น้ำตาจากหัวใจของภรรยาครูอธิคม...
"เราคงทำบุญร่วมกันมาแค่นี้" เป็นเสียงเบาๆ ปนสะอื้นของ ปนิดา สีลาภเกื้อ ภรรยาของครูอธิคม ติวงศ์ ที่เพิ่งถูกยิงเสียชีวิต คำพูดของเธอนอกจากอธิบายถึงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแล้ว ยังสะท้อนแนวคิดเชิงพุทธเสมือนหนึ่งเยียวยาตัวเองให้ยอมรับกับเรื่องร้ายๆ และตัดใจ...
ครูอธิคมเป็นคนเชียงใหม่ แต่ลงมาสอนหนังสือที่ปัตตานี เขาถูกยิงเมื่อวันจันทร์ที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์ออกจากโรงเรียนบ้านประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านในตัวเมือง คนร้ายมากันหลายคน มีรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มอย่างโหดเหี้ยมทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่มีทางต่อสู้ ทำให้ครูเสียชีวิตคาที่
ปนิดา เล่าถึงสามีด้วยน้ำตาคลอเบ้าที่หน้าศาลาสวดศพวัดดอนตะวันออก ต.ดอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
"เขาเป็นคนอ่อนโยน ไม่เคยโกรธใคร ไม่เคยขัดแย้งกับใครเลย อารมณ์ดีกับทุกคน มุ่งมั่นทำงาน เมื่อจะทำอะไรจะตั้งใจทำจนสำเร็จ ชอบขวนขวายหาความรู้ด้วยตัวเอง วางแผนกันไว้ว่าเก็บเงินได้จะไปซื้อบ้านแถวภาคตะวันออก เวลาปิดเทอมจะได้ไปอยู่ด้วยกัน แล้วปีนี้ถ้าเวลาและการงานลงตัวก็จะมีลูกด้วยกัน"
ปนิดาเป็นชาวบ้านดอน อ.ปะนาเระ โดยกำเนิด จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) เมื่อปีที่แล้ว ปัจจุบันเป็นครูชำนาญการณ์ สอนคอมพิวเตอร์อยู่ที่โรงเรียนบ้านปาลัส อ.มายอ จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอมากนัก งานศพของสามีจึงตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่วัดดอนตะวันออกใกล้บ้านเพื่อความสะดวก เธอนอนเฝ้าศพสามีทุกคืนด้วยความรัก
"รู้จักกับมาร์ท (ชื่อเล่นของครูอธิคม) เมื่อปี 2552 ตอนเขาลงมาอยู่ในพื้นที่ ตอนนั้นเขาเป็นครูพี่เลี้ยงที่โรงเรียนบ้านราวอ อ.มายอ ส่วนฉันสอนคอมพิวเตอร์อยู่ที่โรงเรียนบ้านปาลัส เขาจบพลศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่สนใจเรื่องไอทีมาก ทำให้ได้รู้จักกัน"
"ต่อมาเขาได้บรรจุเป็นครูผู้ช่วยที่โรงเรียนบ้านประจัน อ.ยะรัง ซึ่งห่างจากที่นี่ 50 กิโลเมตร เขาจึงไปเช่าบ้านใน อ.เมืองปัตตานี ช่วงนั้นเขาขอแต่งงาน ฉันบอกเขาว่า 'ที่รักรอนะ ขอเรียนให้จบปริญญาโทก่อน' ทางผู้ใหญ่ฝ่ายเขาก็มาคุย จนฉันเรียนจบปีที่แล้วจึงแต่งงานกันเมื่อเดือน ส.ค.2555 วางแผนกันอยู่ว่าจะมีลูกด้วยกัน แต่ด้วยเวลาทำงานและเวลาพักไม่ค่อยตรงกันทำให้ยังไม่มีลูก"
ปนิดา บอกว่า ครูอธิคมเข้ากับคนมุสลิมได้เป็นอย่างดี ไม่เคยมีปัญหากับใครเลย...
"เขามีเพื่อนมุสลิมเยอะ เพราะมาอยู่ครั้งแรกก็มาอยู่บ้านเพื่อนมุสลิม พ่อแม่ของเพื่อนรักเขาเหมือนลูกบุญธรรม เขาเรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของมุสลิมดีกว่าเราเยอะ ทั้งๆ ที่เราเป็นคนพื้นที่แท้ๆ เพราะเขาคลุกคลีอยู่ด้วยกัน วันรายอพ่อแม่เพื่อนยังซื้อชุดรายอให้เขาใส่"
ปนิดา เล่าว่า ทุกเย็นวันศุกร์ สามีจะกลับมาหาเธอที่บ้านดอน และกลับไปทำงานอีกครั้งช่วงเช้าวันจันทร์ โดยวันจันทร์ถึงพฤหัสบดีจะพักที่บ้านเช่าในเมืองปัตตานี ย่านถนนเจริญประดิษฐ์ หรือ ถนนสาย ม.อ. วันไหนที่เธอมีธุระหรืออยากพูดคุยกันก็จะไปหาและอยู่ด้วยกันที่ในเมือง
"การไปทำงานในแต่ละวันก็พยายามระวังตัวเต็มที่ ไม่ประมาท วันเกิดเหตุก็ไม่ได้มีลางร้ายอะไร มาร์ทบอกว่าตอนเย็นจะกลับมาปะนาเระด้วย เพราะเช้าอีกวันจะไปประชุมเรื่องไอซีทีที่ สพป.ปัตตานีเขต 2 (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 2) ด้วยกัน"
แม้ครูอธิคมเรียนจบพลศึกษา แต่มีความสนใจด้านไอที ขวนขวายหาความรู้ด้วยตนเองจนเชี่ยวชาญ ทั้งยังเป็นแกนนำด้านไอทีของ สพป.ปัตตานี เขต 2 ด้วย เคยเข้าแข่งขันด้านไอทีระดับประเทศ เป็นตัวแทนระดับเขต ระดับภาค แข่งขันงานวิชาการด้านนี้ในปี 2554-2555 เคยไปแสดงผลงานที่กรุงเทพฯ และได้รับคัดเลือกให้ไปอบรมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เพื่อนำมาขยายผลอบรมให้กับครูในพื้นที่ชายแดนใต้
"เขาชอบตัดต่อวีดีโอ ส่งคลิปเผยแพร่เรื่องราวของ จ.ปัตตานีที่อยู่กันอย่างสันติสุขลงใน YouTube เขาลงทุนซื้ออุปกรณ์สำหรับทำหนังสั้นมาไว้ที่บ้าน แล้วเอาไปให้นักเรียนได้หัดทำเพื่อบอกสังคมว่าเด็กที่นี่มีคุณภาพ ต้องสร้างโอกาสให้แก่พวกเขา พอเขาเสียไป โครงการนี้ก็สะดุด และเขายังตั้งชมรมครูปัตตานีในเฟชบุ๊คเพื่อให้ครูมาแชร์ความรู้แลกเปลี่ยนกัน ตั้งเครือข่ายเพื่อให้ครูพื้นที่อื่นได้รับรู้เรื่องราวของครูชายแดนใต้ ทางเขตก็จะส่งข่าวสารให้แก่ครูพื้นที่โดยใช้ช่องทางนี้ด้วย" ปนิดาบอก
ด้วยบุคลิก ลักษณะนิสัย และความสามารถของครูอธิคม ทำให้ ปนิดา คิดไม่ตกเหมือนกันว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ กับเขา นอกจากการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงจากคนบางกลุ่ม ฉะนั้นการรักษาความปลอดภัยเส้นทางจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาชีวิตครู เพราะอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทุกวินาที โดยไม่ต้องมีความขัดแย้งบาดหมางกับใครมาก่อน
"เส้นทางในชายแดนใต้ไม่มีที่ไหนปลอดภัย เขาระวังตัวเองเสมอและเคยบอกว่าคนรอบข้างทั้งในโรงเรียนและชาวบ้านก็ดีกับเขา แต่กับคนข้างนอกบอกไม่ได้เหมือนกัน แถวๆ จุดเกิดเหตุทุกวันจะมีทหารพรานในพื้นที่ อ.ยะรัง ช่วย รปภ.มาจนถึงรอยต่อ อ.เมืองปัตตานี แต่วันนั้นไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุอะไรเหมือนกันถึงไม่มีการรับช่วงต่อ รปภ."
"อยากฝากเรื่องนี้ให้ถึงหูผู้มีอำนาจรับผิดชอบว่า ขอให้ดูแลครูอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เกิดเหตุรุนแรงกับครูครั้งหนึ่งก็ประกาศปรับแผน รปภ.กันที แต่เมื่อปรับแล้วก็ไม่เห็นว่าเหตุร้ายจะลดลงได้ มีแต่สูญเสียเพิ่มขึ้น ช่วงรอยต่อของแต่ละอำเภอ แต่ละตำบลเป็นเขตอันตรายที่เคยเกิดเหตุนับครั้งไม่ถ้วน ควรจะรอรับรอส่งกันให้เรียบร้อยก่อน ไม่ใช่สุดเขตรับผิดชอบก็ไปแล้ว ใครจะมารับต่อหรือไม่ไม่สนใจ การปรับเปลี่ยนกองกำลังลงมาบ่อยๆ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะต้องมาทำความรู้จักกันใหม่ทั้งคนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ กว่าจะเข้าใจกัน เหตุก็เกิดไปมากแล้ว"
ปนิดา บอกตามตรงว่า ถึงตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป คงต้องรอจัดการเรื่องของสามีให้เรียบร้อยก่อน โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันอาทิตย์ที่ 25 ส.ค.นี้ จากนั้นค่อยตั้งหลักอีกครั้ง
โดยเฉพาะกับอนาคตของอาชีพครูในดินแดนแห่งนี้ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอเอง...
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ครูปนิดา
2 งานศพครูอธิคม
3 หน่วยงานรัฐมอบเงินเยียวยา