เคลียร์ซาก "ห้างซุปเปอร์ชีป” ได้แล้ว 90%
เคลียร์ซาก “ซุปเปอร์ชีป” ได้แล้ว 90% เหลือจุดต้นเพลิงกันไว้เก็บหลักฐานต่อ จังหวัดเชิญประกันภัย และเจ้าของกิจการหารืออังคารนี้ เพราะสัปดาห์หน้า บริษัทประกันภัยจากสหรัฐฯ และเกาหลี ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ด้านสาธารณสุขลงพื้นที่เก็บตัวอย่างปัสสาวะ เลือด หลังพบชาวบ้านป่วยกว่า 20 รายแล้ว ส่วนชาวบ้านที่บ้านถูกเพลิงไหม้ ปภ.และ พม.ช่วยเบื้องต้นรายละ 5,000 บาท ตลาดกลางเต็นท์ของซุปเปอร์ชีปคึกคัก ไม่มีปัญหาสินค้าขนาดแคลน
วันนี้ (20 ต.ค.2556) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการเพลิงไหม้ห้างค้าปลีกซุปเปอร์ชีป สาขาใหญ่ ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อคืนวันที่ 16 ต.ค.2556 ได้รับความเสียหายทั้งหมดในพื้นที่ 35 ไร่ โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อติดตามความคืบหน้าการดับเพลิงที่ลุกไหม้ และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประชาชนในบริเวณรอบๆ ที่เกิดเหตุ ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม ผอ.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 ภูเก็ต รายงานที่ประชุม ว่า สำหรับการปฏิบัติการดับเพลิงที่ลุกไหม้ภายในห้างซุปเปอร์ชีปนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 90% โดยเมื่อวานที่ผ่านมา ได้มีการนำรถแบ็กโฮของ อบจ.ภูเก็ตเข้าไปเคลียร์พื้นที่เปิดทางให้รถดับเพลิงของเทศบาลรัษฎา และหน่วยงานอื่นๆ เข้าไปฉีดน้ำดับเพลิงได้ ทำให้การดับเพลิงคืบหน้าไปมาก เหลือเพียงจุดที่อยู่ด้านหลังที่เป็นสำนักงานที่ยังมีการเผาไหม้ของเอกสารต่างๆ ซึ่งในวันนี้คาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จ และในส่วนที่ทางกองพิสูจน์หลักฐานกันไว้เก็บข้อมูล โดยในส่วนนี้คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จทั้งหมดในวันอังคาร หรือวันพุธที่จะถึงนี้ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานพบศพผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่มีการดับเพลิง และเคลียร์พื้นที่ได้ทั้งหมดแล้ว ทางเทศบาลตำบลรัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จะได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยไฟไหม้เป็นเวลา 45 วัน
ว่าที่ ร.ต.ตระกูล รายงานต่อว่า ขณะนี้กลุ่มควันได้หายไปเกือบทั้งหมดแล้ว จากการที่รถดับเพลิงสามารถเข้าพื้นที่ไปดับไฟในส่วนด้านในได้แล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ยังเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจากการทำงานมา 3-4 วัน จะเห็นว่าเจ้าของกิจการไม่ได้เข้ามาร่วมรับผิดชอบกับหน่วยงานราชการเลย
ด้านนายกัณตพัฒน์ พิสิฐคุณานนท์ ส.จ.ตำบลรัษฎา รายงานว่า จากการที่ได้พูดคุยกับผู้จัดการสาขาใหญ่ของซุปเปอร์ชีป ทราบว่า ในสัปดาห์หน้าบริษัทสำรวจความเสียหายจากสหรัฐอเมริกา และเกาหลีจะลงพื้นที่มาสำรวจความเสียหายในส่วนของบริษัทประกันภัยที่ทางห้างค้าปลีกซุปเปอร์ชีปได้ทำประกันภัยไว้ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา คาดว่าบริษัทประกันภัยจะต้องใช้เวลาในการจัดเก็บข้อมูล และประเมินความเสียหายไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือน ซึ่งจะทำให้ทางจังหวัดไม่สามารถที่จะเข้าไปดำเนินการอะไรในเรื่องของวัสดุที่หลงเหลือจากไฟไหม้ได้ ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานเป็นเดือนๆ ไม่รีบเคลียร์พื้นที่ จะทำให้กลิ่นเหม็นจากสินค้าที่เป็นอาหารสด และสินค้าประเภทที่มีส่วนผสมของสารเคมี ส่งกลิ่นเหม็น และเป็นอันตรายต่อประชาชนที่อยู่บริเวณรอบๆ ที่เกิดเหตุได้ ซึ่งจุดนี้ทางจังหวัดภูเก็ต จะต้องเร่งประสานกับทางเจ้าของกิจการ และประกันภัยให้เร่งดำเนินการ เพื่อที่จะให้รื้อสิ่งกำจัดให้ถูกสุขลักษณะต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้สั่งการให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายประกันภัย เจ้าของห้างซุปเปอร์ชีป กองพิสูจน์หลักฐาน มาหารือในวันอังคารนี้ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็วในการจัดการรื้อเศษซากวัสดุออกจากจุดเกิดเหตุ เพราะหากปล่อยไว้อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนในบริเวณรอบๆ ที่เกิดเหตุได้ทั้งระยะสั้น และระยะยาว
ซึ่งในส่วนของกลิ่นเหม็นที่เกิดจากเนื้อสัตว์ ผักผลไม้ นั้น ทางเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 5 ภูเก็ต ได้แนะนำให้ทางกองสาธารณสุขเทศบาลตำบลรัษฎา ใช้ปูนขาวในการโรยกลบกลิ่นไปก่อน และในส่วนที่เป็นกลิ่นจากสารเคมีให้ใช้ด่างทับทิมราดลงไป เพราะขณะนี้ในพื้นที่ได้เกิดกลิ่นที่เกิดจากน้ำเน่าที่เป็นทั้งน้ำที่มาจากการดับเพลิง และฝนตกลงมา
ด้านนายผดุงเกียรติ อุทกเสนีย์ สาธารณสุขอำเภอเมืองภูเก็ต รายงานว่า วันนี้ทางโรงพยาบาลศูนย์วชิระภูเก็ต ได้ส่งทีมไปดูแลสุขภาพจิต และทีมเก็บตัวอย่างปัสสาวะ ตัวอย่างเลือดของประชาชนบริเวณรอบๆ ที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะในซอยเทพกระษัตรีค้าเหล็ก ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุมากที่สุด เพื่อเก็บเป็นข้อมูลไว้เปรียบเทียบ เนื่องจากขณะนี้มีประชาชนมีอาการป่วยแล้วทั้งในเรื่องของระบบหมุนเวียนโลหิต และระบบทางเดินหายใจ 20 กว่ารายแล้ว จากการลงพื้นที่สำรวจของทีมสาธารณสุข และประชาชนที่มีปัญหาด้านสุขภาพที่เกิดจากไฟไหม้ในครั้งนี้ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลข 1669
และทางสาธารณสุขยังเป็นห่วงเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปปฏิบัติงานกู้ซากวัสดุต่างๆ ที่เหลือจากไฟไหม้ ที่จะต้องสูดดมกลิ่น และควันไฟที่มีสารพิษเข้าไปเป็นเวลาหลายวันแล้วตั้งแต่ที่เกิดเหตุเป็นต้นมา จะต้องมีการเก็บตัวอย่างเลือดของเจ้าหน้าที่กู้ภัยด้วย และเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะต้องหลีกเลี่ยงการอยู่ในทิศทางใต้ลม และจะต้องไม่อยู่ในพื้นที่นั้นนานๆ จะต้องออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์นอกพื้นที่เกิดเหตุด้วย เพราะหากได้รับสารพิษเป็นเวลานานๆ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะสั้นและระยะยาว และสารพิษดังกล่าวที่เกิดจากการเผาไหม้ของโลหะจะเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย ซึ่งหน่วยกู้ภัยจะต้องปรับเปลี่ยนในเรื่องของหน้ากากอนามัยจะต้องเป็นแบบที่สามารถกรองสารพิษได้ถึงจะปลอดภัย แต่ขณะนี้ทางสาธารณสุขไม่มีหน้ากากดังกล่าวแจกจ่ายให้หน่วยกู้ภัย
ขณะนี้ นายประคอง รักษ์วงศ์ พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต รายงานต่อที่ประชุม ว่า ขณะนี้ทางซุปเปอร์ชีปได้กางเต็นท์จำหน่ายสินค้าเป็นวันที่ 3 แล้ว เป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนออกมาซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก และทางซุปเปอร์ชีป ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของสินค้าที่จะนำมาจำหน่าย เพราะมีคลังสินค้าสำรองอยู่แล้วทั้งที่โรงไม้บ้านเชิงทะเล และจุดอื่นที่สาขานาคา และท่าเรือ ประกอบกับมีโรงฆ่าสัตว์เอง และห้องเย็นไม่ได้รับความเสียหาย จึงสามารถนำเนื้อสัตว์มาจำหน่ายได้ แม้ว่าในวันแรกๆ ที่เกิดเหตุจะไม่มีจำหน่ายก็ตาม แต่เป็นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น และเท่าที่ทราบทางซุปเปอร์ชีป มีโครงการที่จะก่อสร้างห้างซุปเปอร์ชีปแห่งใหม่ที่อยู่ด้านหลังที่ถูกไฟไหม้อยู่แล้วในเร็วๆ นี้
ขณะที่ นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากเหตุเพลิงไหม้ห้างซุปเปอร์ชีปในครั้งนี้ ทางจังหวัดภูเก็ต จะต้องปรับแผนการเผชิญเหตุเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ และซ้อมแผนการดับเพลิง เพราะเพลิงไหม้ในครั้งนี้จะเห็นความไม่พร้อม และความสับสนวุ่นวายในการดำเนินการที่ไม่เป็นระบบ เพื่อรองรับเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้มีความเสียหายน้อยที่สุด และในส่วนของ อบจ.ก็พร้อมที่จะสนับสนุนในการปรับเปลี่ยนหัวต่อระบบท่อประปาของการประปาส่วนภูมิภาคให้เข้ากับรถลำเลียงน้ำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ยังไม่สามารถเข้ากันได้ โดยท่อของการประปาส่วนภูมิภาคมีขนาด 4 นิ้ว แต่รถลำเลียงน้ำที่ใช้อยู่ในภูเก็ตมีขนาด 3 นิ้ว
ด้านการให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ นายสันต์ จันทวงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยภูเก็ต ระบุว่า มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากไฟได้ลุกไปไหม้บ้านที่อยู่ด้านข้างซุปเปอร์ชีป ในซอยเทพกระษัตรีค้าเหล็กทั้งหมด 22 ราย ขณะนี้ทางปภ.ได้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยรายละ 3,000 บาท ไปแล้วจำนวน 9 ราย ส่วนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายนั้นจะต้องทำการตรวจสอบความเสียหายก่อน
ขณะที่ในส่วนของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้ว 13 ราย รายละ 2,000 บาท พร้อมกับเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 13 จุด และกาชาดภูเก็ต ได้มอบเงินช่วยเหลือไปแล้วบางส่วนเช่นกัน
ขอขอบคุณข่าวจาก