คนใกล้ชิด "สมชาย นิลศรี" เล่าชีวิตหนุ่มปัตตานีก่อนชนะไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์
สมชาย นิลศรี หนุ่มปัตตานีวัย 30 ปีที่มีบ้านเกิดอยู่ที่ อ.ปะนาเระ ได้รับการโหวตให้เป็นผู้ชนะในรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 3 คว้ารางวัลมูลค่า 10 ล้านบาท จากการแต่งและร้องเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสันติภาพและสันติสุขของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ การแข่งขันรอบสุดท้ายประกาศผลเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ส.ค.2556 ที่สตูดิโอเวิร์คพอยท์ กรุงเทพฯ ผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านถึงรอบชิงชนะเลิศมีทั้งหมด 12 คน/ทีม ส่วนใหญ่มากันเป็นทีม และนำเสนอการแสดงแบบเลิศหรูอลังการ เช่น การแสดงศิลปวัฒนธรรมของทีมเพชรจรัสแสง การแสดงแสง สี ศิลป์ เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย การแสดงเต้นลีลาฮิพฮอพของรังสิตแก๊งสเตอร์ กับบีบอยแดนซ์ เป็นต้น
แต่สำหรับ สมชาย นิลศรี เขาขึ้นเวทีเพียงคนเดียวพร้อมกับกีตาร์คู่ใจ เขาร้องเพลงที่ชื่อ "อยากให้บ้านเรากลับมาเหมือนเดิม" พิชิตใจกรรมการและผู้ชมกระทั่งได้รับชัยชนะ คว้ารางวัลมูลค่า 10 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสดจากเรโซนา 5 ล้านบาท ฟิวส์คอนโดมิเนียมโครงการพฤกษา และรถยนต์จากมาสด้า
ท่อนสร้อยของเพลงที่ทำให้ สมชาย ได้รับชัยชนะ บอกเล่าถึงความหวาดระแวงของผู้คนจากเหตุรุนแรงรายวันที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ทุกคนกลับมารักกันเหมือนเดิม
"จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ตั้งแต่ที่มีเหตุร้ายรายวัน
ต่างคนต่างหวาดระแวงซึ่งกันและกัน
ต่างไม่กล้าไปมาหาสู่ เหตุร้ายช่างดูน่ากลัว
ต่างคนก็เลยหวาดกลัวซึ่งกันและกัน
อยากกินปลาแบที่ออกเล อยากนั่งเรือชมเลที่บ้านเรา
อยากเป็นเหมือนเดิมอย่างเก่าที่ผ่านมา
มีข้าวสารอาหารเราแบ่งปัน ไปมาหากันเหมือนอย่างเคย
จับมือสามัคคีกันเอย...เหมือนอย่างที่เคยผ่านมา"
สมชายซึ่งมีมารดาและครอบครัวมาให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด กล่าวภายหลังรับรางวัลว่า ขอบคุณคนไทยที่เป็นกำลังใจ และการที่ได้รับชัยชนะในวันนี้ทำให้ทราบว่าคนไทยไม่เคยทอดทิ้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยืนยันว่าจะเป็นกระบอกเสียงให้กับดินแดนบ้านเกิดต่อไป ส่วนเหตุร้ายต่างๆ อยากให้ผ่านไปและเริ่มต้นใหม่กับสิ่งดีๆ
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2556 ซึ่งเป็นรอบออดิชั่น สมชายพร้อมกีตาร์ของเขาเอาชนะใจกรรมการและเรียกเสียงปรบมือกึกก้องจากผู้ชมในห้องส่งด้วยเพลง "นกพิราบสีขาว" ซึ่งมีเนื้อหาบอกเล่าเรื่องราวของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เช่นกัน
"นกพิราบสีขาวจงกลับคืนมา
ปกป้องดูแลรักษาประชาได้ไหม
นกพิราบสีขาว ตรงนี้ลุกเป็นไฟ
กลับมาปกป้องโพยภัยให้พวกฉันที
ผู้คนไม่เข้าใจกัน ต่างเข้าใจกันคนละทาง
ไม่สามัคคีเหมือนอย่างที่เคยเป็น
ไม่อยากเห็น...คนมาฆ่ากัน จับปืนถือมีดไล่ฟันกันอีกเลย
อยากจะเห็น...เหมือนดั่งเคย
จับมือกอดคอกันเอย ที่เคยผ่านมา
จะต้องล้มตายอีกสักเท่าใด
ก็เราคนไทยด้วยกันทั้งนั้น
อยากจะเห็นเหมือนดั่งเคย
จับมือกอดคอกันเอย เหมือนอย่างที่เคยผ่านมา"
ระหว่างการแสดงทั้งกรรมการและผู้ชมหลายคนในห้องส่งรู้สึกซาบซึ้งถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่...
สมชาย ให้สัมภาษณ์เอาไว้หลังเป็นที่รู้จักจากการขึ้นเวทีไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ครั้งแรกว่า ได้นำความรู้สึกของคนที่นั่น (สามจังหวัดชายแดนภาคใต้) มาสื่อสารผ่านเสียงเพลง ไม่อยากให้หูต้องได้ยินเสียงปืน และตาต้องไปเห็นคนที่นอนห่อเสื่อมา ไม่ว่าจะซ้อนท้ายรถกระบะหรือว่าซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์
"ผมเด็กสามจังหวัดชายแดนภาคใต้คนหนึ่งรู้ถึงความรู้สึกของครอบครัวผู้ที่สูญเสีย ถึงแม้มันไม่อาจจะเรียกกลับคืนมา"
หลังจากขึ้นเวทีครั้งแรก หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จริงหรือไม่ ปัจจุบันยังใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่หรือเปล่า "ทีมข่าวอิศรา" ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับคนบ้านเดียวกับสมชาย ซึ่งเขานับถือเป็นพี่สาว คือ น.ส.อรรถยา หนักทอง
อรรถยาบอกเล่าตัวตนของสมชายในมุมที่อาจจะไม่ได้เห็นในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีกับการแสดงบนเวทีประกวด...
"สมชายเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเอง เป็นคนที่มีความฝันและเขามักจะเดินหาฝันตลอด ที่สำคัญเขาเป็นคนรักถิ่นฐานบ้านเกิดมาก และส่วนมากก็จะทำอะไรเพื่อสังคม ถ้าหากเขาว่างหรือไม่มีภารกิจอะไรเขาก็จะกลับมาช่วยงานทุกครั้ง"
อรรถยา บอกว่า ที่ได้รู้จักกับสมชาย เพราะเคยทำงานเป็นดีเจอยู่ที่คลื่นวิทยุคลื่นหนึ่งในปัตตานี ได้เห็นและชื่นชมในความสามารถของเขา โดยแอบหวังเล็กๆ ว่าเขาคงประสบความสำเร็จในเส้นทางสายดนตรี
"เท่าที่ทราบสมชายเคยออกอัลบั้มของตนเอง 2 อัลบั้ม แต่ถ้านับว่าโด่งดังเป็นที่รู้จักจริงๆ คงเป็นอัลบั้มที่ 2 กับเพลง ไร้ลีลา และเพลง เด็กใต้โว้ย"
ส่วนการเดินทางไปประกวดบนเวทีไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์นั้น อรรถยา บอกว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าสมชายเป็นนักร้องและมีความสามารถ เชื่อว่าเป็นการวิ่งตามความฝันอีกครั้งหนึ่งของเขา เพราะเขาเคยโดนคนดูถูกเอาไว้ และอีกอย่างเขาเป็นคนในพื้นที่สามจังหวัด จึงอยากทำประโยชน์ให้พื้นที่ด้วยการแต่งเพลงให้กับคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
"โดยปกติเขาเป็นคนรักสันติภาพอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นคนพื้นที่แท้ๆ เขาก็อยากให้ความเป็นอยู่ของดินแดนบ้านเกิดเป็นแบบเดิมเหมือนที่ผ่านมา นอกจากจะตอบความรู้สึกของตัวเองแล้ว เขายังอยากให้กำลังใจคนในพื้นที่ และอยากใช้ความสามารถที่มีอยู่ช่วยพื้นที่นี้บ้าง"
"บทเพลงของเขานั้น เราฟังเองเราก็ร้องไห้ตามไปด้วย เพราะเราก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ซึ่งคนจากพื้นที่อื่นคงจะไม่รู้ซึ้งถึงความรู้สึกเหมือนคนในพื้นที่อย่างเรา คิดว่าเพลงของสมชายไม่ใช่แค่แต่งขึ้นมาให้เนื้อหามันกินใจ แต่จริงๆ แล้วเขาแต่งออกมาเพื่อให้สังคมได้รับรู้ถึงความรู้สึกของคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรง"
อรรถยา ยังบอกด้วยว่า ก่อนขึ้นเวทีประกวด สมชายไม่ได้เล่นดนตรีเป็นหลักแล้ว แต่ได้ประกอบอาชีพค้าขายอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ด้วยเหตุผลที่ว่าในชีวิตของเขาได้ทำอะไรในสิ่งที่อยากจะทำแล้ว คือเคยออกอัลบั้มผลงานของตนเองและประสบความสำเร็จพอสมควร
"เขาไม่ต้องการอะไรมาก ในอดีตเขาเคยเป็นนักแสดงด้วย เป็นตัวประกอบในละครหลายเรื่องอยู่เหมือนกัน" อรรถยาบอก
นั่นคือความฝันเก่าๆ กับเรื่องราวที่ผ่านมาของ สมชาย นิลศรี แต่สำหรับวันนี้ เมื่อกลายเป็นเบอร์ 1 ของไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ย่อมมีสิ่งท้าทายมากมายรออยู่...คงไม่ใช่แค่หิ้วกีตาร์ลงจากเวทีแล้วจบกันไปอย่างแน่นอน!
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สมชาย นิลศรี ขณะอยู่บนเวทีไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์รอบชิงชนะเลิศ