เสียงคนเล็กคนน้อยจากโคกโพธิ์...ในวันที่ธุรกิจท้องถิ่นเหลือแต่เถ้าถ่าน
เหตุลอบวางเพลิงโรงงานและสถานประกอบการร้านค้ารวมกว่า 10 แห่งเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา เป้าหมายของการเผาทำลายไม่ได้มีเฉพาะโรงงานขนาดใหญ่อย่างโรงงานยางไทยปักษ์ใต้ที่ อ.เมืองยะลา ที่มูลค่าความเสียหายสูงถึง 100 ล้านบาทเท่านั้น
แต่ยังมีธุรกิจเล็กๆ ของคนท้องถิ่นแท้ๆ ตกเป็นเหยื่อด้วย ทั้งๆ ที่เป็นธุรกิจสำหรับเลี้ยงชีพ ช่วยคนในพื้นที่ให้มีงานทำ และไม่เคยก่อผลร้ายให้กับถิ่นฐาน
หนึ่งในนั้นคือร้านมินิมาร์ทที่ชื่อ "ไดมาร์ท" สาขาโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
อ.โคกโพธิ์ ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งสามวัฒนธรรม ผสมผสานกันทั้งไทยพุทธ ไทยจีน และอิสลาม เป็นเมืองเก่าที่มีความเจริญมาแต่อดีต ส่วนหนึ่งเพราะการเป็นศูนย์กลางการคมนาคม เป็นทางผ่านของรถไฟสายใต้...สถานีรถไฟปัตตานีตั้งอยู่ที่โคกโพธิ์ และยังมีถนนเพชรเกษมสายเก่า...ถนนสายหลักของปักษ์ใต้แวะผ่านมาด้วย
ร้านไดมาร์ทซึ่งเป็นร้านมินิมาร์ทเก่าแก่ก็ตั้งอยู่ริมถนนสายนี้ แถมยังอยู่ตรงข้ามโรงพักโคกโพธิ์ ปลายทางด้านหนึ่งของถนนมุ่งสู่ ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา ขณะที่อีกด้านหนึ่งไปได้ทั้งปัตตานีและยะลา
ที่สำคัญครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร้านรวงใน อ.โคกโพธิ์ ตกเป็นเป้า เพราะในเหตุการณ์เผาสถานประกอบการธุรกิจ 6 จุดใน จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2555 ร้านเค.พี.มินิมาร์ท ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลก็เคยถูกเผามาแล้ว และครั้งนี้ก็เช่นกัน...
อนุศาสน์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา เจ้าของโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี ซึ่งเป็นตระกูลธุรกิจในพื้นที่ชายแดนใต้ เล่าให้ฟังว่า เช้ามืดวันศุกร์ที่ 2 ส.ค.มีร้านค้าใน อ.โคกโพธิ์ 3 ร้านที่ถูกวางเพลิงเผา คือร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ของบริษัทพิธานพาณิชย์ ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า รองเท้า และร้านไดมาร์ท
รถดับเพลิงมีจำนวนจำกัด เมื่อเกิดเหตุหลายจุดพร้อมกันทำให้ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทัน ร้านแต่ละแห่งจึงอยู่ในสภาพ "วอด" โดยเฉพาะร้านจำหน่ายเสื้อผ้าและรองเท้า ซึ่งเพิ่งสต็อกของเอาไว้ล็อตใหญ่เพื่อเตรียมขายในวันฮารีรายอ หลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน
เรื่องร้ายๆ แบบนี้ไม่ได้กระทบแค่เจ้าของกิจการ แต่ยังกระทบถึงคนงานและลูกจ้างซึ่งเป็น "คนเล็กคนน้อย" ในพื้นที่ด้วย
สมจิตร บาเหม ผู้จัดการร้านไดมาร์ท สาขาโคกโพธิ์ กล่าวว่า ช่วงแรกที่ได้ยินข่าวว่าร้านถูกวางเพลิงรู้สึกตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก ไม่นึกเลยว่าร้านของเราจะมาถูกเผาอย่างนี้ เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดร้านก็ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ตอนนี้เป็นห่วงก็แต่พนักงานในร้านว่าจะทำอย่างไร เนื่องจากที่สาขานี้พนักงานส่วนใหญ่เป็นเด็กใหม่เกือบทั้งหมด
"ยังรู้สึกดีขึ้นบ้างที่เถ้าแก่ยังเป็นห่วง โทรศัพท์มาสอบถามว่าพนักงานในร้านเป็นอย่างไรกันบ้าง"
สมจิตร บอกว่า เธอเกิดและโตที่โคกโพธิ์ รู้ดีว่าสภาพพื้นที่เป็นอย่างไร จึงไม่คิดว่าจะเกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นได้
"ก็ไม่นึกนะว่าร้านของเราจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น เพราะเรารู้ดีว่าพื้นที่เป็นอย่างไร เนื่องจากเราก็เป็นคนที่นี่ เกิดและโตที่นี่ เมื่อก่อน อ.โคกโพธิ์ เราอยู่ร่วมกันไม่ว่าไทยพุทธ มุสลิม จีน อยู่กันได้ไม่มีปัญหา แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้เองที่สถานการณ์ความไม่สงบรุนแรงขึ้น ทำให้คนในพื้นที่เริ่มหวาดระแวงกันเอง"
สมจิตร บอกด้วยว่า ร้านไดมาร์ทเปิดมากว่า 10 ปีแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่ารุนแรงที่สุดที่เคยเจอ หลังจากนี้ยังไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ต้องแล้วแต่เถ้าแก่
"ร้านมินิมาร์ทถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของพวกเรา 6 คนซึ่งเป็นพนักงานในร้าน เมื่อวันนี้ไม่มีร้านแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ยังดีที่เถ้าแก่เขายังเป็นห่วง ให้ไปทำงานที่สาขาอื่นก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นไม่โทษเจ้าหน้าที่ของรัฐ เนื่องจากรู้ดีว่าเมื่อคืนที่เกิดเหตุมีเหตุการณ์หลายจุด เจ้าหน้าที่เองก็รับมือไม่ทัน ส่วนความเสียหายเบื้องต้นประเมินว่าไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท"
ส่วนการที่เหตุวางเพลิงเผาโรงงานห้างร้านครั้งใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเดือนรอมฎอน ซึ่งตัวแทนรัฐบาลไทยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นตกลงกันว่าจะช่วยกันลดเหตุรุนแรงในพื้นที่ ตามที่ได้ริเริ่มกระบวนการพูดคุยสันติภาพมาหลายเดือนนั้น สมจิตร บอกว่า ยิ่งพูดคุยสถานการณ์ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จึงไม่รู้ว่าจะไปพูดคุยทำไม ตอนนี้ประชาชนเริ่มไม่มั่นใจในความปลอดภัย เจ้าหน้าที่เองยังเอาตัวไม่รอดแล้วจะเอาอะไรไปปกป้องชาวบ้าน
มุกรินทร์ พุทธฤทธิ์ พนักงานในร้านไดมาร์ท กล่าวว่า ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ทั้งๆ ที่พวกเราพยายามช่วยกันดูแลความเรียบร้อยภายในร้าน พยายามสังเกตคนแปลกหน้าในช่วงก่อนจะปิดร้านทุกวัน
"ตอนทุ่มครึ่งพวกเราพนักงานก็ทำความสะอาดร้านกันตามปกติ ก็ไม่เห็นว่ามีสิ่งผิดปกติ ในส่วน รปภ.ของเรานั้นจะประจำอยู่เฉพาะช่วงกลางวัน ส่วนกลางคืนไม่มี รปภ.เฝ้า เพราะอยู่ตรงข้ามโรงพัก สภ.โคกโพธิ์ ก็ยังแปลกใจว่าทำไมร้านเราถึงโดน เจ้าหน้าที่ตำรวจไปอยู่ที่ไหนกันหมดถึงปล่อยให้คนร้ายเข้ามาเหยียบจมูกแบบนี้ แล้วประชาชนตาดำๆ จะอยู่อย่างไร"
"ร้านเรามีพนักงาน 5 คน รวมกับผู้จัดการอีก 1 คนเป็น 6 คน เมื่อร้านถูกวางเพลิงก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เบื้องต้นทางบริษัทให้พนักงานที่สาขานี้ย้ายไปทำงานสาขาอื่นชั่วคราว แต่คิดว่าคงไม่ไป เพราะว่าได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท ต้องมาหักค่ารถแล้วจะเหลืออะไร ยิ่งสถานการณ์ความไม่สงบเริ่มรุนแรงมากขึ้นก็ยิ่งไม่กล้าเดินทางไปกลับ เพราะว่าห้างของเราปิด 2 ทุ่ม เวลานั้นใครจะกล้าเดินทางจากปัตตานีกลับบ้านที่ อ.โคกโพธิ์ ระยะทาง 20 กว่ากิโลฯ หากต้องเช่าบ้านในตัวเมืองก็ต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นอีก ปัจจัยเหล่านี้ทำให้พวกเราหนักใจ"
ขณะที่ผู้นำท้องถิ่นหญิงเหล็กอย่าง ไซนี สะตำ ผู้ช่วยกำนัน ต.โคกโพธิ์ บอกว่า ไม่นึกเลยว่าเหตุการณ์ร้ายจะเกิดขึ้นในอำเภอของเราซึ่งเป็นอำเภอสามวัฒนธรรม ทั้งไทยพุทธ มุสลิม และจีน เราสามารถอยู่รวมกันได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายและความหวาดกลัวให้กับคนในพื้นที่อย่างมาก
"สถานการณ์ดูเหมือนจะเพิ่มความรุนแรงขึ้น เพราะจากเมื่อก่อนระเบิดเจ้าหน้าที่ชุด รปภ.ครู จะทำภายนอกโรงเรียน แต่ปัจจุบันนี้ระเบิดเข้าไปในโรงเรียนแล้ว ทำให้ภาพความรุนแรงมันดูน่ากลัวมากกว่าเดิม ส่วนตัวคิดว่าการพูดคุยระหว่างตัวแทนรัฐบาลกับตัวแทนบีอาร์เอ็นไม่มีผล ควรไปพูดคุยกับกลุ่มอื่นบ้าง อย่ามัวแต่พูดคุยกลุ่มเดียว เพราะเห็นแล้วว่ายิ่งคุยยิ่งแรง"
เป็นเสียงจากอำเภอที่อยู่ไกลเกือบสุดปลายขวาน ท่ามกลางซากเถ้าถ่านที่เป็นดั่งอุทาหรณ์ของความรุนแรง...
----------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สภาพร้านมินิมาร์ทไดมาร์ทหลังถูกวางเพลิงเผา