ครม.อนุมัติงบกลาง 21,248 ล้าน แก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ
วันที 10 กันยายน 2556 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี 2557 ที่ได้มีการปรับปรุงตามมติ กนย. เมื่อวันที่ 5 และวันที่ 9 กันยายน 2556 ในส่วนของการแก้ไขปัญหายางพาราระยะสั้นเร่งด่วน
2. อนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อการดำเนินงานตามแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้นของโครงการ วงเงิน 21,248.95 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 ได้อนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นไว้แล้วจำนวน 5,628.01 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจำนวน 15,620.94 ล้านบาท โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตร ตรวจสอบเอกสารหลักฐานเกษตรกรที่จะได้รับความช่วยเหลือตามโครงการและรวบรวมส่งสำนักงบประมาณ พร้อมทั้งจัดทำคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณในคราวเดียวกัน และให้ถือว่าคำขอดังกล่าวเป็นคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของ ธ.ก.ส. พร้อมสำเนาส่ง ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่
3. มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมหารือเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางภายใต้ขอบเขตของกฎหมายต่อไป
4. เห็นชอบการเพิ่มเติมผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยาง 2 คน เป็นกรรมการใน กนย.
5. รับทราบผลการพิจารณาทบทวนการเก็บเงินสงเคราะห์ (เงิน Cess)
สาระสำคัญของเรื่อง
1. การแก้ไขปัญหายางพาราระยะสั้นตามโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี 2557
1.1 จำนวนเกษตรกรและพื้นที่เป้าหมาย เป็นไปตามโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี 2557 ที่คณะรัฐมนตรี ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 ให้ความเห็นชอบ คือ เกษตรกรเป้าหมาย 991,717 ราย พื้นที่เป้าหมายประมาณ 8.97 ล้านไร่ รวมทั้งเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ์ตามหนังสือกรมป่าไม้ ที่ ทส 1602.5/5527 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2555
1.2 เงื่อนไข คือ ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรโดยจ่ายเงินชดเชยแก่เกษตรกรที่มีพื้นที่ยางเปิดกรีด และต้นยางอายุไม่เกิน 25 ปี โดยต้องเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์หรือสิทธิทำกินในพื้นที่นั้น ซึ่งรวมถึงประเภทเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นที่ยอมรับของกรมป่าไม้ ตามหนังสือกรมป่าไม้ ที่ ทส 1602.5/5527 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2555 สำหรับพื้นที่ที่นอกเหนือจากนี้เห็นสมควรมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมหารือเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือภายใต้ขอบเขตของกฎหมายต่อไป ดังนี้
1) เกษตรกรที่มีพื้นที่ยางเปิดกรีดไม่เกิน 25 ไร่ ตามพื้นที่เปิดกรีดจริง ส่วนเกษตรกรที่มีพื้นที่ยางเปิดกรีด 25 ไร่ ขึ้นไป จะได้รับความช่วยเหลือไม่เกิน 25 ไร่
2) อัตราการช่วยเหลืออยู่ที่ไร่ละ 2,520 บาท
3) การจ่ายเงิน เกษตรกรรับเงินสนับสนุนผ่านทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยต้องเปิดบัญชีกับธนาคารดังกล่าวในกรณีที่ไม่เป็นลูกค้าเดิม
1.3 งบประมาณ จากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวม 21,248.95 ล้านบาท ประกอบด้วย
1) เงินช่วยเหลือเกษตรกร วงเงิน 21,209.30 ล้านบาท
2) ค่าบริหารจัดการของกรมส่งเสริมการเกษตร วงเงิน 29.75 ล้านบาท
3) ค่าบริหารจัดการของ ธ.ก.ส. วงเงิน 9.90 ล้านบาท
ทั้งนี้ วงเงินช่วยเหลือข้างต้น 21,248.95 ล้านบาท ครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ประมาณ 8.97 ล้านไร่ ที่ประมาณการไว้ตามข้อเสนอโครงการเดิม เนื่องจากพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ 46 รายการ ตามหนังสือกรมป่าไม้ ที่ ทส 1602.5/5527 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2555 อยู่ในระหว่างการดำเนินการขึ้นทะเบียนเกษตรกร รวมทั้งวงเงินค่าบริหารจัดการของกรมส่งเสริมการเกษตรและ ธ.ก.ส. ซึ่งมีอัตราค่าใช้จ่าย 30 และ 10 บาทต่อรายนั้น ประมาณการจากเกษตรกรเป้าหมาย 991,717 ราย หากวงเงินไม่เพียงพอ ขอความเห็นชอบในหลักการให้เพิ่มได้ตามข้อเท็จจริงของจำนวนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ
วงเงิน 21,248.95 ล้านบาทดังกล่าว เพิ่มขึ้นจากวงเงินตามแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้นเร่งด่วนของโครงการที่ได้รับความเห็นชอบตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 และได้รับอนุมัติเงินงบกลางแล้วจำนวน 5,628.01 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจำนวน 15,620.94 ล้านบาท ดังรายละเอียดโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี 2557 ที่ปรับปรุงตามมติ กนย. เมื่อวันที่ 5 และวันที่ 9 กันยายน 2556
2. กนย. ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 ได้มีมติเห็นชอบการเพิ่มผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยางพารา จำนวน 2 คน คือ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และประธานเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการใน กนย.
3. การทบทวนการเก็บเงินสงเคราะห์ (เงิน Cess) คณะกรรมการสงเคราะห์สวนยาง ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2556 ได้มีมติเห็นชอบให้งดเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ (เงิน Cess) เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2556 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 โดยได้มีการออกประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2556