของปัญหาที่เกิดขึ้น.
ขอขอบคุณข่าวจาก