บัวแก้วสั่งอพยพคนไทยในอียิปต์ล็อตแรก 18 ส.ค.
"สุรพงษ์" เผยความรุนแรงในอียิปต์ขยับขึ้นเป็นระดับ 4 แล้ว สั่งอพยพคนไทยทันที ทะยอยล็อตแรกวันนี้ ใช้วิธีเช่าเครื่องบินเหมาลำไปลงดูไบ โฆษกรัฐบาลระบุตัวเลขแจ้งความจำนงเดินทางออกนอกประเทศพุ่งเฉียดพันคน ขณะที่กองทัพอากาศเตรียมซี 130 แอร์บัส 310 พร้อมรับช่วงต่อตลอด 24 ชั่วโมง อดีตนักศึกษาจากชายแดนใต้ที่เคยไปเรียนที่ไคโร ชี้ สถานการณ์ไม่จบง่าย วอนรัฐช่วยเหลือด่วน ด้านรัฐบาลอียิปต์ยังเดินหน้าสลายการชุมนุม ยอดตายพุ่งกว่า 700 เผยลูกชายแกนนำกลุ่มภราดรภาพมุสลิมถูกยิงเสียชีวิต
ความคืบหน้าเหตุจลาจลในกรุงไคโร ประเทศอิยีปต์ หลังทหารส่งกำลังเข้าปราบปรามกลุ่มสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี จนมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อคนไทยที่อาศัยอยู่ ทำงาน และศึกษาต่อนั้น
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ 17 ส.ค.2556 ว่า ล่าสุดได้มีการปรับระดับเตือนภัยในอียิปต์ขึ้นเป็นระดับ 4 แล้ว หลังจากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น และมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่ม จึงได้สั่งการให้เริ่มกระบวนการอพยพคนไทยออกจากอียิปต์แล้ว
ทั้งนี้ จากการสอบถามความประสงค์เบื้องต้น มีนักเรียนไทยแสดงความประสงค์จะเดินทางกลับ 500 คน โดยจะใช้วิธีเช่าเหมาลำเครื่องบินจากไคโรไปกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน หรือนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้งนี้ขึ้นกับความสะดวกในการดำเนินการ
อพยพล็อตแรกไปดูไบ 18 ส.ค.
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศจัดเครื่องบินเพื่อนำคนไทยที่ประสงค์เดินทางออกจากประเทศอียิปต์กลับประเทศไทย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ขณะนี้มีคนไทยในอียิปต์ได้แสดงความจำนงที่จะเดินทางออกจากประเทศอียิปต์แล้วกว่า 900 คน จากจำนวนคนไทยทั้งหมดประมาณ 2,000 คน ซึ่งนายสุรพงษ์ ได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร เช่าเหมาลำเครื่องบินของสายการบินอียิปต์แอร์เรียบร้อยแล้ว โดยในเวลา 13.30 น.ของวันอาทิตย์ที่ 18 ส.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) จะนำคนไทยกลุ่มแรกออกจากกรุงไคโร ไปยังนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยจะถึงนครดูไบในเวลา 18.00 น.วันเดียวกัน เพื่อส่งต่อให้การบินไทยนำคนไทยกลับประเทศไทยต่อไปโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กองทัพอากาศ ประสานงานร่วมกับการบินไทยในการจัดเครื่องบินเพื่อรองรับคนไทยกลับบ้านให้เพียงพออีกด้วย
นายธีรัตถ์ กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 18 ส.ค.เป็นต้นไป กระทรวงการต่างประเทศ โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเปิดวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์ในอียิปต์อย่างต่อเนื่อง และจะแถลงข่าวให้สาธารณชนรับทราบถึงสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ทัพฟ้าพร้อมรับไม้ต่อ 24 ชั่วโมง
วันเดียวกัน พล.อ.ต.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ (ทอ.) เปิดเผยว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้ ทอ.เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อปฏิบัติภารกิจตามแผนการอพยพช่วยเหลือประชาชนนอกราชอาณาจักร โดย ทอ.ได้นำแผนอพยพช่วงเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้มาใช้ เบื้องต้นได้จัดเตรียมเครื่องบินลำเลียงแบบ ซี130 และเครื่องบิน แอร์บัส 310 ในภารกิจอพยพในครั้งนี้
"ทอ.มีความพร้อมสามารถปฏิบัติภารกิจอพยพคนไทย แต่ต้องขึ้นอยู่กับกระทรวงการต่างประเทศจะขอการสนับสนุนและเคลียร์เส้นทางการบินในประเทศที่ผ่าน รวมทั้งพื้นที่ปลายทาง และจุดแวะเติมน้ำมัน นอกจากนี้อาจใช้เครื่องพาณิชย์นำคนไทยออกมาจากอียิปต์ไปประเทศใกล้ ๆ ก่อน แล้ว ทอ.ค่อยนำเครื่องบินไปรับก็ได้ ขึ้นอยู่กับกระทรวงการต่างประเทศจะตัดสินใจ" โฆษก ทอ.ระบุ
แจงมีแผนอพยพไปประเทศใกล้เคียง
ส่วนกรณีที่นักเรียนไทยในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์จำนวนหนึ่ง แจ้งความจำนงผ่านไปยังสมาคมนักเรียนไทยในไคโร ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อให้ช่วยประสานเดินทางกลับประเทศไทย ทั้งการโทรศัพท์ไปยังสมาคมฯโดยตรง และโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊คของสมาคมฯ เนื่องจากหวาดกลัวสถานการณ์ความไม่ปลอดภัย แต่เมื่อไม่มีความคืบหน้าจึงมีการโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล่าช้าของรัฐบาลและระบบราชการไทย ตลอดจนการประสานงานของสมาคมฯและสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโรนั้น
ล่าสุด สมาคมนักเรียนไทยในไคโรฯ ได้ลบข้อความที่มีการโพสต์ในเชิงลบทั้งหมด พร้อมขึ้นข้อความชี้แจงว่า 1.ประเด็นข่าวที่บอกว่ากระทรวงการต่างประเทศเตรียมแผนอพยพไปประเทศใกล้เคียง เช่น ตุรกี กรีซ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจอร์แดนนั้น สมาคมฯขอชี้แจงว่าแผนการดังกล่าวมีจริง แต่เป็นแผนสำรองในกรณีที่ไม่สามารถอพยพกลับไทยโดยตรงได้
2.ประเด็นที่มีการให้สัมภาษณ์ว่า "ไม่มีนักศึกษาแสดงความประสงค์จะกลับ" หมายถึงการแจ้งความประสงค์เข้ามาอย่างเป็นทางการต่อสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงไคโรโดยตรง เพราะเจ้าหน้าที่ที่ให้สัมภาษณ์พูดไปตามข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารที่มีในขณะนั้น หากท่านใดที่มีความต้องการจะกลับจริงๆ สามารถติดต่อไปยังสถานเอกอัคราชทูตได้ที่เบอร์ 0101 9401243
อดีตนักเรียนอียิปต์จากชายแดนใต้วอนรัฐช่วยเหลือด่วน
สถานการณ์ในอียิปต์ได้รับความสนใจจากพี่น้องมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมาก ซึ่งสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะมีการส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร โดยผู้ปกครองหลายรายได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อตลอดหลายวันที่ผ่านมาว่า ลูกหลานของตนต้องการอพยพออกจากอียิปต์ แต่ไม่ทราบแผนการเดินทางและไม่ทราบว่าต้องติดต่อกับใคร จึงได้แต่ติดต่อทางบ้านผ่านอินเทอร์เน็ต
นายนาวาวี ดือราแม หนุ่มวัย 24 ปีจากบ้านยือโร๊ะ ต.บาโงย อ.รามัน จ.ยะลา อดีตนักศึกษาที่เคยไปศึกษาต่อยังสถาบันภาษาในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้อยู่ในระดับรุนแรงมาก จากการพูดคุยกับเพื่อนที่อยู่ในกรุงไคโรผ่านทางเฟซบุ๊ค ทุกคนมีความกลัวต่อสถานการณ์ บางคนไม่กล้าออกจากบ้านพัก มีการซื้ออาหารกักตุนไว้ แต่อาหารในช่วงนี้ก็มีราคาสูงและค่อนข้างหายาก
"นักศึกษาไทยตอนนี้เท่าที่สอบถามดูแทบไม่มีใครกล้าออกไปไหน ส่วนใหญ่จะอยู่กันแต่ในที่ พักประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมด้วย อยู่กันแต่ในบ้าน ไม่มีอะไรทำ และส่วนใหญ่อยากกลับประเทศไทย แต่บางคนก็ไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเพราะทางบ้านไม่มีเงิน หากเป็นไปได้อยากวอนขอให้ทางรัฐบาลไทยเร่งอพยพคนไทยกลับบ้านโดยเร็วที่สุด เพราะเหตุการณ์ความวุ่นวายคงไม่สามารถยุติได้ง่ายๆ โดยเฉพาะผู้ที่ชุมนุมสนับสนุนประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มอร์ซี กล่าวว่า ถ้าไม่ชนะหรือต่อสู้ไม่สำเร็จ ก็จะยอมพลีชีพ"
นายนาวาวี กล่าวด้วยว่า จำนวนนักเรียนไทยที่ไปศึกษาอยู่ในประเทศอียิปต์มีราวๆ 2,000 คน ส่วนใหญ่เดินทางไปจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
อียิปต์ยังวิกฤติ-ปะทะเดือดตายเพิ่ม
รัฐบาลอียิปต์ยังคงเดินหน้าสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วง โดยเฉพาะเมื่อวันศุกร์ที่ 16 ส.ค. มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 ราย รวม 3 วันของการสลายการชุมนุมมีผู้เสียชีวิตกว่า 718 ราย ขณะที่กลุ่มภราดรภาพมุสลิม (กลุ่มสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีมอร์ซี) เรียกร้องกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกมาแสดงพลังต่อไปอีก 1 สัปดาห์
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า การปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี และกองกำลังรักษาความมั่นคงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้รวมตัวกันที่มัสยิสบริเวณใจกลางจตุรัสรามเซสในกรุงไคโร ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 ราย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศ และเป็นจุดศูนย์กลางการชุมนุม และตามเมืองอื่น ๆ รวมถึงบริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำไนล์
ทางด้านสำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานสดผ่านเว็บไซต์ว่า เจ้าหน้าที่ทหารอียิปต์ได้บุกเข้าไปยังมัสยิดแห่งหนึ่งในกรุงไคโรซึ่งเป็นสถานที่ที่กลุ่มผู้ประท้วงเข้าไปหลบภัยตั้งแต่เมื่อคืนวันศุกร์ หลังจากเกิดเหตุปะทะอย่างรุนแรง และทางเจ้าหน้าที่ได้เจรจากับกลุ่มผู้ประท้วงเพื่อให้ออกไปจากมัสยิดดังกล่าว แต่ฝ่ายผู้ประท้วงเรียกร้องไม่ให้เจ้าหน้าที่จับกุม และขอให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองไม่ให้ประชาชนที่อยู่ข้างนอกมัสยิดทำร้าย ซึ่งในที่สุดกลุ่มผู้ประท้วงก็สามารถออกจากพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย
นับตั้งแต่การสลายการชุมนุมโดยการใช้กำลังตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา (14 ส.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 718 ราย โดยรัฐมนตรีมหาดไทย ประกาศอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถใช้กระสุนจริงได้ หากกลุ่มผู้ชุมนุมมีท่าทีที่รุนแรง ขณะที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีต่อไปอีกราว 1 เดือน รวมไปถึงการประกาศเคอร์ฟิวในตอนกลางคืนด้วย
ประณามกลุ่มหนุนมอร์ซีเป็นก่อการร้าย
ทางด้านรัฐบาลอียิปต์ได้ออกมาระบุว่า กลุ่มภราดรภาพมุสลิมซึ่งเป็นแกนนำการประท้วงต่อต้านรัฐบาลรักษาการเป็น "กลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มนอกกฎหมาย"
คณะรัฐมนตรีอียิปต์แถลงว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงกำลังเผชิญกับการโจมตีจากกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มนอกกฎหมาย และสามารถจับกุมผู้ก่อการร้ายบางส่วนที่อยู่ใน "กลุ่มภราดรภาพมุสลิม" อีกทั้งยังเรียกร้องให้พลเมืองชาวอียิปต์ทุกคนปกป้องความเป็นเอกภาพของชาติและหลีกเลี่ยงความแตกแยก
ทั้งนี้ การชุมนุมประท้วงที่บานปลายเกิดขึ้นนับตั้งแต่ นายมอร์ซี ประธานาธิบดีอียิปต์คนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง ถูกกองทัพขับออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้บรรดาผู้สนับสนุนนายมอร์ซีออกมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้คืนตำแหน่งให้นายมอร์ซี ก่อนจะถูกกองกำลังรักษาความมั่นคงของอียิปต์เข้าสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
บุตรชายผู้นำฝ่ายต่อต้านเสียชีวิต
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในกลุ่มผู้เสียชีวิตจากการปะทะครั้งล่าสุดระหว่างกองกำลังความมั่นคงอียิปต์ กับกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีมอร์ซีนั้น มีนายอัมมาร์ บาดี วัย 38 ปี บุตรชายของนายโมฮัมเหม็ด บาดี ผู้นำกลุ่มภราดรภาพมุสลิมรวมอยู่ด้วย
นายบาดี เสียชีวิตจากการถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะระหว่างเป็นผู้นำการประท้วงที่จัตุรัสรามเซส ในกรุงไคโร ขณะที่สถานีโทรทัศน์อียิปต์รายงานด้วยว่า บุตรชายของนายฮัสซัน มาเลก แกนนำกลุ่มภราดรภาพมุสลิมอีกรายหนึ่งก็ถูกจับกุมแล้ว เช่นเดียวกับ นายกามาล เฮชแมต นักการเมืองแกนนำของกลุ่มนี้
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า นายบาดี ผู้พ่อที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บัญชาการใหญ่กำหนดการเคลื่อนไหวของกลุ่มมุสลิมเคร่งจารีตกลุ่มนี้ หลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด โดยนายบาดีโดนตั้งข้อหาปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง ซึ่งมีกำหนดเริ่มการพิจารณาคดีในวันที่ 25 ส.ค. ซึ่งการเสียชีวิตของบุตรชายเขา เกิดขึ้นหลังการเสียชีวิตของบุตรสาวนายโมฮัมเหม็ด เอล เบลตากี นักการเมืองอาวุโสของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ในการประท้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เหตุจลาจลในอียิปต์
ขอบคุณ :
1 ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
2 สำนักข่าวเนชั่นเอื้อเฟื้อข่าวทั้งหมด ยกเว้นข่าวจากชายแดนใต้