เทงบกลาง 453 ล้านแก้ใต้ รัฐโต้ข่าวรับ 4 ข้อ BRN
ศปก.กปต.อนุมัติเทงบกลางอีก 453 ล้านแก้ปัญหาใต้ ลุยจ้างอาสาสมัครพิทักษ์เมืองสนับสนุนงานทหารตำรวจ อุดหนุนยุทโธปกรณ์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน "ภราดร" เผยถกบีอาร์เอ็นรอบใหม่ 20 ต.ค.นี้ ประสานเสียง ผบ.ทบ.โต้ข่าวรับ 4 ข้อเรียกร้อง ยันยังอยู่ระหว่างการแปลและพิจารณา ชายแดนใต้วุ่นต่อ กู้ระทึกระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ถังน้ำยาแอร์ที่กรงปินัง
วันพฤหัสบดีที่ 12 ก.ย.2556 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ได้เรียกประชุม ศปก.กปต. โดยมี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แกนนำคณะพูดคุยสันติภาพ ผู้แทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แม่ทัพภาคที่ 4 และตัวแทนส่วนราชการต่างๆ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ภายหลังการประชุม ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ศปก.กปต.ได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาและแก้ไขสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 3 รายการ รวม 453,142,600 บาท คือ
1.อนุมัติงบประมาณด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์สำหรับเจ้าหน้าที่
2. อนุมัติงบประมาณสำหรับโครงการอาสาสมัครพิทักษ์เมือง (อส.พม.) จำนวน 77,970,000 บาท ซึ่งเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อพื้นที่ สามารถสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัย และสามารถช่วยสนับสนุนการทำงานของฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจในการดูแลความปลอดภัยในชุมชนเมืองได้เป็นอย่างดี รวมทั้งจะเป็นการลดการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน
3.อนุมัติงบประมาณเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจังหวัดชายแดนภาคใต้ 42 โครงการ วงเงิน 375,172,600 บาท แบ่งเป็น โครงการด้านระบบไฟฟ้าส่องสว่าง 2 โครงการ วงเงิน 83,727,800 บาท และโครงการก่อสร้างถนนและสิ่งอำนวยความสะดวก 40 โครงการ วงเงิน 291,444,800 บาท ซึ่งจะดำเนินการโดยกระทรวงมหาดไทย
มีรายงานว่า งบประมาณที่ขออนุมัติดังกล่าว อยู่ในส่วนของงบกลาง ไม่เกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาแต่อย่างใด โดยงบปี 2557 ที่ตั้งไว้ในหมวดของการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีจำนวนทั้งสิ้น 2.5 หมื่นล้านบาทเศษ
ปัดรับ 4 ข้อเรียกร้องบีอาร์เอ็น
ด้าน พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ได้รายงานต่อที่ประชุม ศปก.กปต.ให้ทราบว่า มีการสื่อสารและส่งเอกสารมาจากฝ่ายบีอาร์เอ็นผ่านผู้อำนวยความสะดวกมาเลเซียมาแล้วอย่างเป็นทางการเป็นภาษาอังกฤษ จำนวนประมาณ 34 หน้า เป็นคำอธิบายข้อเรียกร้อง 5 ข้อที่เคยเสนอมาก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างกลไกของฝ่ายความมั่นคงและพัฒนานำข้อเรียกร้องไปศึกษา และนำเข้าสู่ที่ประชุม ศปก.กปต.อีกครั้งเพื่อให้คณะเจรจานำไปพูดคุยต่อไป
ทั้งนี้ ข้อสรุปการศึกษาข้อเรียกร้องทั้ง 5 ข้อของบีอาร์เอ็น จะเสร็จก่อนวันที่จะมีการพูดคุยครั้งต่อไป โดยมีการกำหนดวันนัดพูดคุยประมาณวันที่ 20 ต.ค.
"ฝ่ายขบวนการฯสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียว่า ในจำนวน 5 ข้อเรียกร้อง ฝ่ายเรารับแล้ว 4 ข้อ ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยข้อเท็จจริงยังไม่มีการรับข้อเสนอข้อใด เพียงแต่ว่าในจำนวน 4 ข้อที่บีอาร์เอ็นอ้างว่าเรารับข้อเสนอแล้วนั้น มีความเป็นไปได้อยู่บ้าง แต่ในขณะเดียวกันข้อที่มีความเป็นไปได้ยากก็อยู่ในกระบวนการพิจารณา สุดท้ายสรุปได้ว่าทั้ง 5 ข้อเรารับฟังและอยู่ในกลไกการพิจาณาเพื่อแสวงหาคำตอบต่อไป" พล.ท.ภราดร ระบุ
เลขาธิการสมช. กล่าวอีกว่า ข้อเรียกร้อง 5 ข้อของบีอาร์เอ็นนั้น มีการทำการบ้านมาแล้ว 90% แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ ข้อเสนอที่ส่งรายละเอียดเพิ่มเติมมามีการอ้างกฎหมายมาตราต่างๆ ของรัฐธรรมนูญไทยมาด้วย ดังนั้นจึงต้องดูว่าที่อ้างมาใช่หรือไม่ จึงต้องมีการทบทวนอีกครั้ง เพราะขณะนี้จะต้องมีการหารือทั้งในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ คณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางด้านกฎหมายต่อไปและนำหลักการนั้นไปพูดคุยในครั้งต่อไป
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า ทางการไทยยังไม่ได้ยอมรับข้อเรียกร้อง 4 ข้อจาก 5 ข้อของบีอาร์เอ็น ซึ่งจะต้องมีการประชุมเพื่อพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง อีกทั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เคยให้สัมภาษณ์แล้วว่าจะไม่รับข้อเสนอต่างๆ และอย่าฟังการอ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ไม่มีตัวตน เพราะไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่มีความชัดเจน ขอให้รอฟังข้อสรุปอย่างเป็นทางการของคณะทำงานพูดคุยสันติภาพ
อย่าไปฟัง"ฮัสซัน"พูดผ่านช่องทางอื่น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ถ้านายฮัสซันไม่ได้พูดผ่านคณะพูดคุยสันติภาพ ก็จะไม่พูดด้วย ฉะนั้นอย่าไปฟัง หากฟังแล้วฝ่ายโน้นก็จะพูดให้ฟังทุกวัน เรื่องนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามอย่างใกล้ชิด ทราบว่าทางบีอาร์เอ็นได้ส่งเอกสารมายังฝ่ายไทยแล้ว อยู่ระหว่างการแปลภาษา ดังนั้นกลุ่มบีอาร์เอ็นจะไปพูดทางอื่นได้อย่างไร ถ้าพูดอย่างอื่นก็ไม่ต้องคุยกัน
"ผมได้สั่งการให้จัดเจ้าหน้าที่จากกองทัพบกและ กอ.รมน.เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) โดยที่ประชุมจะมีการหารือข้อเรียกร้อง 5 ข้อของบีอาร์เอ็นว่ามีแนวโน้มอย่างไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม ผมไม่ได้ขัดข้องเรื่องการพูดคุย แต่อย่าเพิ่งไปบอกว่ารับหรือไม่รับ
ผบ.ตร.เผยเบื้องลึกเหตุยิง 5 ตำรวจ
ด้านความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มตำรวจชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อนเสียชีวิต 5 นาย ขณะนั่งรถเข้าพื้นที่ ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เพื่อสืบสวนจับกุมขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน เหตุเกิดเมื่อวันพุธที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า พบความเชื่อมโยงของอาวุธที่กลุ่มคนร้ายใช้ โดยเป็นปืนที่เคยก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ในช่วงที่ผ่านมาหลายคดี โดยเฉพาะปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุมากกว่า 100 ปลอก อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเชื่อมโยงคดีใดบ้าง
กรณีที่เกิดขึ้นเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีการเตรียมการ เพราะรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ที่เข้าใจว่ามีการนัดสายข่าวเอาไว้ ซึ่งในเบื้องต้นน่าจะมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มน้ำมันเถื่อนด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้เป็นชุดปรามปรามน้ำมันเถื่อน แต่ก็ยังเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ โดยเบื้องต้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบกลุ่มที่ก่อเหตุแล้ว เป็นกลุ่มเดิมๆ ที่ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ต้องเร่งติดตามจับกุมเพื่อมาดำเนินคดี
"ภราดร"ป้องบีอาร์เอ็น
พล.ท.ภราดร กล่าวเรื่องนี้ว่า เกิดจากภัยแทรกซ้อน คือการปฏิบัติการของกลุ่มที่ค้าน้ำมันเถื่อน ยาเสพติด และค้าของเถื่อนต่างๆ แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์กับขบวนการก่อความไม่สงบอยู่ เพราะผู้ปฏิบัติการส่วนใหญ่จะใช้กลุ่มเดียวกัน ซึ่งคงไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบีอาร์เอ็นโดยตรง แต่ผู้ปฏิบัติการอาจจะไปเอากองกำลังของขบวนการก่อความไม่สงบมาใช้ เพราะฝ่ายนั้นก็พร้อมจะรับงานเพื่อเป็นรายได้ ส่วนเหตุระเบิดในโรงเรียนคณะราษฎร์บำรุง 2 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันอังคารที่ 10 ก.ย.นั้น อยู่ในขั้นสืบสวนสอบสวน ซึ่งค่อนข้างจะเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อความไม่สงบ
ซุกบึ้มโคนเสาไฟฟ้าที่มายอทหารเจ็บ 1
สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ตลอดวันพฤหัสบดีที่ 12 ก.ย. นอกจากเหตุยิงทหารพรานเสียชีวิต 3 นายที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานีแล้ว ยังมีเหตุรุนแรงอื่นๆ อีก โดยเมื่อเวลา 15.20 น. คนร้ายใช้จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่วางไว้บริเวณโคนเสาไฟฟ้าใกล้กับที่ทำการไปรษณีย์ อ.มายอ จ.ปัตตานี ตั้งอยู่ริมถนนสายมายอ-ปาลัส เขตเทศบาลตำบลมายอ แรงระเบิดทำให้กำลังพลของกองร้อยทหารราบที่ 15331 (ร้อย ร.15331) หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทราบชื่อคือ พลทหารธีรวัฒน์ สุขสวัสดิ์ อายุ 23 ปี เหตุเกิดขณะปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเดินเท้าพร้อมกับเพื่อนทหารรวม 8 นาย เพื่อรักษาความปลอดภัยครูหลังเลิกเรียน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพุธที่ 11 ก.ย. คนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง อส.ทพ.อีห์หมัด หามะ อายุ 30 ปี สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4516 (ร้อย.ทพ.4516) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่ อส.ทพ.อีห์หมัด อยู่ระหว่างลาพัก และได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังแฟนสาวเพื่อไปส่งที่บ้านโดยใช้เส้นทางถนนในหมู่บ้านบาโกง หมู่ 5 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
กู้ระทึกบึ้มถังน้ำยาแอร์ที่กรงปินัง
ด้านผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ เวลา 09.15 น.วันพฤหัสบดีที่ 12 ก.ย. ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 13 ได้ออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยเส้นทาง และพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณริมถนนบ้านสะเอะใน หมู่ 5 ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา จึงประสานขอกำลังเสริม และขอเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็นถังอัดน้ำยาแอร์สีขาว ภายในบรรจุดินระเบิดน้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม ต่อวงจรจุดชนวนไว้เรียบร้อยพร้อมทำงาน โดยมีสายไฟฟ้าลากยาวเข้าไปในป่ารกทึบริมทาง เจ้าหน้าที่จึงเก็บกู้เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย
เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่แนวร่วมก่อความไม่สงบนำมาวางไว้ เพื่อก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่อีโอดีกำลังเก็บกู้วัตถุระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ถังน้ำยาแอร์ วางไว้ริมถนนที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เพื่อดักโจมตีทหารชุดลาดตระเวน (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ : ข่าวจากส่วนกลางบางส่วนโดยสำนักข่าวเนชั่น