ชาวนาแฉเหตุข้าวราคาตก ผู้ส่งออกกั๊กรับข้าวสต๊อครัฐ พาณิชย์มั่นใจราคาข้าวขาขึ้น
สมาคมชาวนาร้องพาณิชย์ แก้ต้นเหตุราคาข้าวต่ำ ผลบริษัทส่งออกยืดเวลารับสต๊อคข้าวรัฐ แต่หันมาไล่ซื้อข้าวในตลาด ที่ราคาต่ำกว่าแทน ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดไม่ปรับเพิ่มขึ้น กลุ่มข้าวรวมตัว จัดทำยุทธศาสตร์ชงรัฐบาลใหม่แก้วิกฤต
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย เปิดเผยว่า สมาคมได้หารือและขอให้กระทรวงพาณิชย์ แก้ไขปัญหาบริษัทส่งออกซื้อข้าวรัฐบาลแล้วยืดเวลารับซื้อ บางรายถึง 5 เดือน เพราะราคาข้าวในตลาดราคาต่ำกว่า จึงหันไปซื้อข้าวถูกในตลาดเพื่อการส่งออกแทน ทำให้ราคาข้าวในตลาดทั่วไปไม่ปรับราคาขึ้น ก็อยากให้เร่งรัดการระบายในสต๊อคและออกมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอย่าง นี้อีกในอนาคต
นายประสิทธิ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้สมาคมที่เกี่ยวข้องกับข้าวได้แก่ สมาคมชาวนาไทย สมาคมโรงสี สมาคมผู้ค้าข้าว สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุง และหอการค้าไทยร่วมมือกันจัดทำยุทธศาสตร์พัฒนาชาวนา เพื่อนำเสนอรัฐบาลชุดใหม่ได้ดำเนินการและช่วยเหลือเกษตรกรไทย ซึ่งในยุทธศาสตร์จะชี้ถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไข รวมถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพิจารณาหรือกำหนดแนวทางดูแลเกษตรกรของคณะ กรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)
การมียุทธศาสตร์โดยชาวนาและผู้ประกอบการด้านข้าว จะเป็นการสะท้อนปัญหาและความต้องการที่แท้จริงที่รัฐบาลควรแก้ไข ไม่ใช่เป็นการสั่งการตามที่รัฐบาลต้องการ ซึ่งวันที่ 16 มิถุนายน สมาคมดังกล่าวจะรับฟังและถกปัญหาเรื่องข้าวกับตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์และ เพื่อไทย เพราะยังไม่เห็นพรรคการเมืองใดพูดถึงการส่งเสริมชาวนาแบบยั่งยืน มีแต่โปรโมชั่นการให้ราคาข้าวสูงๆ ซึ่งก็ไม่ยั่งยืน
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวในประเทศถือว่ามีเสถียรภาพ เชื่อว่าเป็นขาขึ้น ทั้งๆ ที่ปกติช่วงนี้ราคาข้าวจะอ่อนตัวลง ดูจากราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการจ่ายเงินชดเชย โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว อยู่ในระดับทรงตัวสูงต่อเนื่องมา 5 สัปดาห์แล้ว โดยราคากลางอ้างอิงระหว่างวันที่ 13-19 มิถุนายน 2554 ดังนี้ ข้าวเจ้า รอบ 1 ราคา 8,387 บาท ชดเชย 1,613 บาท รอบ 2 ราคา 8,387 บาท ชดเชย 2,613 บาท ข้าวปทุมธานี รอบ 1 ราคา 9,672 บาท ชดเชย 1,328 บาท รอบ 2 ราคา 9,672 บาท ชดเชย 1,828 บาท ข้าวเหนียว รอบ 1 และรอบ 2 ราคา 13,888 บาท ไม่ต้องชดเชยเพราะสูงกว่าราคาประกันที่ 9,500 บาท และ 1 หมื่นบาท ข้าวหอมจังหวัด 12,625 บาท ชดเชย 1,675 บาท
"สาเหตุเพราะตลาดส่งออกขยายตัวได้มากเฉลี่ยเกิน 1 ล้านตันต่อเดือน หลายประเทศชะลอการส่งออก เพราะผลผลิตลดลงและคุมปริมาณสต๊อคในประเทศ ทั้งมีการจับตาดูภาวะแล้งในจีนว่าจะมีผลต่อผลผลิตข้าวและสินค้าเกษตรอื่น อย่างไรบ้าง อาจมีการนำเข้าในครึ่งปีหลังได้"
สำหรับการพิจารณาราคาเหล็กเส้นและเหล็กรูปพรรณ แหล่งข่าวกล่าวว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำเหล็กเส้นและเหล็กรูปพรรณจะไม่เรียกประชุม เพื่อทบทวนราคาแนะนำ แม้ผู้ประกอบการจะยื่นขอปรับราคามาก่อนหน้านี้ เพราะสถานการณ์ใช้เหล็กในประเทศยังซบเซา ผู้ผลิตจึงไม่จำเป็นต้องปรับราคาเพิ่มและวัตถุดิบเหล็กในตลาดโลกยังขยับไม่ มาก จึงต้องรอการตัดสินใจของรัฐบาลใหม่รวมถึงสินค้าค้างพิจารณาอีก 3 รายการ ที่ยื่นขอปรับเพิ่มราคามาแล้วคือยางรถยนต์ แบตเตอรี่และสายไฟฟ้า
สำหรับการปรับเพิ่มราคาปุ๋ยรอบใหม่ แม้ว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเปิดช่องให้กรมการค้าภายในเรียกประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำปุ๋ย เคมี เพื่อปรับขึ้นราคาได้ หากต้นทุนวัตถุดิบนำเข้ารอบใหม่สูงขึ้นเกินกว่าที่กรมอนุมัติปรับขึ้นราคาไป ก่อนหน้านั้น แต่ราคาวัตถุดิบที่ปรับขึ้นจะต้องสูงกว่า 1,000 บาทต่อตัน