4 องค์กรสื่อซัดประกาศคุมเนื้อหารายการฯ ย้อนยุคเผด็จการ-ลั่นค้านเต็มที่
4 องค์กรวิชาชีพสื่อออกแถลงการณ์คัดค้านประกาศคุมเนื้อหารายการทีวีวิทยุ ชี้ กสทช.ทำผิด กม.อย่างชัดแจ้ง หวั่นนำไปสู่การปิดกั้นข้อมูลข่าวสารย้อนยุคเผด็จการ
เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2556 องค์กรวิชาชีพสื่อสารมวลชน 4 องค์กร ประกอบด้วยสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สภาวิชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ได้ออกแถลงการณ์คัดค้าน (ร่าง) ประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเนื้อหารายการในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. .... หรือ ที่ร่างประกาศกำกับดูแลเนื้อหารายการทีวีวิทยุ มีสาระสำคัญระบุว่า หลังจากที่องค์กรวิชาชีพสื่อฯ ทั้ง 4 องค์กรนี้ เคยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ กสทช.ปรับแก้ร่างประกาศดังกล่าว เนื่องจากมีเนื้อหาขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ อย่างน้อย 5 มาตรา ทั้งนี้ กสทช.ได้เชิญองค์กรวิชาชีพสื่อฯ ทั้ง 4 องค์กร ไปประชุมกลุ่มย่อย แต่ ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช. ประธานในที่ประชุม กว่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้จะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในร่าง ประกาศดังกล่าว เพราะได้ผ่านการพิจารณาของที่ประชุม กสทช.แล้ว
แถลงการณ์ ดังกล่าวจึงระบุว่า เมื่อพิจารณาจากที่ กสทช.ไม่รับฟัง้ขอเสนอแนะจากผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ประกอบกับการที่ร่างประกาศดังกล่าว จะต้องมีการยกร่างใหม่ทั้งฉบับ หาก กสทช.ยังคงยืนยันจะนำร่างประกาศดังกล่าวไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ องค์กรวิชาชีพสื่อฯ ทั้ง 4 องค์กรจะคัดค้านอย่างรุนแรง เพราะเป็นร่างประกาศที่ขัดต่อกฎหมายอย่างชัดแจ้ง และมีเนื้อหาที่อาจนำพาประเทศไทยไปสู่ยุดของการปิดกั้นการรับรู้ข้อมูล ข่าวสารอย่างรุนแรง ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในยุคของเผด็จการรัฐประหารในอดีตผ่านมา
“ทั้ง นี้ 4 องค์กรวิชาชีพสื่อจะทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อคัดค้านการจัดทำร่าง ประกาศที่มีกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายฉบับนี้ต่อ กสทช.ต่อไป” แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ
-----
(เนื้อหาแถลงการณ์ฉบับเต็ม)
แถลงการณ์ 4 องค์กรวิชาชีพสื่อ เรื่องคัดค้านร่างประกาศหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเนื้อหารายการในกิจการกระจาย เสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. .... ของ กสทช.
สืบ เนื่องจาก 4 องค์กรวิชาชีพสื่อ ซึ่งประกอบด้วย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาวิชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 ให้ กสทช. ทบทวนและแก้ไขการจัดทำ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การกำกับดูแลเนื้อหารายการในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. .... เพราะมีเนื้อหาที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอันจะมีผลเป็นการจำกัดสิทธิ ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนและลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่าง น้อย 5 มาตรา
โดย มีความเห็นว่า กสทช.กำลังขยายขอบเขตอำนาจในการกำกับดูแลสื่อมวลชนเกินกว่ากฎหมายให้อำนาจ ไว้ และ กสทช.ยังมีกลไกอื่นๆ ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกำกับดูแลสื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ 4 องค์กรวิชาชีพสื่อได้เสนอแนะให้ กสทช.พิจารณาทบทวนแก้ไข (ร่าง) ประกาศดังกล่าวอย่างรอบคอบ เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็น ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำร่างฯ ก่อนนำออกรับฟังความคิดเห็นสาธารณะตามขั้นตอนของกฎหมาย อันจะนำมาซึ่งประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง โดยหาก กสทช.เห็นควรจัดให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อร่างประกาศดังกล่าว องค์กร วิชาชีพสื่อทั้ง 4 องค์กรที่มีสมาชิกเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ยินดีให้ความร่วมมือส่งตัวแทนเข้าร่วมให้ข้อเสนอแนะตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำ หรือยกร่างประกาศนั้น
หลัง จากที่ 4 องค์กรวิชาชีพสื่อได้ออกแถลงการณ์ไปแล้วนั้น ต่อมา 4 องค์กรวิชาชีพสื่อ ได้รับหนังสือเชิญประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศ จาก กสทช. ให้เข้าร่วมประชุมในวันนี้ (18 กรกฎาคม 2556) ซึ่งจากการพูดคุยเบื้องต้นก่อนการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ตัวแทน 4 องค์กรวิชาชีพสื่อได้สอบถามถึงกระบวนการ ขั้นตอนและความเป็นไปได้ในการนำความคิดเห็นที่ได้รับจากการประชุมครั้งนี้ไป พิจารณาปรับปรุงการจัดทำหรือยกร่างประกาศก่อนนำไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ประธานในที่ประชุม พลโท ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ ชี้แจงว่า การจัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ครั้งนี้ ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการจัดทำ (ร่าง) ประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเนื้อหารายการในกิจการกระจายเสียงและกิจการ โทรทัศน์ พ.ศ. .... เพราะ (ร่าง) ประกาศฉบับนี้ ได้ผ่านมติความเห็นชอบของ กสทช. ให้นำออก รับฟังความคิดเห็นสาธารณะไปแล้วเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2556 แต่ กสทช.จะรับไว้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความคิดเห็นเช่นเดียวกับการรับฟังความ คิดเห็นสาธารณะที่จะจัดให้มีขึ้นอย่างเปิดเผยตามมติของ กสทช.ต่อไป
4 องค์กรวิชาชีพสื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นโดยมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ จากผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง และนำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขตั้งแต่ขั้นตอนการยกร่างประกาศอย่างแท้จริงตาม ที่ได้แสดงเจตนาไว้แต่ต้นกับ 4 องค์กรวิชาชีพสื่อ ประกอบกับการปรับแก้ไข (ร่าง) ประกาศฉบับนี้ไม่สามารถกระทำได้ด้วยการปรับปรุงแก้ไขเพียงเล็กน้อย แต่ต้องเริ่มต้นยกร่างใหม่ ด้วยการทำความเข้าใจในหลักการและวิธีปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน กลไกและกระบวนการกำกับดูแลสื่อมวลชนที่สอดคล้องกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ สื่อและสิทธิในการได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนอย่างเป็นอิสระ การสร้างความเข้มแข็งและการรู้เท่าทันสื่ออย่างมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึง ภาพรวมทั้งระบบ
หาก กสทช. ยังคงยืนยันนำร่างประกาศฉบับดังกล่าวนี้ไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ 4 องค์กรวิชาชีพสื่อ จะคัดค้านอย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นร่างประกาศที่ขัดต่อกฎหมายอย่างชัดแจ้ง เพราะมีเนื้อหาที่ขัดต่อหลักการด้านสิทธิเสรีภาพของประชาชนในระบอบ ประชาธิปไตยในการได้รับข้อมูลข่าวสาร อันอาจนำพาประเทศไทยกลับไปสู่ยุคของการปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่าง รุนแรงดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในยุคของเผด็จการรัฐประหารในอดีตที่ผ่านมา
4 องค์กรวิชาชีพสื่อ จึงขอยื่นข้อเสนอต่อ กสทช.ว่า ขอให้ กสทช.พิจารณาทบทวนการนำร่างประกาศที่ผ่านมติของ กสทช. ออกรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ จากนั้นเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการนำเสนอ ข้อมูล หลักการ ความคิดเห็นตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำร่างฯ อันจะนำมาซึ่งความเข้าใจ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และทำให้ร่างประกาศฉบับนี้มีสภาพบังคับใช้เป็นกฎหมายที่มีประสิทธิภาพ กำกับดูแลสื่อมวลชนได้อย่างมีประสิทธิผล และนำมาซึ่งความสงบสุขของสังคมโดยรวมต่อไป
ทั้ง นี้ 4 องค์กรวิชาชีพสื่อจะทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อคัดค้านการจัดทำร่าง ประกาศที่มีกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายฉบับนี้ต่อ กสทช. ต่อไป
18 กรกฎาคม 2556
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ.