บัตรสินเชื่อเกษตรกรทะลุ 4 ล้านใบ-ขยายสิทธิครอบคลุมสินค้าอุปโภค บริโภค
ธ.ก.ส.ขยายสิทธิประโยชน์การใช้บัตรสินเชื่อสู่สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มบริการกดเงินสดฉุกเฉินรายละ 50,000 บาท ยันการถือบัตรไม่ใช่การสร้างหนี้เพิ่ม แต่เป็นการอำนวยความสะดวกด้านบริการเงินแก่เกษตรกรเทียบเท่าคนในเมือง
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รมช.คลัง) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาลว่า ณ สิ้นส.ค. 2556 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สามารถดำเนินการอนุมัติบัตรและจัดทำบัตรเพื่อส่งมอบให้เกษตรกรไปแล้ว 4,132,362 บัตร โดยครอบคลุมเกษตรกรทุกกลุ่มอาชีพ วงเงินอนุมัติทั้งสิ้น 63,279,589,216 บาท โดยเกษตรกรนำบัตรไปรูดซื้อปัจจัยการผลิตแล้ว 17,085 ล้านบาท มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ 8,616 ร้านค้า ซึ่งประมาณร้อยละ 70 เป็นร้านค้าของขบวนการสหกรณ์ นอกจากนั้นเป็นร้านค้าเอกชน และสถานีบริการน้ำมัน
“โครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรเป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องการให้เกษตรกรเข้าถึงบริการและนวัตกรรมทางการเงินที่สะดวกรวดเร็วเฉกเช่นคนในเมือง รวมทั้งสามารถใช้เป็นช่องทางดูแลในเรื่องการจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพและราคาที่เป็นธรรม เพื่อลดต้นทุนการผลิตแก่เกษตรกรโดยตรง” รมช.คลัง กล่าว และยกตัวอย่างการงดคิดดอกเบี้ยการใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วง 1 เดือนแรกของ ธ.ก.ส. และหากเกษตรกรซื้อปัจจัยการผลิตจากผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการก็จะได้รับการงดคิดดอกเบี้ยอีก 4 เดือน โดยผู้ผลิตจะรับภาระดอกเบี้ยแทน ทำให้เกษตรกรไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหากชำระหนี้บัตรภายใน 5 เดือน
นายทนุศักดิ์ กล่าวต่อว่า เพื่อเพิ่มคุณค่าของบัตรสินเชื่อเกษตรกร ธ.ก.ส. ได้ขยายสิทธิประโยชน์ในการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มเติมจากเดิมที่ซื้อได้เฉพาะปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ สารกำจัดศัตรูพืช และน้ำมันเชื้อเพลิง เพิ่มเป็นการจัดซื้ออาหารสัตว์ อุปกรณ์เครื่องใช้ทางการเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน เช่น ข้าวสาร
นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิประโยชน์ให้ผู้ถือบัตรด้วยการจัดทำกรมธรรม์คุ้มครองการประกันชีวิตหรือการประกันอุบัติเหตุวงเงินสูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท การได้รับสิทธิการตรวจสุขภาพประจำปีฟรีกับโรงพยาบาลของรัฐที่เข้าร่วมโครงการ และกำลังพัฒนาระบบเพื่อใส่วงเงินสดรายละไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อให้เกษตรกรผู้ใช้บัตรสามารถนำไปกดเงินสดที่ตู้ ATM ของธ.ก.ส. เมื่อมีเหตุฉุกเฉินที่ต้องการใช้เงินสดด่วนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งบริการดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาการพึ่งพาเงินนอกระบบที่คิดดอกเบี้ยในอัตราสูงๆ ถือเป็นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการการเงินในระบบให้แก่เกษตรกรในช่วงจำเป็น โดยคาดว่าระบบดังกล่าวจะเสร็จก่อนสิ้นปีนี้
รมช.คลัง กล่าวอีกว่า การให้เงินกู้ผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกรไม่ใช่การสร้างภาระหนี้สินเพิ่มให้เกษตรกร เนื่องจากที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ก็ได้ให้บริการเงินกู้เพื่อนำไปใช้ในการจัดซื้อปัจจัยการผลิตและเงินกู้ฉุกเฉิน (A-Cash) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่อาจเกิดขึ้น เพียงแต่เปลี่ยนแปลงวิธีการให้เงินกู้ จากเดิมที่เกษตรกรต้องทำเอกสารทุกครั้งที่ต้องการใช้เงินกู้ มาเป็นการดำเนินการผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกร ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังส่งผลให้เกษตรกรนำเงินกู้ไปใช้ได้ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ เนื่องจากขอบเขตการใช้จ่ายผ่านบัตรได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ธ.ก.ส. จึงมั่นใจว่าการดำเนินงานดังกล่าวจะไม่ส่งผลให้เกษตรกรลูกค้าเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน และระบบเงินทุนหมุนเวียนในเศรษฐกิจฐานราก ที่สำคัญบัตรสินเชื่อเกษตรกรมีการกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ที่สอดคล้องกับการผลิตของเกษตรกรซึ่งแตกต่างจากบัตรเครดิตโดยทั่วไปที่ต้องชำระหนี้กันทุกเดือน .