วิสามัญฯ 3 ศพวันรายอ - "ภราดร"จัดคิวจ้อสื่อปมถก BRN
ใต้ตึงเครียดหนัก ฝ่ายความมั่นคงเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นถี่ยิบ ล่าสุดปะทะที่ทุ่งยางแดง วิสามัญฯ 3 ศพ ขณะที่ญาติเหยื่อวิฯ กรณี "เปเล่ดำ" ร้องสอบสาเหตุการสังหาร ด้านสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯจี้ตำรวจเร่งสาง 16 คดีคาใจ ศชต.แจงคลี่คลายคดียากเหตุไร้พยาน
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงตึงเครียด และมีการใช้ความรุนแรงทั้งจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและผู้ก่อความไม่สงบ โดยเมื่อเย็นวันอังคารที่ 15 ต.ค.2556 ซึ่งเป็นวันอีดิ้ลอัฎฮา หรือวันรายอฮัจญีของพี่น้องมุสลิม เจ้าหน้าที่ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านต้องสงสัยในท้องที่หมู่ 2 บ้านกำปงบือราแง ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี และเกิดการยิงปะทะกับกลุ่มติดอาวุธต้องสงสัย
ผลการปะทะทำให้ฝ่ายผู้ต้องสงสัยเสียชีวิต 3 ราย คือ นายซาการียา เจะแม อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 บ้านคอลอกะปะ หมู่ 6 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี นายมะนูซี กาซา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/2 บ้านมะกอ หมู่ 1 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ และ นายอับดุลรอซิ สาและ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 บ้านปาเซปูเต๊ะ หมู่ 2 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง พร้อมยึดอาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ได้ 3 กระบอก โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าตกอยู่ใกล้ๆ ศพ
ข้อมูลจากการรายงานของเจ้าหน้าที่ ระบุว่าผู้เสียชีวิตบางรายมีหมายจับในคดีความมั่นคง นอกจากนั้นยังควบคุมตัวเด็กหนุ่มอายุ 21 ปีได้อีก 1 คน ซึ่งมีหมายจับที่ออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ในคดีความมั่นคงเช่นกัน
ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจนเกิดการยิงปะทะและมีความสูญเสียดังกล่าว ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในพื้นที่มากพอสมควร โดยเฉพาะการที่เหตุการณ์เกิดในวันรายอฮัจญี ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองของพี่น้องมุสลิม และเป็นวันที่มุสลิมมักเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติมิตร แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าบ้านที่เข้าตรวจค้น มีรายงานคนในบ้านมั่วสุมกระทำการบางอย่าง
ญาติเหยื่อวิฯ 4 ศพร้องสอบปมสังหาร
ห้วงหลายเดือนที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นบ่อยครั้ง และหลายครั้งเกิดการยิงปะทะจนมีความสูญเสีย เช่น เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ต.ค.2556 เจ้าหน้าที่เพิ่งเข้าปิดล้อมบ้านสะแนะ หมู่ 1 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส สามารถจับกุมผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยเกี่ยวโยงกับคดีความมั่นคงได้ 7 ราย จากนั้นได้เกิดการยิงปะทะกับผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยเกี่ยวโยงกับคดีความมั่นคงอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งบางรายมีชื่อเป็นแกนนำและแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่ ทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 2 นาย ฝ่ายผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยเสียชีวิต 4 ราย โดยหนึ่งในนั้นคือ นายอับดุลราฮิง ดาอีซอ เจ้าของฉายาเปเล่ดำ แกนนำผู้ก่อความไม่สงบคนสำคัญ
อย่างไรก็ดี ต่อมาญาติของผู้เสียชีวิตบางรายได้ทำเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ตั้งข้อสงสัยว่าผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯบางคนอาจถูกยิงทั้งๆ ที่ไม่ได้ต่อสู้
เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่อยู่ในชุดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ชี้แจงประเด็นที่มีการร้องเรียนว่า ตอนแรกผู้ตายทั้ง 4 คนหลบอยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุยิงปะทะ แต่ภายหลังมีบางคนกระโดดหนีออกจากบ้าน และวิ่งเข้าไปในสวนยางพารา เจ้าหน้าที่จึงตามไป และเกิดการยิงปะทะกันอีกหลายระลอก จนสุดท้ายผู้ที่หลบหนีเสียชีวิตในสวนยาง ไม่ได้เสียชีวิตภายในบ้าน ทำให้ญาติเข้าใจผิดคิดว่าไม่ได้ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่
สปต.จี้รัฐเร่งสาง 16 คดีคาใจ
ประเด็นการร้องเรียนกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงละเมิดสิทธิมนุษยชนในรูปแบบต่างๆ ยังคงมีปรากฏอย่างต่อเนื่อง โดยในการประชุมสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) ที่ห้องประชุมเอนกประสงค์ ชั้น 3 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันอังคารที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมี นายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธาน สปต.ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมนั้น
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิก สปต.ได้ยื่นกระทู้ถามผู้แทนผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ที่เข้าร่วมประชุมด้วย ถึงความคืบหน้าคดีที่ผู้นำศาสนา ครูสอนศาสนาอิสลาม และผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ศาลยกฟ้องหรืออัยการสั่งไม่ฟ้อง หรืออยู่ระหว่างต่อสู้คดี ถูกยิงเสียชีวิต โดยอ้างตัวเลขว่าตั้งแต่ต้นปี 2556 เป็นต้นมา มีจำนวน 16 คดี และทุกคดีเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีสาเหตุเกิดจากอะไร และใครคือคนร้าย ทำให้ขบวนการก่อความไม่สงบนำไปปล่อยข่าวขยายผลโจมตีรัฐผ่านสื่อแขนงต่างๆ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์
ศชต.แจง 16 คดีออกหมายจับได้ 2
พล.ต.ต.งามศักด์ เกื้อจรูญ ผู้บังคับการศูนย์สืบสวน ศชต. (ผบก.ศสส.ศชต.) ชี้แจงว่า ขณะนี้ทั้ง 16 คดีมีความคืบหน้า 2 คดี โดยได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว ส่วนอีก 14 คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนสืบสวน และการตรวจสอบปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุ
พล.ต.ต.งามศักดิ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า คดีที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นคดีที่คลี่คลายยาก เพราะไม่มีใครกล้าเป็นพยาน แม้แต่บุตรและภรรยาของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็ให้การที่ไม่เป็นประโยชน์กับการพิจารณาคดี ประกอบกับการใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ซึ่งบัญญัติขึ้นรองรับสำหรับคดีอาญาทั่วไป ไม่ใช่คดีอาญาพิเศษอย่างที่เกิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทำให้ยิ่งเป็นอุปสรรค แต่ ศชต.จะพยายามต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ปราการ ชลยุทธ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งเข้าร่วมประชุมด่วย กล่าวเสริมว่า คดีการเสียชีวิตของผู้นำศาสนา ครูสอนศาสนา และบุคคลตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) ไม่ได้เป็นการกระทำของทหาร เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ผบ.ทบ.) และ พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 มีนโยบายที่ชัดเจนว่าไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา และทุกครั้งที่บุคคลเหล่านี้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่เพื่อชี้แจงทันที
เผายางรถยนต์ 17 จุดปัตตานีรับรายอ
สำหรับเหตุการณ์ความไม่สงบอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ เริ่มจาก คืนก่อนวันรายอฮัจญี คือช่วงค่ำของวันจันทร์ที่ 14 ต.ค. คนร้ายได้จุดไฟเผายางรถยนต์และเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์รวม 17 จุด ใน 4 อำเภอของ จ.ปัตตานี คือ อ.เมือง อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ และ อ.มายอ
ส่วนที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เวลา 15.40 น.วันเดียวกัน คนร้ายมีรถยนต์อีซูซุ รุ่นมิวเซเว่นเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่ นายสะกรี ตาเยะ อายุ 49 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านลูโบะดีแย ต.ตันหยงลิมอ ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่นายสะกรีร่วมงานศพของคนในหมู่บ้านใกล้ๆ กับบ้านของตนเอง
ที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เวลา 17.15 น.คนร้าย 2 คนนั่งรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมา และนำรถไปจอดที่หน้าร้านน้ำชาไม่มีเลขที่ในหมู่บ้านลิแง หมู่ 3 ต.ผดุงมาตร จากนั้นใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิงใส่กลุ่มชาวบ้านที่นั่งดื่มน้ำชาอยู่ในร้าน ทำให้ นายยาการียา ตาเล๊ะ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ 3 บ.ลิแง ซึ่งเป็นพนักงานเก็บเงินค่าไฟ เสียชีวิต ขณะที่ นายมะ อารียะ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 หมู่ 3 บ้านลิแง ได้รับบาดเจ็บ
ช่วงสายวันเดียวกัน คนร้ายใช้โทรศัพท์มือถือกดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ถังแก๊ส ฝังไว้ใต้ผิวถนนสายชนบท บ้านศรีท่าน้ำ หมู่ 4 ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา เพื่อดักสังหารตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ของ สภ.ธารโต แต่โชคดีที่รถกระบะหุ้มเกราะของเจ้าหน้าที่แล่นผ่านไปแล้ว ระเบิดจึงทำงาน ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
วันอังคารที่ 15 ต.ค. เวลา 21.20 น. ขณะที่ นายสุริยา สานา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 บ้านปาเซ หมู่ 2 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กำลังนั่งคุยกับญาติอยู่ใกล้ๆ บ้านของตนเอง ปรากฏว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่ ทำให้นายสุริยาได้รับบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
ยิงอดีต ตร.ชุมชนสัมพันธ์ – อาสาฯพิทักษ์เมือง
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ต.ค. เวลา 02.00 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถยนต์เก๋งสีดำไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนอาก้ายิง นายพิทยา เจ๊ะสมาแห อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 บ้านฝาง หมู่ 3 ต.ตาแกะ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะนายพิทยานั่งอยู่บริเวณศาลาหน้ามัสยิดบ้านฝาง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหารเช่นกัน
เวลา 19.00 น. คนร้าย 4 คนมีรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง นายคาริง อาแว อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/4 หมู่ 2 ต.ตะโละแมะนา อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี และ นายมะรอเซะ ตาหา อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/2 หมู่ 2 ต.ตะโละแมะนา อ.ทุ่งยางแดง ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินออกจากมัสยิดบ้านและแวะ หมู่ 2 ต.ตะโละแมะนา หลังประกอบพิธีละหมาด
เวลา 20.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.เจริญ ธรรมขันธ์ ผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งจากชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ว่าเกิดเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 (ยะลา–เบตง) ท้องที่บ้านตาเนาะปูเต๊ะ หมู่ 4 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุอยู่ข้างมัสยิดยิดญาเมี้ยะ เจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์แบบชอปเปอร์ สีดำ ตกลงไปในคูน้ำข้างทาง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ ชุดกู้ชีพกู้ภัยมูลนิธิฮิลาลอะห์มัร สาขาบันนังสตา นำส่งโรงพยาบาลบันนังสตาแล้ว ทราบชื่อคือ นายมะซูฟียัน โต๊ะตาหยง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136/4 หมู่ 4 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา เป็นอดีต ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ (ตชส.) ของ ต.ตาเนาะปูเต๊ะ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดเข้าที่บริเวณหน้าอก 1 นัด กลางหลัง 1 นัด สะโพกขวา 1 นัด และหัวไหล่ขวาอีก 1 นัด อาการสาหัส แพทย์ส่งต่อโรงพยาบาลศูนย์ยะลา
ผู้บาดเจ็บอีกรายคือ นายสะมะแอ หะมิดง อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 4 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา ถูกกระสุนปืนที่กลางแผ่นหลัง 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบันนังสตา
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายมะซูฟียัน กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน แต่ระหว่างทางถูกคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ และใช้อาวุธปืนยิงใส่ จนรถเสียหลักตกไปในคูน้ำ นายมะซูฟียันได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมีกระสุนบางนัดพลาดไปโดน นายสะมะแอ ซึ่งกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ภายในบ้านได้รับบาดเจ็บไปด้วย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง แต่ให้น้ำหนักไปที่การสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
วันศุกร์ที่ 11 ต.ค. เวลา 08.40 น. ขณะที่ นายสมคิด เสาวนีย์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 146/38 หมู่ 11 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี มีอาชีพเป็นช่างยนต์ของร้านวีการช่าง กำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงาน โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 (ปัตตานี-ยะลา) เมื่อถึงหมู่ 1 ต.ตะลุโบะ อ.เมืองปัตตานี ได้ถูกคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นตำรวจตั้งประเด็นที่เป็นสาเหตุการลอบยิงไว้ 2 ประเด็น คือ ความขัดแย้งส่วนตัว กับการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ เนื่องจากนายสมคิดเป็นอาสาสมัครพิทักษ์เมืองปัตตานี
ดักบึ้มทหารพรานเจ็บ 2 – เอ็ม 79 ถล่มอีโอดี
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คนร้ายจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ในกล่องเหล็ก วางซุกไว้ในถุงขยะสีดำข้างถนนสาย 2015 ท้องที่บ้านกูตง หมู่ 3 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส แรงระเบิดทำให้กำลังพลสังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4510 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ซึ่งเป็นชุดลาดตระเวนเดินเท้า ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) สิทธิโชค เหล่าโก้ก อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี และ อส.ทพ.อาเรส ยาคอ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/1 หมู่ 4 ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 17.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามและเครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ของกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (บก.ภ.จว.ยะลา) ขณะเคลื่อนกำลังกลับฐาน หลังไปปฏิบัติภารกิจกู้ระเบิดในท้องที่บ้านบือซู หมู่ 6 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เหตุเกิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ท้องที่บ้านยีลาปัน หมู่ 11 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
"ภราดร"จัดคิวพบสื่อยันลุยถกบีอาร์เอ็น
ในขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนว่า การพูดคุยสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับแกนนำบีอาร์เอ็นกลุ่มนายฮัสซัน ตอยิบ รอบใหม่ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 5 จะมีขึ้นเมื่อไร และมีข่าวบางกระแสระบุว่าโต๊ะพูดคุยระหว่างรัฐบาลไทยกับบีอาร์เอ็นอาจจะล้มไปแล้ว เนื่องจากฝ่ายทหารไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของบีอาร์เอ็นทั้ง 5 ข้อ แต่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยังคงให้สัมภาษณ์และพบปะสื่อแขนงต่างๆ เพื่อยืนยันว่าการพูดคุยจะยังคงเดินหน้าต่อไป
โดยในวันที่ 17 ต.ค. เวลา 09.00 น. พล.ท.ภราดร มีคิวให้สัมภาษณ์ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา (ทีวีรัฐสภา) โดยจะออกรายการคู่กับ พล.ท.พงษ์เอก อภิรักษ์โยธิน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จาก จ.พะเยา เนื้อหาหลักเป็นเรื่องการพูดคุยสันติภาพกับบีอาร์เอ็น
จากนั้นในวันที่ 5 พ.ย. พล.ท.ภราดร จะไปพบปะและตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ในประเด็นเดียวกัน รวมทั้งกระแสข่าวการเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะพูดคุยสันติภาพฝ่ายบีอาร์เอ็น จากนายฮัสซัน ตอยิบ เป็นบุคคลอื่น
การไปพบปะกับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฯของ พล.ท.ภราดร นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช.มาปีเศษ และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประเด็นที่สื่อต่างประเทศให้ความสนใจ และเคยเชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปร่วมบรรยายและแลกเปลี่ยนความเห็นมาแล้วหลายครั้ง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่นำกำลังรุดไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุลอบวางระเบิดโจมตีตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ สภ.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)