หนุนไทยเดินหน้ากม.เพิ่มขนาดภาพคำเตือนบนซองบุหรี่
ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก สนับสนุนกฎหมายกระทรวงสาธารณสุขไทย เพิ่มขนาดภาพคำเตือนบนซองบุหรี่จากเดิม 55 เปอร์เซ็นต์เป็น 85 เปอร์เซ็นต์ ระบุภาพพิษภัยบุหรี่ขนาดใหญ่มีผลต่อการลดจำนวนนักสูบรายเก่า ป้องกันนักสูบหน้าใหม่ได้ผล และกฎหมายฉบับนี้กระทำเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก
วันที่ 25 กันยายน นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าของกฎหมายขยายภาพคำเตือนข้างซองบุหรี่จาก 55 เปอร์เซ็นต์ เป็น 85 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดขอให้พิจารณาการบังคับใช้ทันวันที่ 2 ตุลาคม 2556 ว่า แพทย์หญิงมากาเรต ชาน ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก สหพันธ์รัฐสวิส (Dr.Margaret Chan, Director-General World Health Organization) ได้ส่งจดหมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทย ลงวันที่ 16 กันยายน 2556 โดยได้ให้การสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขไทยเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเห็นว่าการดำเนินงานควบคุมการบริโภคยาสูบของประเทศไทยในปีนี้ ทั้งการออกกฎระเบียบ กระบวนการ และเงื่อนไขการโฆษณา การแสดงข้อความคำเตือนโทษและพิษภัย และการห้ามการโฆษณาที่จุดขาย เมื่อมีผลในทางปฏิบัติ ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในโลกที่กำหนดให้พิมพ์ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ขนดใหญ่ถึงร้อยละ 85 ของพื้นที่ซอง
ในจดหมายฉบับดังกล่าว แพทย์หญิงมากาเรตยังได้กล่าวว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวสอดคล้องกับกฎหมายขององค์การอนามัยโลกที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อปกป้องและคุ้มครองสุขภาพของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ และการเพิ่มขนาดภาพคำเตือนให้ใหญ่ขึ้นเป็นที่ยอมรับในทางวิชาการว่าสามารถช่วยลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลงได้ ขนาดภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ที่เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 30 จากเดิม ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากและไม่ได้มีผลต่อมาตรการทางภาษี องค์การอนามัยโลกได้เตรียมหลักฐานด้านสุขภาพ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการควบคุมการบริโภคยาสูบของประเทศไทย และองค์การอนามัยโลกยังได้สนับสนุนให้ประเทศสมาชิกออกกฎหมายเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนด้วย
นายแพทย์ประดิษฐกล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างรอคำสั่งศาลปกครองสูงสุด หลังจากที่ได้ยื่นอุทธรณ์กรณีของบริษัทฟิลิป มอริส เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556 และยื่นอุทธรณ์กรณีของบริษัท เจทีไอ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2556 โดยได้เตรียมคำให้การฉบับเต็ม และเตรียมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อชี้แจงต่อศาลปกครองสูงสุดด้วย