“สุขุม นวลสกุล” เหน็บเลือกตั้งกี่ครั้ง เหมือนได้ดูหนังภาคเดิม
นักวิชาการชื่อดัง เชื่อปชช.แห่ไปเลือกตั้งมากๆ นักการเมืองย่อมระวังตัว และหากไม่ต้องการให้คนไทยทะเลาะกัน ต้องให้ความสำคัญ รศ.วุฒิสาร ตั้งคำถามนโยบายทุกพรรคต่างเสนอเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ลดภาษี ทำได้จริงหรือ
วันที่ 9 มิถุนายน คณะอนุกรรมการสื่อสารสาธารณะเพื่อสิทธิมนุษยชน สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จัดสัมมนา “มีสิทธิ ทำไมไม่ใช้สิทธิ” โดยเชิญผู้แทนจากวุฒิสภา คณะกรรมการการเลือกตั้ง สถาบันพระปกเกล้าและผู้แทนสื่อมวลชนร่วมอภิปราย ณ ห้องเสวนา สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชั้น 6 อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ
เลือกตั้งเป็นระบบคัดกรองคน
รศ.วุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มีการเปลี่ยนแปลงว่าการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ ซึ่งการกำหนดให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของประชาชน มีข้อมูลจำนวนประเทศ 31 ประเทศที่มีกฎหมายบังคับให้ไปใช้สิทธิในการเลือกตั้ง ซึ่งหากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจะต้องเสียสิทธิ ดังนั้น การบังคับโหวตเหตุผลทางวิชาการคือ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คือการได้มาจากความชอบธรรมจากประชาชนจำนวนมาก หรือ การออกเสียง เป็นการช่วยให้พรรคการเมืองไม่ต้องไปรณรงค์การเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำอยู่แล้ว
“หลายกลุ่มอาจเห็นว่า การบังคับการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เป็นการจำกัดสิทธิในการแสดงความเห็นทางการเมือง ดังนั้น จึงมีการระบุช่องที่ไม่ลงคะแนนให้แก่พรรคการเมืองใด เพื่อให้เห็นว่า ไปทำหน้าที่ และใช้สิทธิไม่ลงคะแนน อย่างไรก็ตาม การไปลงคะแนนเลือกตั้ง บางครั้งเป็นบุคคลที่ไม่สนใจการเมือง แต่ต้องมีการบังคับให้ไปทำหน้าที่ ซึ่งประเทศไทยเห็นว่า การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ และได้มีการกำหนดให้มีการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร และกำหนดช่องไม่ลงคะแนน ซึ่งมีนัยยะอยู่แล้ว”
รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวอีกว่า การไปใช้สิทธิของประชาชนต้องไปเลือกตั้งอย่างมีคุณภาพ ต้องไม่ขึ้นอยู่กับอามิสสินจ้าง ไม่ขึ้นอยู่กับอคติ และต้องตั้งอยู่ในดุลพินิจ ซึ่งในการเลือกตั้ง พรรคขนาดใหญ่ นำเสนอนโยบาย และผู้ที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคการเมืองขนาดกลางและเล็ก ดึงประเด็นนโยบายต่างๆ การใช้ดุลพินิจในการพิจารณานโยบายจะต้องพิจารณา วิเคราะห์ว่า สามารถดำเนินการได้จริงมากน้อยเพียงใด ทุกคนจะต้องติดตามผลการดำเนินนโยบายว่าเป็นไปตามที่กล่าวไว้หรือไม่
“ความสำเร็จในการใช้สิทธิการเลือกตั้งอย่างมีคุณภาพ คือ การเลือกตั้งเป็นระบบที่สามารถคัดกรองคนหรือพรรคที่มีคุณสมบัติในการเข้ารับการเลือกตั้ง และเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว ประชาชนคนไทยจะต้องยอมรับ หากยังคงไม่ยอมรับผลดังกล่าว ย่อมถือว่าภูมิคุ้มกันบกพร่อง”
เสนอตัดเงินเดือน ส.ส.ขาดประชุม
ด้านนางสาวรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภาแบบเลือกตั้ง กล่าวว่า หากสำรวจการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชนในแต่ละจังหวัด กทม.เป็นจังหวัดที่มาใช้สิทธิน้อยที่สุด ทำให้เห็นว่า คนที่มีการศึกษามาก กลับใช้สิทธิน้อยมาก ซึ่งอาจเป็นเพราะ ประชาชนไม่เชื่อมั่นว่าเมื่อเลือกผู้แทนไปแล้ว จะสามารถทำงานได้หรือไม่
“การเลือกตั้งมักเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับระบบประชาธิปไตย ซึ่งหากเปรียบเทียบกับรัฐประหาร ซึ่งมักไม่ได้รับการยอมรับ ประเด็นสำคัญคือ เมื่อมีประชาชนไปเลือกตั้งเพื่อสร้างความชอบธรรมแล้ว แต่ไม่มีคนให้ความสำคัญว่าได้ทำตามนโยบายหรือไม่”
สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีโหวตโน จะต้องทำให้เห็นว่า เป็นปรากฏการณ์การเมืองไทยว่าเป็นอย่างไร ซึ่งการมีเสียงโหวตโนมากกว่าเสียงที่เลือกนักการเมืองอาจเกิดขึ้นได้
“ปัจจุบัน ประชาชนคนไทยให้ความสนใจกับการดูฉลาก รู้จักใส่ใจมากขึ้น แต่นักการเมือง เป็นสินค้าที่ไม่มี อย. หรือ มอก. หากไม่มีคุณภาพ ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากรอให้ครบวาระตำแหน่ง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไทยไม่อยากไปเลือกตั้ง” นางสาวรสนา กล่าว และว่า ดังนั้น หลังจากเลือกตั้งแล้ว ควรมีการตรวจสอบ ประชาชนสามารถขอให้รัฐสภาออกแบบให้ประชาชนสามารถทราบข้อมูล วิธีการทำงานของนักการเมือง เช่น การขาดประชุมของ ส.ส. พร้อมเสนอให้สถาบันพระปกเกล้าผลักดันให้ 1 ใน 4 ของการขาดประชุม ไม่ทำหน้าที่อย่างครบถ้วนของส.ส. ให้ถือเป็นการขาดการทำหน้าที่ และเสนอให้ทำการหักงานเดือนหรือเพิ่มเงินเดือนตามคุณภาพการทำงาน
เบื่อหน่ายการเมือง เหตุผลคนไม่ไปใช้สิทธิ
ขณะที่รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล ผู้แทนสื่อมวลชน กล่าวถึงการใช้สิทธิอย่างมีคุณภาพว่า การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ แต่มีผู้ไม่ไปใช้สิทธิ 25% ทำให้เห็นว่าบังคับหรือไม่ ไม่เป็นผล จากการวิจัย 20% ของคนไม่ไปใช้สิทธิ คือ ป่วย , อยู่ต่างพื้นที่ , เดินทางไม่สะดวก , และไม่เข้าใจการลงคะแนน สาเหตุที่น่าสนใจคือ เบื่อหน่ายการเมือง
“ดูหนัง บางครั้งต้องการดูภาค 1 ต่อด้วย ภาค 2 แต่เรื่องการเมืองไม่อยากดูสักภาค บางครั้งคิดว่าไปเลือกตั้ง เพื่อให้นักการเมืองไปเอาชนะกันและกัน”
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้นักการเมืองได้พยายามกำหนดนโยบายให้ประชาชน เช่น การรับประกันรายได้ การรักษาพยาบาล การลดภาษี ดังนั้น การที่ประชาชนไปลงคะแนนมากขึ้น ย่อมทำให้นักการเมืองระวังตัวมากขึ้นในการทำงาน หากไม่ต้องการให้คนไทยต้องทะเลาะกัน ต้องให้ความสำคัญกับการไปเลือกตั้ง
การเมืองเป็นระบบครอบครัว
ส่วนนางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวถึงงานวิจัยของ กตต. พบว่า สาเหตุที่ประชาชนไม่ไปใช้สิทธิ คือ 1.ขาดความรู้ ความเข้าใจการเลือกตั้งในระบบต่างๆ เช่น ระบบสัดส่วน เนื่องจากคิดคำนวณยาก เข้าใจระบบดังกล่าวไม่เพียงพอ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลง เป็นระบบบัญชีรายชื่อ 2.เบื่อหน่ายในการไปเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องรณรงค์การไปเลือกตั้ง และทำให้ผู้ที่สมัครการเลือกตั้งเป็นที่รู้จัก หรือเกิดจากนักการเมืองผู้ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษที่อาจทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย
"ดังนั้น กกต.จะต้องสร้างให้เด็กและประชาชนให้ความสำคัญในการเลือกตั้ง ซึ่งนักการเมืองจะต้องเป็นบุคคลที่เห็นประโยชน์ของส่วนร่วมเป็นหลัก"
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายนางสดศรี กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ถือได้ว่าระบบการเมืองล้มเหลว สาเหตุจากนักการเมือง ดังนั้น การประชาสัมพันธ์ของ กกต.ว่า เลือกคนดี ควรจะกำหนดด้วยว่า หน้าที่ของ ส.ส.คืออะไร เพื่อแนะแนวทางประชาชนว่าคนดีในการทำหน้าที่ ส.ส.คืออย่างไร โดยเฉพาะปัจจุบัน ระบบการเมืองเป็นระบบครอบครัว ทำให้มีการเอื้ออุปถัมภ์กัน ซึ่งอาจจะร่วมกันผลักดันกฎหมายว่า หากเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน จะไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ โดยฝากสภาทั้ง 2 เป็นผู้ร่วมผลักดันต่อไป