ส.โลกร้อนเล็งฟ้องค่าเสียหายน้ำมันรั่ว
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนลงพื้นที่เก็บข้อมูล ยื่นฟ้องรัฐเรียกค่าเสียหายเกาะเสม็ด
วันที่ 15 ส.ค. 56 ที่อ่าวบ้านเพ จ.ระยอง นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พบปะกับกลุ่มสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยอง และผู้ประกอบการร้านอาหารริมหาด เพื่อติดตามปัญหาการจ่ายเงินเยียวยาความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่เกาะเสม็ด รวมทั้งจะรับเป็นตัวแทนผู้เดือดร้อนยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในชั้นศาลต่อไป
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สมาคมฯ จะจับตาการทำงานของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องว่าจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมจากบริษัทเอกชนอย่างไร เพราะหากเทียบกับกรณีเรือขนน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อ 3 ปีก่อน จนทำให้ปลาตายจำนวนมาก หน่วยงานรัฐได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเอกชน ดังนั้นกรณีน้ำมันรั่วก็ต้องดำเนินการเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นเท่ากับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
อย่างไรก็ตาม ขอชื่นชมและให้กำลังใจอธิบดีกรมควบคุมมลพิษที่แถลงผลการตรวจคุณภาพน้ำทะเลบริเวณเกาะเสม็ดอย่างตรงไปตรงมา เพราะหากไม่ให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาจะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ จ.ระยองและประเทศไทยเสียหายมากกว่านี้
“การที่บางหน่วยงานหรือนักการเมืองบางคนตำหนิการให้ข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและดูถูกประชาชน การเอาข้อเท็จจริงมาตีแผ่เพื่อนำไปสู่การกำหนดมาตรการฟื้นฟูน้ำทะเล จะเป็นผลดีกว่าการหมกเม็ดหรือดิสเครดิตกัน โดยเฉพาะนักการเมืองมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ประชาชน ไม่ใช่ปกป้องบริษัทเอกชนที่เป็นต้นเหตุน้ำมันรั่ว” นายกสมาคมโลกร้อนกล่าว
ด้านนายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำมันรั่วว่ามีอะไรบ้าง เช่น การพบเต่าตาย หรือปลาตายเกลื่อนหาดแม่รำพึง จากนั้นจะนำไปสรุปเป็นมาตรการเยียวยาอีกครั้ง คาดว่าจะใช้เวลาอีก 2 สัปดาห์จะเห็นข้อเสนอที่ชัดเจน
ขณะที่นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฟื้นฟูและประเมินค่าความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมอันเนื่องมาจากน้ำมัน (กปน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การคิดค่าใช้จ่ายและค่าความเสียหายของผู้ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานที่ร่วมปฏิบัติงานสามารถรวบรวมและเรียกร้องค่าใช้จ่าย ค่าความเสียหายในแนวทางเดียวกันอย่างสมเหตุสมผล และให้ส่งมายังกรมเจ้าท่าเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายดังกล่าวจากผู้ก่อให้เกิดมลพิษต่อไป
“แผนการฟื้นฟูเห็นควรให้มีการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการแผนฯ ให้ครอบคลุม ครบถ้วน สมบูรณ์ ไม่ซ้ำซ้อนกัน นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ตั้งคณะทำงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ ค่าเสียโอกาสในพื้นที่ที่เกิดความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมอันเนื่องมาจากน้ำมัน โดยมี ผวจ.ระยอง เป็นประธานคณะทำงานฯ และกำหนดแผนการปรับปรุงแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาติในอนาคต” อธิบดีกรมเจ้าท่า ทิ้งท้าย .
ขอบคุณประชาคม:ส.โลกร้อนเล็งฟ้องค่าเสียหายน้ำมันรั่ว (โพสต์ทูเดย์ออนไลน์)