ความตายของ"บาบอ"ที่ปูลากาชิง อีกหนึ่งเรื่องจริงที่ชาวบ้านขอความเป็นธรรม
เสียงตักบีร์ (เปล่งเสียง 'อัลลอฮ์ อักบัร' แสดงความศรัทธาต่ออัลลอฮ์) ดังขึ้นซ้ำๆ ระหว่างที่ผู้คนหลายร้อยกำลังเคลื่อนศพ นายอิสมะแอ ปาโอ๊ะมานิ๊ วัย 51 ปี ออกจากบาลัย (สถานที่ละหมาดชั่วคราว) ซึ่งปลูกสร้างอยู่ติดกับบ้านของเขาและครอบครัว พร้อมเดินแห่ศพไปทำพิธีฝังยังกุโบร์ (สุสาน)
บ้านของอิสมะแอ เลขที่ 25 หมู่ 4 บ้านปูลากาชิง ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นั้น หลังค่อนข้างใหญ่ เพราะนอกจากด้านหนึ่งจะเป็นบาลัยสำหรับละหมาดแล้ว ใต้ถุนยังเปิดเป็นปอเนาะใช้สอนหนังสือเด็กๆ ในชุมชนด้วย ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า "ปอเนาะปูลากาชิง" จึงไม่แปลกที่หลายคนจะเรียกอิสมะแอว่า "บาบอ" ส่วนคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันจะเรียกเขาว่า "เป๊าะจิ๊"
เช้าวันอังคารที่ 25 มิ.ย.เสียงปืนแผดก้องที่หน้าบ้านของอิสมะแอ ทำให้เขาเสียชีวิตคาที่ ส่วน นางปาอีซะ วันเย็น ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ก็ถูกกระสุนลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บ ความรู้สึกของชาวบ้านคือพวกเขาต้องเสีย "บาบอ" ที่พร่ำสอนกีตาบ (หนังสือเรียนเกี่ยวกับศาสนา) ให้กับเด็กๆ ในชุมชนไป จึงพร้อมใจกันไปร่วมพิธีฝังศพในช่วงสายวันเดียวกัน
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า คนร้ายมากัน 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ทุกคนสวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำ กางเกงลายพรางคล้ายของ อส. (อาสารักษาดินแดน) ทั้ง 4 คนเหมือนวางแผนกันมาแล้วเป็นอย่างดี เพราะมีพฤติการณ์แบ่งงานกันทำ สองคนแรกจอดรถรอคุมเชิงอยู่บริเวณปากทาง ไม่มีผ้าหรือหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า ขณะที่อีกสองคนสวมหมวกไอ้โม่ง ขี่รถจักรยานยนต์สีขาวมุกไปจอดที่หน้าบ้านของอิสมะแอ
จากนั้นหนึ่งในสองคนเดินลงจากรถ พร้อมส่งเสียงเรียกอิสมะแอว่า "เป๊าะจิ๊" เพียง 2 ครั้ง อิสมะแอก็ออกมาพร้อมภรรยา แล้วคนร้ายก็ใช้อาวุธปืนอาก้าที่เตรียมมายิงใส่ทำให้อิสมะแอเสียชีวิต ส่วนปาอีซะได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ออกไปแล้ว ชาวบ้านจึงช่วยกันพาส่งโรงพยาบาลปัตตานี
เสียงจากชาวบ้านในพื้นที่ไม่ปฏิเสธว่า อิสมะแอถูกมองจากเจ้าหน้าที่รัฐในแง่ไม่ดีนัก เพราะเขาเคยมีรางวัลนำจับสูงถึง 3 ล้านบาท ต้องหนีหายไปจากบ้านและปอเนาะปูลากาชิงนานหลายปี ก่อนจะหวนกลับคืนมาอีกครั้งเสมือนหนึ่งเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง
เมื่อปีที่แล้ว (2555) อิสมะแอถูกตำรวจ สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จับกุมในคดีครอบครองอาวุธสงครามและเครื่องกระสุนโดยมิชอบ เนื่องจากสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ของเขาไปตรงกับหลักฐานที่เก็บได้จากอาวุธปืนอาก้ากับเครื่องกระสุนที่ยึดได้จากขนำในสวนยางพารา ท้องที่หมู่ 4 ต.กอลำ อ.ยะรัง เมื่อปี 2552 อิสมะแอสู้คดีตามขั้นตอน กระทั่งสุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้อง
การกลับมาของเขาเที่ยวนี้ทำให้ปอเนาะที่ปิดร้างไปนานมีชีวิตชีวามากขึ้น มีเด็กๆ กว่า 40 คนมาเรียนกีตาบ แต่ต้องเรียนแบบไปกลับ เพราะไม่มีกระท่อม (ปอเนาะ) ให้อาศัย อิสมะแอจึงตัดสินใจปลูกสร้างปอเนาะเพื่อดูแลเด็กๆ จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับทุกวัน แต่ยังไม่ทันเสร็จเรียบร้อยก็มาเกิดเรื่องร้ายๆ
ชีวิตประจำวันของอิสมะแอกับครอบครัวดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีความขัดแย้งกับใคร กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ ต.กอลำ โดยมีเป้าหมายคือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองรายหนึ่งขณะเดินทางไปประชุมพร้อมกำลังคุ้มกัน แต่ระเบิดพลาดเป้า ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุมีการยิงปะทะกันระหว่างกองกำลังที่ทำหน้าที่คุ้มกันกับฝ่ายผู้ต้องสงสัยร่วมวางระเบิด แต่ไม่มีรายงานความสูญเสีย จากนั้นเรื่องราวก็ค่อยๆ เงียบหายไป กระทั่งอิสมะแอถูกคนร้ายบุกยิงเสียชีวิตคาบ้าน
ผู้คนนับร้อยที่มาร่วมงานศพพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการตายของอิสมะแอน่าจะเกี่ยวโยงกับเหตุรุนแรงบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่...
น.ส.ซูไฮละห์ ปาโอ๊ะมานิ๊ ลูกสาววัย 20 ปีของอิสมะแอ บอกว่า ช่วงที่เกิดเหตุเธอไม่ได้อยู่ที่บ้าน เพราะต้องไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนปอเนาะบลูกาสแลแม อ.มายอ จ.ปัตตานี ได้เจอหน้าพ่อครั้งสุดท้ายเมื่อวันจันทร์ที่ 24 มิ.ย. เพราะในหมู่บ้านมีงานแต่งงาน เธอจึงแวะกลับมาบ้าน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับพ่อมากนัก กระทั่งเช้าวันเกิดเหตุ น้าโทรศัพท์ไปบอกว่าพ่อถูกยิงเสียชีวิตแล้ว และแม่ก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ
"ตอนที่รู้ข่าวรู้สึกชาไปทั้งตัว ทำอะไรไม่ถูก ยังดีที่หลังจากนั้นทราบว่าแม่พ้นขีดอันตรายแล้ว"
ซูไฮละห์ เล่าว่า ครอบครัวของเธอนอกจากพ่อกับแม่แล้วก็มีกันสามพี่น้อง พี่ชายชื่อ ซุลกีฟลี ปาโอ๊ะมานิ๊ อายุ 25 ปี เรียนอยู่ที่ปอเนาะแบปาแซ ใน อ.ยะรัง คนที่สองคือตัวเธอเอง และน้องคนเล็กคือ ฮูไซฟะ ปาโอ๊ะมานิ๊ อายุ 4 ขวบ เรียนอยู่ที่โรงเรียนสายชล ใน ต.กอลำ
"การเสียพ่อไปเท่ากับเสียเสาหลักของครอบครัว เพราะนอกจากพ่อจะเป็นบาบอสอนกีตาบให้กับเด็กๆ ในพื้นที่แล้ว ตอนเช้า 7 โมงของทุกวันพ่อยังต้องออกไปกรีดยาง 8 โมงกลับมาสร้างโรงเรียนปอเนาะ ทำทั้งวันกระทั่ง 1 ทุ่มจึงเริ่มสอนกีตาบจนถึงดึกดื่น ที่ผ่านมาพ่อทำงานคนเดียว ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน ไม่มีรายได้อะไร"
ซูไฮละห์ บอกว่า สิ่งที่พ่อพร่ำบอกก่อนจากไปก็คือ อย่าล้มเลิกปอเนาะปูลากาชิง ขอให้ใครสักคนหนึ่งในพี่น้องช่วยกันสานต่อ
"นี่คือสิ่งที่ฉันเป็นห่วง เพราะตอนนี้ยังไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่คิดเลยว่าพ่อจะจากพวกเราไปเร็วขนาดนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเราต้องทำก็คือเรียนหนังสือต่อ สำหรับตัวฉันยังดีที่ได้เป็นครูสอนโรงเรียนตาดีกาในพื้นที่ อ.มายอ ทำให้พอมีรายได้บ้าง และน่าจะเพียงพอสำหรับเรียนหนังสือต่อไปได้ แต่พี่ชายกับน้องสาว พวกเขาไม่มีรายได้อื่นนอกจากเงินที่พ่อส่งให้"
ซูไฮละห์ เผยความในใจด้วยว่า กลัวมาตลอดว่าสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่อาจมาเกิดกับครอบครัวของเธอเข้าสักวัน แต่ก็ไม่คิดว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้
"ฉันก็เคยคิดกลัวอยู่บ้าง เพราะพ่อถูกเขากล่าวหาว่าครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งที่พ่อไม่มีปืน แม้พ่อไม่ได้ทำ แต่ก็ต้องอยู่อย่างระวัง ตัว จนกระทั่งเคยทิ้งปอเนาะไปแล้วครั้งหนึ่งเพราะไม่สามารถอยู่บ้านได้ ครั้งนี้ถือว่าเป็นรอบที่ 2 ที่ปอเนาะต้องหยุดชะงักไป แต่เชื่อว่าพี่และตัวฉันเองจะประคองปอเนาะให้อยู่ต่อไปได้ตามความต้องการของพ่อ"
ซูไฮละห์ บอกด้วยว่า ตอนนี้ไม่ต้องการอะไรนอกจากความเป็นธรรม เพราะพ่อไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมถึงต้องมายิงพ่อด้วย
"ความเป็นธรรม" ดูจะเป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนเรียกหา โดยเฉพาะจากคนที่รู้จักและนับถืออิสมะแอ...
สากีนะ ปูแทน หลานสาวของอิสมะแอ เอ่ยเพียงสั้นๆ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนรู้ดีว่าเกิดจากอะไร ถ้ารัฐต้องการแก้ปัญหาจริงจังก็ต้องหาความเป็นธรรมมาให้ ไม่ใช่รู้ว่าใครทำแล้วเงียบ ที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์แล้วที่เกิดกับชาวบ้านแบบนี้
เสียงจากคนที่ไปร่วมพิธีฝังศพอิสมะแอชี้ปัญหาว่า หลายพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความขัดแย้งระหว่างผู้นำท้องถิ่นกับชาวบ้าน และทำให้เกิดความรุนแรงตามมา จึงอยากให้เจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบทำคดีอย่างตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
"เรื่องแบบนี้ละเอียดอ่อนมาก ถ้ารัฐทำพลาดก็เท่ากับว่ายิ่งสร้างเงื่อนไขให้กับชาวบ้านมากขึ้น ถ้าทำถูกก็ถือว่าเสมอตัว ตอนนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่พอใจการทำงานของรัฐมากขึ้น แต่ยังมีกลุ่มผู้นำบางกลุ่มที่สร้างปัญหาและรังแกชาวบ้านอยู่ ฉะนั้นรัฐซึ่งเป็นคนกลางต้องซื่อตรงและจริงใจ หาความเป็นธรรมให้ชาวบ้านให้ได้ ความสงบสุขจึงจะเกิด"
เกือบครบทศวรรษของความรุนแรง แต่เสียงเพรียกหาความเป็นธรรมยังคงดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ณ ดินแดนสุดปลายขวาน...
----------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 บ้านของบาบออิสมะแอ
2 ผู้คนจำนวนมากไปร่วมพิธีเคลื่อนศพและฝังศพ
3 ซุไฮละห์ กับน้องสาว
4 กระท่อม (ปอเนาะ) ที่อิสมะแอกำลังสร้างเพื่อให้เด็กนักเรียนได้อยู่แบบกินนอน ไม่ต้องไปกลับ