ผอ.รร.สัตยาไส แนะระบบการศึกษาต้องสร้างคนดี มีคุณธรรม ทำประโยชน์ให้ส่วนรวม
ถอดบทเรียน โครงการเครือข่ายโรงเรียนสุขภาวะ นักวิชาการ เสนอทางเลือกเด็กที่มีความถนัดเฉพาะด้าน ควรได้เรียนในสิ่งที่ชอบ พร้อมแนะการจัดห้องเรียนต้องให้มีทั้งเด็กเรียนเก่ง-ไม่เก่งอยู่รวมกัน
วันที่ 27 กรกฎาคม โครงการเครือข่ายโรงเรียนสุขภาวะ โดยมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ (มสวร.) ร่วมกับสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมสัมมนาทางวิชาการ "คุณภาพโรงเรียน คุณภาพเด็ก" ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โดยในช่วงแรกของงานมีปาฐกถา โดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการโรงเรียนสัตยาไส
ช่วงเริ่มการปาฐกถา ดร.อาจอง กล่าวถึงมหาวิทยาลัยทุกวันนี้คัดเลือกแต่คนเก่ง ไม่คัดเลือกคนดี แทนที่จะคัดเลือกคนดี เมื่อไม่คัดเลือกตามนี้ เด็กก็สับสนวุ่นวาย มุ่งเอาชนะกันตลอดเวลา พอแข่งขันเพื่อที่จะเอาชนะกันก็เห็นแก่ตัวถึงจะชนะคนอื่น ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนวิธี เราต้องสร้างมนุษย์ที่สมบูรณ์ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
"โรงเรียนที่ผมสร้างไม่ได้เน้นคนเก่ง เราต้องการสร้างคนดี ไม่ต้องการสร้างคนเก่ง สร้างคนที่มีคุณธรรม ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม นี่คือสิ่งที่วาดไว้ตั้งแต่เริ่มต้น เด็กของเราพอเป็นคนดีแล้วสอบได้ที่ 1 สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตามที่เด็กปรารถนา ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นคนดีแล้วเด็กจะเก่งเอง ขณะเดียวกันผลการสอบโอเน็ตเมื่อเปรียบเทียบกันในเขต 200 กว่าโรงเรียน เราได้ที่ 1 ทั้งๆที่ไม่ได้เน้นวิชาการ แต่เด็กก็สามารถสอบได้"ดร.อาจอง กล่าว และว่า สำหรับการเรียนการสอนที่โรงเรียนสัตยาไส เน้นหลัก 3 H คือ Head = สมอง Heart = หัวใจ Hand = การกระทำ การเรียนการสอนเริ่มจากความคิดดี คิดด้านบวก แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นการกระทำ เวลาพูดก็พูดจากใจ การสอนคุณธรรมสอนผ่านนิทานคุณธรรม เป็นต้น
ดร.อาจอง กล่าวด้วยว่า ทุกวันนี้ประเทศเราวัดความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติจาก GDP ให้ทุกคนยึดมั่นในวัตถุ วัดความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุ ต้องผลิตเยอะๆ ประเทศจะได้ก้าวหน้า เมื่อผลิตเยอะ ก็ต้องขายของเยอะๆ พอขายก็มีการโฆษณา เป็นการสร้างความกิเลส ความต้องการให้มนุษย์ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราเรียกว่าความเจริญก้าวหน้า ที่เหนื่อย
ขณะที่อ.โกวิท บุญเฉลียว ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคูเมือง "อ่อนอนุเคราะห์" จ.อุบลราชธานี กล่าวถึง การเรียนการสอนในบ้านเราควรจะมีทางเลือกให้เด็กที่มีความถนัดเฉพาะด้าน ได้เรียนในสิ่งที่ถนัด เช่น มีความสามารถด้านดนตรี กีฬา รวมทั้งโรงเรียนก็ควรให้โอกาสกับเด็กที่มีผลการเรียนต่ำ พฤติกรรมเกเร โดยไม่ควรสนับสนุนแต่เด็กที่เรียนดี โดยไม่สนใจเด็กที่มีผลการเรียนไม่ดี เพราะการที่เราไม่ใส่ใจเด็กจึงทำให้เด็กมีปัญหา ฉะนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจัดห้องเรียนให้มีทั้งเด็กที่เรียนเก่งและไม่เก่งอยู่รวมกัน สนใจเด็กให้เท่าๆกัน ใครที่เรียนไม่เก่งก็หากิจกรรมเสริมให้ทำ เช่น เลี้ยงปลา ปลูกข้าว เป็นต้น
ด้านอ.บุญเจือ ทองประหวั่น ผู้อำนวยการโรงเรียนศิริพงศ์วิทยา จ.สงขลา กล่าวถึงจากการเข้าร่วมโครงการเครือข่ายโรงเรียนสุขภาวะที่ผ่านมา ทำให้การทำงานในระบบโรงเรียนดีขึ้น แม้เด็กส่วนใหญ่ในโรงเรียนจะมีฐานะยากจนและเป็นเด็กที่มีปัญหาครอบครัวแตกแยก แต่เด็กก็มีศักยภาพ มีวินัยโดยไม่ต้องออกคำสั่ง เพราะเด็กสามารถซึมซับได้จากกิจกรรมที่เด็กทำ เช่น การกระโดดเชือก เมื่อมีการแข่งขันกระโดดเชือกในระดับประเทศก็สามารถสู้โรงเรียนใหญ่ๆได้ และคิดว่าอย่างไรก็ตามแม้โครงการนี้จะจบลงก็จะยังนำกระบวนการเรียนรู้ที่ได้จากระบบนี้ทั้งหมดไปใช้และพัฒนาต่อไป