กสม. ชื่นชมรัฐบาลกรณีให้สิทธิฝากท้องฟรี

นางวิสา เบ็ญจะมโน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านสิทธิเด็ก สตรีและความเสมอภาคของบุคคล กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้เปิดตัว โครงการฝากท้องทุกที่ฟรีทุกสิทธิด้วยบัตรสุขภาพแม่และเด็กเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๖ โดยหญิงตั้งครรภ์ไทย ซึ่งมีปีละประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ คน ทุกสิทธิไม่ว่าจะเป็นโครงการ ๓๐ บาท ประกันสังคมและข้าราชการ สามารถฝากครรภ์ที่สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖
ในการนี้ ขอชื่นชมการดำเนินงานของรัฐบาลในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของเด็กและสตรี ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญ ในมาตรา ๕๑ กำหนดให้บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการทางสาธารณสุขที่เหมาะสมและได้มาตรฐาน และบุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขจากรัฐซึ่งเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ รวมถึงในมาตรา ๘๐ ก็ระบุว่า รัฐต้องจัดและส่งเสริมให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ โครงการข้างต้นก็มีการดำเนินการที่ไม่มีการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากหญิงไทยทุกสิทธิสามารถใช้บริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
การดำเนินโครงการฯ ดังกล่าวเป็นกรณีตัวอย่างที่สำคัญยิ่งของประเทศไทยในการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งมีหลักการมุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ และอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ข้อ ๑๒ กำหนดให้รัฐภาคีใช้มาตรการที่เหมาะสมทุกอย่าง เพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในด้านการรักษาสุขภาพ เพื่อประกันการมีโอกาสได้รับบริการ ในการรักษาสุขภาพ รวมทั้งบริการที่เกี่ยวกับการวางแผนครอบครัวบนพื้นฐานของความเสมอภาคของบุรุษและสตรี และรัฐภาคีจะประกันให้สตรีได้รับบริการที่เหมาะสมเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การคลอดบุตรและระยะหลังคลอดบุตร โดยการให้บริการแบบให้เปล่าเมื่อจำเป็น รวมทั้งการให้โภชนาการที่เพียงพอระหว่างการตั้งครรภ์และระยะการให้นม นอกจากนี้ การที่รัฐบาลจัดให้มีโรงเรียนพ่อแม่ ซึ่งก็เป็นการดำเนินการที่สอดรับและต่อเนื่องจากการดำเนินโครงการ “เลี้ยงลูกอย่างไรให้ถูกวิธีและมีคุณภาพ” ของรัฐบาลชุดที่แล้ว
ขอเน้นย้ำว่าการมุ่งเน้นความสำคัญตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์มารดาจนถึงช่วงปฐมวัย ซึ่งเป็นช่วงวัยที่มีความสำคัญที่สุดต่อพัฒนาการ และการปลูกฝัง การหล่อหลอมความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์พร้อมทั้งกายและใจของเด็ก ซึ่งการมุ่งเน้นการดูแลด้านพัฒนาการของเด็ก รวมถึงบิดามารดาก็สอดคล้องกับหลักการส่งเสริมปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของเด็กและสตรี ซึ่งประเทศไทยต้องดำเนินการตามพันธกรณีและอนุสัญญาด้านเด็กและสตรีที่ประเทศไทยเป็นภาคี โดยผลที่ได้ก็คือเด็กและเยาวชนที่มีคุณภาพอันจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาบ้านเมืองในอนาคต
