Exclusive : เปิดจดหมายลายมือ “หมอประเวศ”- “ ชุมชน ” ต้องปกป้อง “สวนโมกข์”
“ทุกวันนี้วัดโดยทั่วไปมีวัตถุมาก และเจ้าอาวาสต้องไปบริหารวัตถุเสียมากกว่าบริหารธรรม และโดยทั่วไปพระก็จัดการสู้ฆราวาสเก่งๆไม่ได้ ควรจะมีระบบที่คณะฆราวาสเก่งๆ เข้ามาช่วยบริหารวัด เพื่อแบ่งเบาภาระให้พระมีเวลาไปบริหารธรรมมากขึ้น วัดต้องเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และชุมชนเข้ามามีบทบาทดูแลวัดและพระ ชุมชนต้องกำกับไม่ให้พระออกนอกลู่นอกทางธรรมด้วย ถ้าวัดแยกตัวออกจากชุมชนจะเกิดความเสื่อม ดังในปัจจุบัน”
ในช่วงเช้า วันที่ 1 สิงหาคม 2556 บุคคลใกล้ชิด ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี ประธานมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกที่นายแพทย์ประเวศ บรรจงเขียนขึ้นด้วยลายมือ มาให้สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org โดยตรง
พร้อมทั้งระบุว่า ตั้งใจส่งจดหมายฉบับนี้ มาให้ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เพื่อช่วยเป็นสื่อกลาง ระหว่าง "ชุมชน" กับ "สวนโมกข์" เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสวนโมกข์ขณะนี้
นับจากบรรทัดนี้ ไปคือ ความในใจของ นายแพทย์ประเวศ ที่ต้องการแสดงออกให้ "คน" และ “พระ” ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น ในสวนโมกข์
-----------
“สวนโมกขพลาราม มรดกทางธรรมของท่านอาจารย์พุทธทาส เพื่อเป็นพลังแห่งความหลุดพ้น”
อย่างน้อยตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๗๕ ที่ท่านอาจารย์พุทธทาสมองเห็นว่าโลกกำลังเข้าสู่วิกฤตการณ์ใหญ่เพราะลัทธิวัตถุนิยม สิ่งที่ท่านทำตลอดชีวิตคือการปรุง "โลกุตรโอสถ" ให้เป็นชุดยาสามัญประจำบ้าน เพื่อช่วยให้มนุษย์หลุดจากการถูกครอบงำด้วยอำนาจของวัตถุนิยม
มาถึงปัจจุบันยิ่งปรากฏชัดว่าโลกกำลังวิกฤตทุกๆ ทางไปจนโลกทั้งใบร้อนขึ้น เพราะอำนาจของวัตถุนิยม
สวนโมกขพลาราม หรือสวนที่เป็นกำลังแห่งการหลุดพ้น (จากอำนาจวัตถุนิยม) ที่ท่านอาจารย์พุทธทาสมอบให้ไว้เป็นมรดกทางธรรมจึงยิ่งทวีความสำคัญยิ่งขึ้น
ควรที่ชาวพุทธทั้งมวลจะร่วมกันรักษาไว้ให้เป็นเครื่องเตือนให้ระลึกถึงปณิธาน ๓ ข้อที่ท่านมอบให้ไว้ ในข้อ ๒ นั้น ขอให้มีการร่วมมือกันระหว่างศาสนา (เพื่อช่วยให้มนุษย์ถอนตัวออกจากวัตถุนิยม) แม้แต่ต่างศาสนาก็ควรร่วมมือกัน จะกล่าวไปใยถึงศาสนาเดียวกัน และในวัดเดียวกันคือสวนโมกขพลาราม
เมื่อครั้งพุทธกาล พระสงฆ์ในกรุงโกสัมพีทะเลาะกันรุนแรงแบ่งเป็น ๒ ฝ่าย ขนาดพระพุทธองค์เสด็จไปห้ามยังไม่ฟัง
ในที่สุดประชาชนเข้าไปจัดการ ทำให้พระสงฆ์หยุดทะเลาะกันได้ อุบาสกอุบาสิกาประชาชนที่มีความศรัทธาในปฏิปทาของท่านอาจารย์พุทธทาสและสวนโมกขพลารามจะเข้าไปจัดการยุติความขัดแย้งในวัดและยั้งให้เป็นไปตามปณิธานของท่านอาจารย์
ในครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์และพระสงฆ์สาวกไม่ได้บริหารวัด แต่บริหารธรรม พระเจ้าพิมพิสารบริหารวัดเวฬุวัน อนาถบิณฑิกเศรษฐีบริหารวัดเชตวัน และนางวิสาขามหาอุบาสิกาบริหารวัดบุพนาราม เมื่อเจ้าชื่นสิโรราสอาราธนาท่านอาจารย์พุทธทาสไปครองวัดอุโมงค์เพื่อสอนชาวเชียงใหม่ และท่านอาจารย์พุทธทาสส่งท่านปัญญานันทะไปแทนนั้น เจ้าชื่นเป็นผู้บริหารวัด ท่านปัญญาบริหารธรรม
ทุกวันนี้วัดโดยทั่วไปมีวัตถุมาก และเจ้าอาวาสต้องไปบริหารวัตถุเสียมากกว่าบริหารธรรม และโดยทั่วไปพระก็จัดการสู้ฆราวาสเก่งๆไม่ได้ ควรจะมีระบบที่คณะฆราวาสเก่งๆ เข้ามาช่วยบริหารวัด เพื่อแบ่งเบาภาระให้พระมีเวลาไปบริหารธรรมมากขึ้น วัดต้องเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และชุมชนเข้ามามีบทบาทดูแลวัดและพระ ชุมชนต้องกำกับไม่ให้พระออกนอกลู่นอกทางธรรมด้วย ถ้าวัดแยกตัวออกจากชุมชนจะเกิดความเสื่อม ดังในปัจจุบัน
ในกรณีของสวนโมกข์ เมื่อมีความขัดแย้งกันรุนแรง ชุมชนก็ควรช่วยเข้ามากำกับดูแลให้เกิดความเรียบร้อย และเจริญในทางธรรม ตามหลักการและแนวทางที่ท่านอาจารย์พุทธทาสได้ทำไว้ ค่าของสวนโมกข์อยู่ที่โลกุตรโอสถ
ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี
ประธานมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ
๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖