“จักรยานปั่นสีข้าว” พึ่งตนเอง แบบไม่ง้อโรงสี อีกทางเลือกชาวนาไทย
ชาวนาได้ชื่อว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรผู้ทำนาของไทยต้องประสบปัญหาความยากจนและถูกเอารัดเอาเปรียบอันเนื่องมาจากกลไกตลาดที่มีความซับซ้อนและขาดความเป็นธรรมมาโดยตลอด
"ภาคภูมิ วงศ์ศักดิ์วานิช" อายุ 25 ปี คนหนุ่มรุ่นใหม่ เคยทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากบริษัทต่างชาติชื่อดัง ก่อนกลับมาช่วยสานต่อธุรกิจนำเข้าอะไหล่จักรยาน Shimano ของครอบครัว ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้จัดการด้านพัฒนาธุรกิจ บริษัท ฮะฮงพาณิชย์ จำกัด
ภาคภูมิติดตามข่าวสารและสนใจการดำเนินนโยบายของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยที่พยายามแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร แต่ดูเหมือนผลประโยชน์จะตกไม่ถึงมือชาวนาสักเท่าไร เขาจึงพยายามคิดหาวิธีว่าทำอย่างไรชาวนาไทยจึงจะพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน
ในวันที่มีโอกาสได้รู้จักกับอาจารย์รุ่งสว่าง บุญหนา อาจารย์จากวิทยาลัยอาชีพ ศรีสะเกษ ซึ่งประดิษฐ์จักรยานปั่นสีข้าวด้วยแรงคน ซึ่งช่วยให้ชาวนาสามารถลดการพึ่งพาโรงสีและพ่อค้าคนกลางได้
นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขารู้สึกสนใจ ประกอบกับมีพื้นฐานด้านวิศวกรรมศาสตร์อยู่แล้ว เขาจึงร่วมกับอาจารย์รุ่งสว่างนำอุปกรณ์ดังกล่าวมาทดสอบและปรับปรุงเพื่อให้สามารถใช้งานได้จริง
“ผมได้ขอจักรยานปั่นสีข้าวจากอาจารย์รุ่งสว่าง ที่ได้ประดิษฐ์ไว้กลับมาที่กรุงเทพฯ นำมาทดลองและปรับปรุง ลองผิดลองถูกอยู่ 3-4 เดือน
จากนั้นได้ลองเปลี่ยนเฟรมให้เหมือนจักรยานแข่งและใส่อะไหล่ของ Shimano เข้าไป ทำสีเครื่องใหม่ให้ดูใหม่และน่าใช้ขึ้น จนพัฒนาได้เครื่องที่มีประสิทธิภาพใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า และใช้น้ำหนักในการปั่นน้อยมาก
ถ้าข้าวเปลือก 5 กิโลกรัม ปั่นแบบธรรมดาไม่ได้ใช้ความเร็วมาก เพียง 10 นาที ก็เสร็จแล้วโดยไม่เหนื่อยเลย” ภาคภูมิ อธิบายถึงความสำเร็จในการคิดค้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับชาวนาลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการสีข้าว กับนวัตกรรมชิ้นใหม่ที่เขาเรียกว่า “จักรยานปั่นสีข้าว”
สำหรับการทำงาน “จักรยานปั่นสีข้าว” แบ่งกลไกเป็นสองส่วน
ส่วนแรกคือส่วนที่ใช้สีข้าว ครอบด้วยพลาสติกใสสามารถมองเห็นข้าวเปลือกเมื่อนำใส่เข้าในตัวเครื่อง แล้วผ่านลูกกลิ้งสองลูกซึ่งจะหนีบเมล็ดข้าวจนเปลือกแตกออก โดยระยะห่างของลูกกลิ้งทั้งสองลูกสามารถปรับได้ตามขนาดของเมล็ดข้าวแต่ละชนิด
ขณะที่เมล็ดข้าวกล้องที่หลุดจากเปลือกจะไหลออกทางกระบอกด้านข้าง และแรงลมจากการปั่นจะเป่าเปลือกข้าวทิ้งออกทางด้านหน้าของตัวเครื่อง
ส่วนที่สอง ได้แก่ บันไดปั่นที่ได้รับการออกแบบให้สามารถเปลี่ยนเกียร์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับน้ำหนักของการปั่นได้ตามความเหมาะสม ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับจักรยานเสือภูเขา
เมื่อทดสอบและปรับปรุงจนเครื่องปั่นสีข้าวสามารถใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ภาคภูมิติดต่อกับกลุ่มชาวนาอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา และมอบเครื่อง “จักรยานปั่นสีข้าว” ให้กลุ่มชาวนาทดลองใช้ โดยมีข้อตกลงเบื้องต้นว่า ข้าวกล้องแดงหอมมะลิแดง ที่ได้จากการสีด้วยอุปกรณ์ดังกล่าวให้เกษตรกรนำมาขายให้กับเขาเพื่อจะนำไปขายทดลองทำการตลาด
และเมื่อผลิต “จักรยานปั่นสีข้าว” ได้มากขึ้น เขาก็นำเครื่องไปแจกให้ฟรีในรูปแบบสหกรณ์ ซึ่งจะขยายไปในจังหวัดอื่นๆ อีกต่อไป โดยชาวนาที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์นั้นๆ ก็สามารถมาขอนำเครื่องนี้ไปใช้สีข้าวของตนเองได้
ล่าสุด ข้าวกล้องหอมมะลิแดง จากกลุ่มชาวนาอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ได้จากการผลิต ได้นำมาจำหน่ายในชื่อแบรนด์ “Thai Red Rice” ผนึกถุงสุญญากาศ ผลผลิตจากการสีข้าวด้วยเทคโนโลยีที่ภาคภูมิและอาจารย์รุ่งสว่างร่วมกันประดิษฐ์ขึ้นสามารถนำออกวางจำหน่ายในตลาดระดับพรีเมี่ยม และที่ถุงจะมีฉลากการเล่าเรื่องราวของชาวนาไทยและข้าวที่สีโดย “จักรยานปั่นสีข้าว” นี้ด้วย
ภาคภูมิบอกด้วยว่า ถึงตอนนี้ เขายังอยู่ระหว่างการทดสอบโมเดลธุรกิจของข้าวกล้องชุมชนที่ผลิตจากจักรยานปั่นสีข้าวว่าจะใช้ได้ผลและทำให้ชาวนาสามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืนหรือไม่
หากผลตอบลัพธ์ดีตามที่เขาหวังไว้ เชื่อว่าการนำโมเดลนี้ไปปรับใช้เพื่อขยายสู่ประเทศอื่นๆ ที่มีการผลิตข้าว ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม ลาว หรือประเทศในแถบแอฟริกา ก็อาจมีความเป็นไปได้ในอนาคต