ธ.ก.ส. จัดปุ๋ยดีราคาถูก ผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกร
ธ.ก.ส. จับมือ สกต.-บริษัทปุ๋ย จัดหาปุ๋ยดีราคายุติธรรม 400,000ตัน ให้สมาชิกบัตรสินเชื่อเกษตรกร พร้อมชดเชยดอกเบี้ยกู้อีก 4 เดือน
วันที่ 27 พ.ค. 56 ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานใหญ่ บางเขน นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ สนับสนุนโครงการจัดหาปุ๋ยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายรัฐบาล จำนวน 400,000 ตัน ระหว่าง นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นายธนู หาญอยู่ ประธานคณะกรรมการกลางสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. จำกัด (สกต.) นายปราโมทย์ นนทะโคตร ประธานกรรมการ บริษัทไทยธุรกิจเกษตร จำกัด(TABCO) และ นายทวีศักดิ์ สุทิน นายกสมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้ใช้ปุ๋ยที่มีคุณภาพ ในราคายุติธรรม เป็นการลดต้นทุนการผลิตและลดภาระดอกเบี้ยให้แก่เกษตรกร
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรในการซื้อปัจจัยการผลิต โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2555 ซึ่งผลการดำเนินงาน ณ ปัจจุบัน ธ.ก.ส. ได้อนุมัติบัตรสินเชื่อให้เกษตรกรแล้ว จำนวน 2.66 ล้านบัตร โดยเกษตรกรได้ใช้บัตรสินเชื่อซื้อปัจจัยการผลิตแล้ว คิดเป็นมูลค่ารวม 4,879 ล้านบาท ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลพบว่า เกษตรกรใช้บัตรสินเชื่อซื้อปุ๋ย คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 75 ของมูลค่าปัจจัยการผลิตที่จัดซื้อผ่านระบบบัตรสินเชื่อเกษตรกรทั้งหมด
ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตที่สำคัญของเกษตรกรและบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาราคาปุ๋ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ธ.ก.ส. จึงร่วมกับ สกต. บริษัท ไทยธุรกิจเกษตร และบริษัทผู้จำหน่ายปุ๋ยรวม 25 บริษัท จัดทำโครงการจัดหาปุ๋ยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายรัฐบาล จำนวน 400,000 ตัน โดยการจัดหาปุ๋ยที่มีคุณภาพมาตรฐานราคายุติธรรม มาจำหน่ายให้แก่เกษตรกรผู้ถือบัตรสินเชื่อเกษตรกร ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวสามารถช่วยลดต้นทุนในรูปของการชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรผู้ใช้บัตรเป็นระยะเวลา 4 เดือน คิดเป็นมูลค่าที่เกษตรกรจะได้รับประโยชน์ร้อยละ 2.33 ของมูลค่าปุ๋ย หรือประมาณ 350 บาทต่อตัน
ทั้งนี้ โครงการจัดหาปุ๋ยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร มีเป้าหมายดำเนินการผ่าน สกต. ทั้ง 77 แห่ง ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยในปี 2556 จะจัดหาปุ๋ยเคมีตราลูกโลกเกลียวเชือกและตราบริษัท ประเภทปุ๋ยผสม (Compound Fertilizer) เพื่อใช้กับทุกพืชและปุ๋ยเคมีผสมแบบคลุกเคล้า (Bulk Blending) เฉพาะที่ใช้กับยางพารา ปาล์มน้ำมัน และสับปะรด ตามความต้องการของเกษตรกร จำนวน 400,000 ตัน และจะเพิ่มเป็น 1 ล้านตัน ภายใน 5 ปี หรือประมาณร้อยละ 20 ของปริมาณปุ๋ยทั้งหมดที่ใช้ในประเทศประมาณ 5 ล้านตัน ซึ่งเกษตรกรสามารถสั่งซื้อปุ๋ยและชำระค่าปุ๋ยโดยใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกร ได้ที่ สกต. หรือตัวแทนของ สกต. ทุกจังหวัด รวมทั้งร้านค้าเครือข่ายชุมชนที่เข้ามาร่วมโครางการ
ผู้จัดการธ.ก.ส. กล่าวอีกว่า ธนาคารได้ลงนามความร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตร ในการดูแลคุณภาพปุ๋ยและการพัฒนาร้านค้าในโครงการบัตรสินเชื่อให้ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน Q-Shop พร้อมทั้งมีการตรวจสอบคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เกษตรกรจึงมั่นใจได้ว่าจะได้ใช้ปุ๋ยที่มีคุณภาพในราคายุติธรรมหรือเทียบเท่าราคาตลาด ทั้งยังได้รับความสะดวกในการรับปุ๋ยที่สั่งซื้อ เนื่องจาก สกต. จะขนส่งปุ๋ยจากผู้ผลิตถึงชุมชนโดยตรง และเกษตรกรยังได้รับการลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้จากบัตรสินเชื่อเป็นระยะเวลา 4 เดือน รวมเวลาปลอดดอกเบี้ยบัตร อีก 1 เดือน รวมเป็น 5 เดือน นอกจากนี้ ในส่วนของชุมชนจะพัฒนาเป็นจุดรวบรวม รับ-จ่าย ปัจจัยการผลิตผ่านระบบบัตร และพัฒนาเป็นร้านค้าเครือข่ายของ สกต. สหกรณ์การเกษตร ที่เข้าร่วมโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร อันจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชนในอนาคต.