กรมประมงเคลื่อนเเผนฟื้นฟูทะเลระยอง ปล่อยสัตว์น้ำล็อตเเรก 7.3 ล้านตัว
กรมประมงเคลื่อนเเผนฟื้นฟูทะเลระยอง 1 ปี ปล่อยสัตว์น้ำ 60 ล้านตัว ล็อตแรก 7.3 ล้านตัว กุ้งแชบ๊วย-กุ้งกุลาดำ-ปูม้า-ปลากะพงขาว หวังชุบชีวิตวิถีคนประมงชายฝั่ง ‘วิมล จันทรโรทัย’ ระบุคุณภาพน้ำปกติ ไร้สารตกค้างจากน้ำมัน เเต่มาตรการระยะยาว ต้องเก็บตัวอย่างวิเคราะห์ต่อ

วันที่ 2 ก.ย. 56 ที่อ่าวมะขามป้อม ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง กรมประมง ร่วมกับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) จัดพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ภายหลังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบที่รั่วไหลลงอ่าวไทย สร้างความเสียหายแก่ชายฝั่งทะเลจ.ระยอง
นายวิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง ในฐานะประธานในพิธีฯ กล่าวว่า กรมประมงเตรียมแผนการฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำชายฝั่งทะเลระยองเป็นเวลา 1 ปี คือ ตั้งแต่ ก.ย. 2556- ก.ย. 2557 โดยจะมีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำอย่างต่อเนื่องทั้งสิ้น 60 ล้านตัว เพื่อมุ่งหวังให้สัตว์น้ำเหล่านี้เติบโตเป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้ให้แก่ชาวประมงชายฝั่ง
สำหรับวันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจำนวน 7,380,000 ตัว ได้แก่ กุ้งแชบ๊วย 2,500,000 ตัว กุ้งกุลาดำ 4,600,000 ตัว ปูม้า 230,000 ตัว และปลากะพงขาว 50,000 ตัว พร้อมมอบพันธุ์สัตว์น้ำให้แก่ตัวแทนชาวประมง ซึ่งมาจากงบประมาณที่ได้รับอุดหนุนจากภาครัฐทุกปี
“สาเหตุที่เลือกปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำที่อ่าวมะขามป้อม เพราะบริเวณนี้มีหญ้าทะเลและทรัพยากรหน้าดินที่มีความเหมาะสมให้ตัวอ่อนสัตว์น้ำสามารถจะหลบซ่อนตัวจากอันตรายได้” อธิบดีกรมประมง กล่าว และว่าจะปล่อยในพื้นที่อื่นต่อไปนั้น จำเป็นต้องประเมินความเหมาะสมก่อนทุกครั้งเพื่อรับประกันว่าตัวอ่อนสัตว์น้ำที่ปล่อยไปจะไม่สูญหาย
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่จะปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด หรือไม่ นายวิมล ระบุว่า ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีสภาพสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ว่าจะปล่อยตัวอ่อนสัตว์น้ำที่บริเวณใด สัตว์น้ำจะว่ายไปได้อย่างทั่วถึงเมื่อคุณภาพน้ำทะเลสมบูรณ์แล้ว
ทั้งนี้ ยังกล่าวถึงสภาพพื้นที่ทะเลระยองภายหลังเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วว่า ปัจจุบันอยู่ในสภาวะที่น่าพอใจ เพราะคุณภาพน้ำ ได้แก่ ความเค็ม อุณหภูมิ ความเป็นกรด-ด่าง และปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำ อยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่างไรก็ตาม มาตรการระยะยาวจะมีการเก็บตัวอย่างน้ำทะเลและสัตว์น้ำในพื้นที่ประมงทุกเดือน เพื่อหาค่าสารอันตรายต่อไป .
