24 ก.ค.นี้ เริ่มดีเดย์ค้นหาคนดีเป็นมือปราบการโกง ระยะที่ 2 ในพื้นที่ 44 จังหวัด”
สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ดำเนินการเปิดรับสมัครกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด หรือกรรมการ ป.ป.จ. ระยะที่ 1 ในพื้นที่ 32 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2556 ไปเรียบร้อยแล้ว ผลปรากฏว่า มีผู้สมัครกรรมการ ป.ป.จ. รวมทั้งสิ้น 1,183 คน แยกเป็นกลุ่มที่สมัคร ดังนี้
1. กลุ่มผู้รับหรือเคยรับราชการในระดับไม่ต่ำกว่าผู้อำนวยการกองหรือเทียบเท่า จำนวน 757 คน
2. กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิฯ จำนวน 326 คน
3. กลุ่มผู้ซึ่งองค์การพัฒนาเอกชนหรือองค์กรวิชาชีพที่มีกฎหมายรับรองฯ จำนวน 100 คน
และในขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครในพื้นที่ 32 จังหวัด เพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณสมบัติถูกต้องและไม่มีลักษณะต้องห้าม ประกอบกับเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานอย่างโปร่งใส ทางสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดจะส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครให้แก่สื่อมวลชนในจังหวัดดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ หากเห็นว่าเป็นบุคคลที่ไม่เหมาะสมขอให้รีบแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับประวัติและพฤติการณ์ให้สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดทราบผ่านทางเว็บไซต์ ไปรษณีย์ หรือช่องทางอื่นภายในระยะเวลาที่กำหนด ก่อนที่จะดำเนินการพิจารณาคัดเลือกและแต่งตั้งให้เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดตามจำนวนของแต่ละจังหวัดต่อไป”
ส่วนในระยะที่ 2 จะเริ่มดีเดย์ ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 สำนักงาน ป.ป.ช. จะได้ประกาศกำหนดวัน เวลา และสถานที่การขอขึ้นทะเบียนหน่วยงานหรือองค์กรเพื่อคัดเลือกคณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.จ. เพื่อมาทำหน้าที่คัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอรายชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.จ. ในพื้นที่ 44 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา ชัยภูมิ ตราด ตาก นนทบุรี นราธิวาส นครนายก น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พังงา พัทลุง พิจิตร เพชรบูรณ์ พะเยา ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ระนอง ระยอง ราชบุรี ลำพูน เลย สกลนคร สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สิงห์บุรี หนองบัวลำภู อ่างทอง อุทัยธานี อุตรดิตถ์ อำนาจเจริญ
และได้กำหนดวันขึ้นทะเบียนของหน่วยงานหรือองค์กรที่ประสงค์จะส่งผู้แทนเข้ามาคัดเลือก คือวันที่ 1 – 9 สิงหาคม 2556 ไม่เว้นวันหยุดราชการ และคาดว่าจะประกาศรายชื่อคณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.จ. ครบ 44 จังหวัด ในวันที่ 16 กันยายน 2556 และในวันที่ 26 กันยายน – 4 ตุลาคม 2556 จึงจะดำเนินการรับสมัครกรรมการ ป.ป.จ. ในพื้นที่ 44 จังหวัด
ทั้งนี้ การคัดเลือกคณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.จ. จะดำเนินการโดยให้ผู้แทนหน่วยงานหรือองค์กรในแต่ละจังหวัด รวม 9 กลุ่มหน่วยงานหรือองค์กร คัดเลือกกันเองให้เหลือหน่วยงานหรือองค์กรละหนึ่งคน ดังนี้
1. สมาคมหรือชมรมครู อาจารย์ หรือสมาคมทางด้านการศึกษา
2. สภาทนายความหรือผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมาย
3. สมาคมหรือชมรมพนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือสภาแรงงาน หรือสหภาพแรงงาน
4. สภาหอการค้าจังหวัดหรือสภาอุตสาหกรรมจังหวัดหรือชมรมธนาคารพาณิชย์จังหวัด
5. กลุ่มอาสาสมัคร
6. องค์กรเอกชน
7. องค์กรเกษตรกร
8. สมาคมหรือชมรมสื่อมวลชน
9. หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด
คุณสมบัติของหน่วยงานหรือองค์กรที่มีสิทธิส่งผู้แทนเพื่อคัดเลือกกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.จ.
1. การรวมตัวกันของสมาชิกของหน่วยงานหรือองค์กรต้องเป็นไปเพื่อดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์สาธารณะหรือประโยชน์ส่วนรวมต่อผู้ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอย่างต่อเนื่องในจังหวัด โดยมีวัตถุประสงค์หลักเกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งใน 9 ประเภทที่กฎหมายกำหนด
2. ได้รับการรับรองจากทางราชการ หรือมีหลักฐานแสดงสถานภาพของหน่วยงานหรือองค์กร
3. หน่วยงานหรือองค์กร ต้องจัดตั้งหรือดำเนินกิจกรรมมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันแจ้งความประสงค์ โดยสามารถนำผลงานหรือรายงานการดำเนินกิจกรรมมาแสดงได้ เว้นแต่กรณีเป็นหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้
4. เป็นหน่วยงานหรือองค์กรที่มิได้มีฐานะเป็นนิติบุคคล ต้องมีสมาชิกซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดตามจำนวนที่กำหนด
(4.1) หน่วยงานหรือองค์กรตามข้อ 1 (1) (2) (3) (4) และ(8) ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 10 คน
(4.2) หน่วยงานหรือองค์กรตามข้อ 1 (5) (6) และ (7) ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 50 คน
5. หน่วยงานหรือองค์กรใดมีคุณสมบัติมากกว่าหนึ่งประเภท ให้แจ้งความประสงค์ขอขึ้นทะเบียนได้เพียงประเภทเดียว
ดังนั้น คณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.จ. ในแต่ละจังหวัด จะมีจำนวน 9 คน ในกรณีมีผู้แทนหน่วยงานหรือองค์กรไม่ครบจำนวนแต่มีอยู่ไม่น้อยกว่าเจ็ดคน ให้ผู้แทนหน่วยงานหรือองค์กรเท่าที่มีอยู่ดังกล่าวดำเนินการสรรหาต่อไปได้
คณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.จ.เมื่อผ่านการสรรหาเรียบร้อยแล้ว จะเข้ามาทำหน้าที่สำคัญดังนี้
1 ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม ประวัติ และพฤติการณ์ของผู้สมัครเป็นกรรมการ ป.ป.จ. แต่ละราย
2 พิจารณาคัดเลือกผู้สมัครกรรมการ ป.ป.จ. ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามซึ่งสมควรได้รับการเสนอรายชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.จ.
3 คณะกรรมการสรรหาสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.จ. เสร็จสิ้นแล้ว
นายณรงค์ ได้เปิดเผยถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะมาสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด (กรรมการ ป.ป.จ.) ว่า “ ผู้สนใจสมัครเป็นกรรมการ ป.ป.จ. สามารถสมัครจังหวัดใดก็ได้เพียงจังหวัดเดียวเท่านั้นในพื้นที่ 44 จังหวัด และต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
คุณสมบัติ
(1) เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
(2) มีความรู้ความสามารถและมีผลงานเป็นที่ยอมรับในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(3) มีสัญชาติไทย
(4) มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบห้าปีบริบูรณ์ และยังไม่ครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
(5) รับหรือเคยรับราชการในระดับไม่ต่ำกว่าผู้อำนวยการกองหรือเทียบเท่า หรือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีความรู้และประสบการณ์หรือมีผลงานเป็นที่ยอมรับในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือเป็นผู้ซึ่งองค์การพัฒนาเอกชนหรือองค์กรวิชาชีพที่มีกฎหมายรับรองและปฏิบัติงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบปีโดยองค์การพัฒนาเอกชนหรือองค์กรวิชาชีพให้การรับรอง
ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดทั้ง 44 แห่ง หรือสายด่วน ป.ป.ช. 1205 หรือ www.nacc.go.th