ครม. ให้ กบอ. พิจารณาความจำเป็นตั้งกระทรวงน้ำ
"ปลอดประสพ สุรัสวดี" เชื่อการจัดตั้งกระทรวงน้ำ ส่งผลดีต่อการแก้ปัญหาน้ำในระยะยาว รองรับโครงการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจาก พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำฯ 3.5 แสนล้านบาท
วันที่ 1 ต.ค. 56 ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ค.ร.ม. รับทราบความคืบหน้าแผนนิติบัญญัติ พ.ศ. 2555-2558 ที่มี นาย พงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานจัดทำแผนฯ โดย ค.ร.ม. เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแก้ไขปรับปรุง ร่างพระราชบัญญัติสำคัญ 5 ฉบับ และให้พิจารณาร่าง กฎหมาย ขึ้นใหม่ 1 ฉบับ ซึ่งมีร่างพ.ร.บ. และ ร่าง ก.ม. ที่สำคัญ ดังนี้
1. ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปพิจารณาว่าสมควรร่างกฎหมาย เพื่อให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีตำแหน่งในระดับสูง รวมทั้ง บุคลากรขององค์กรอิสระ ต้องเปิดเผยบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อสาธารณชน เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เรื่องการสร้างความโปร่งใสและต่อต้านการคอรัปชั่น
และ 2. ที่ประชุม ค.ร.ม. เห็นชอบให้ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ไปพิจารณาความจำเป็นในการจัดตั้งกระทรวงน้ำ โดยหากเห็นควรดำเนินการ ก็ให้ กบอ. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการร่างกฎหมายที่กำหนดให้มีการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ำ ตาม ร่าง พ.ร.บ. ปรับปรุง ทบวง กรม (ฉบับที่..) พ.ศ... (จัดตั้งกระทรวงน้ำเพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นระบบ) ต่อไป
ขณะที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดตั้งกระทรวงน้ำ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และจะส่งผลดีต่อการแก้ปัญหาน้ำในระยะยาวตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ การจัดตั้งกระทรวงน้ำ จะเป็นการรองรับโครงการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจาก พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำฯ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการแก้ไขปัญหาน้ำมีความยั่งยืนและจะทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่า โครงการบริหารจัดการน้ำฯ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาล จะเกิดขึ้นจริงและเป็นโครงการที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ นายปลอดประสพ มีแนวคิดที่จะบูรณาการการทำงานของ 20 หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาน้ำ เข้าด้วยกัน
ส่วนการรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนเกี่ยวกับโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท นายปลอดประสพ กล่าวว่า น่าจะเสร็จสิ้นในช่วงสิ้นเดือน ธ.ค.56 และน่าจะเริ่มเซ็นสัญญาและเริ่มโครงการก่อสร้างได้ ในเดือน ม.ค. 57 ซึ่งหลังจากเริ่มก่อสร้างสร้างโครงการแล้ว จะเชิญกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกระทรวงน้ำ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาร่วมหารือเกี่ยวกับโครงสร้างของกระทรวงน้ำต่อไป