เช็คอาการโครงการแท็บเล็ตรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก.ไอซีที เอาอยู่จริงหรือ?
"..ข้อมูลจากรายงานการรับซ่อมเครื่องของบริษัทฯ มีการส่งเครื่องซ่อมระยะเวลา 1 ปี (ส.ค. 2555 - ส.ค. 2556คิดเป็น 5,344 เครื่อง (0.62 เปอร์เซ็นต์) จากเครื่องทั้งหมด 858,886 เครื่อง ซึ่งกระทรวงอยู่ระหว่างส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง.."
กรณีมีข่าวปรากฏว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบนโยบายแท็บเล็ตช่วงปีแรก พบว่า ขณะนี้โครงการแท็บเล็ตชั้น ป.1 ชำรุดเสียหายต้องส่งซ่อมแล้วประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์(ประมาณ 2.58 แสนเครื่อง) จากจำนวนทั้งหมด 8.6 แสนเครื่อง ขณะที่ บริษัทรับซ่อมแซมและดูแลเครื่องกับบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ผู้จัดหาเครื่องแท็บเล็ต ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหลังการขายที่ทำสัญญาไว้ 2 ปีได้ อาทิ การซ่อมแท็บเล็ตไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด ในขณะที่บริษัทรับซ่อมดังกล่าวยังปิดศูนย์ให้บริการในบางจังหวัด โดยไม่มีการแจ้งให้โรงเรียนที่ส่งแท็บเล็ตเข้าซ่อมทราบล่วงหน้า และขนย้ายแท็บเล็ตไป ส่งผลให้โรงเรียนไม่สามารถทวงแท็บเล็ตคืนได้
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ล่าสุด น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้สรุปผลการดำเนินงานโครงการแท็บเล็ต ต่อประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นดังนี้
ตอบประเด็นข่าว
1. เครื่องเสีย ส่งซ่อมแล้วประมาณ 30% คิดเป็น 2.58 แสนเครื่อง
คำชี้แจง
ข้อมูลจากรายงานการรับซ่อมเครื่องของบริษัทฯ มีการส่งเครื่องซ่อมระยะเวลา 1 ปี (ส.ค. 2555 - ส.ค. 2556คิดเป็น 5,344 เครื่อง (0.62 เปอร์เซ็นต์) จากเครื่องทั้งหมด 858,886 เครื่อง ซึ่งกระทรวงอยู่ระหว่างส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง
2. การซ่อมแซมเครื่องไม่เป็นไปตามเงื่อนไขคือซ่อมเกิน 5 วัน
คำชี้แจง
ในส่วนของการซ่อมแซมที่อยู่ในประกันหากเกินระยะเวลาการซ่อม 5 วัน ทางบริษัทจะมีเครื่องสำรองให้ผู้ใช้ได้ใช้ทดแทน ทั้งนี้ กระทรวงได้กำชับให้ผู้ขายดำเนินการตามเงื่อนไขในสัญญา หากตรวจสอบพบว่าผู้ขายไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขจะต้องมีการหักเงินค้ำประกันสัญญาต่อไป
สำหรับการซ่อมเครื่องที่อยู่นอกการรับประกัน เช่น การทำเครื่องตกหน้าจอแตก หรือเปียกน้ำ จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากผู้ส่งซ่อมเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายและ ผู้ปกครอง หรือโรงเรียนไม่แจ้งยืนยันทำให้บริษัทฯไม่สามารถซ่อมได้
สำหรับการตรวจสอบเครื่องที่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน ที่ใช้ระยะเวลาในการซ่อมที่เกิน 5 วันกระทรวงฯ มีแนวทางการดำเนินการดังนี้
(1) แจ้งให้บริษัทฯ รายงานการส่งซ่อม โดยระบุรายละเอียดของวันที่ส่งซ่อมจนกระทั่งแล้วเสร็จ
(2) แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สพฐ. อปท. รายงานผลการส่งซ่อมโดยระบุรายละเอียดของวันที่ส่งซ่อมจนกระทั่งวันที่รับเครื่องคืนให้กระทรวงทราบ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกับข้อมูลของบริษัทฯ ต่อไป
ทั้งนี้ หากพบว่าบริษัทฯ ดำเนินการซ่อมเครื่องที่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด (5 วัน)และไม่มีเครื่องเปลี่ยนทดแทน กระทรวงฯ ได้แจ้งสงวนสิทธิ์ในการหักเงินค้ำประกันตามสัญญาไว้แล้ว
3. ศูนย์บริการปิด โดยไม่แจ้งโรงเรียนที่ส่งแท็บเล็ตซ่อมล่วงหน้า ทำให้ไม่สามารถทวงแท็บเล็ตคืนได้
คำชี้แจง
จากการสอบถามบริษัทเซิ่นเจิ้น สโคปฯ ในประเด็นดังกล่าวแล้ว ยังไม่ได้รับรายงานการปิดศูนย์ซ่อมมีเพียงการย้ายสถานที่ไปอยู่บริเวณใกล้เคียง จำนวน ๓ ศูนย์เท่านั้น และไม่มีเครื่องที่ส่งซ่อมคงค้างที่บริษัทฯ เนื่องจากมีการย้ายฐานข้อมูลการซ่อมไปยังศูนย์ใหม่เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ให้สัมภาษณ์ยืนยันสื่อมวลชนว่า ข่าวที่ออกไปว่ามีเครื่องเสียต้องส่งซ่อมถึงร้อยละ 30 หรือกว่า 258,000 เครื่อง ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จากข้อมูลที่กระทรวงฯ ได้รับรายงานมานับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2555 ถึงสิงหาคม 2556 พบว่ามีเครื่องส่งเข้าศูนย์ซ่อมรวม 6,659 เครื่อง ซึ่งเป็นอาการเสียที่อยู่ในการคุ้มครองของการรับประกัน 5,344 เครื่อง หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.62 ของเครื่องแท็บเล็ตทั้งหมด 858,886 เครื่องเท่านั้น
ส่วนใหญ่เป็นอาการเสียที่ตัวเครื่องหรือฮาร์ดแวร์ 3,571 เครื่อง และเป็นอาการเสียที่ซอฟต์แวร์ 1,773 เครื่อง อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ส่วนกรณีที่ระบุว่า การซ่อมเครื่องไม่เป็นไปตามเงื่อนไขนั้น กระทรวงฯ ได้มีแนวทางให้บริษัทที่รับผิดชอบการซ่อมเครื่องรายงานการส่งซ่อมและวันซ่อมแล้วเสร็จโดยละเอียด หากล่าช้าไม่เป็นไปตามสัญญา จะดำเนินการหักเงินค้ำประกันตามสัญญา ส่วนกรณีที่ว่ามีการปิดศูนย์ซ่อมโดยไม่แจ้งนั้น ตรวจสอบแล้วได้รับการยืนยันจากบริษัทฯ ว่ามีเพียงการย้ายสถานที่ไปใกล้เคียงเพียง 3 ศูนย์เท่านั้น และไม่มีเครื่องส่งซ่อมค้างอยู่
นี่คือ คำชี้แจงเบื้องต้นที่ออกมาจากฝั่ง ก.ไอซีที ส่วนผลลัพธ์ที่แท้จริงเกี่ยวกับผลการดำเนินงานโครงการนี้จะเป็นอย่างไร คงต้องจับตาดูข้อมูลจาก สตง. ที่จะออกมาในเร็วๆนี้
-----
อ่านประกอบ:
ไม่ใช่แค่เครื่องมีปัญหา ตัวแทนบ.ขายแท็บเล็ตรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" ก็ขาดทุนด้วย?