เปิดตัว “พลเอก” เจ้าหนี้ รถเบนซ์ “รมต.ปริศนา” ทวงข้ามทศวรรษ ไม่ยอมจ่าย
“..ครั้งหนึ่งผมเคยให้นายทหารรุ่นพี่ ช่วยติดตามเรื่องนี้ โดยฝากผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ไปเรียนให้ท่านอดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ รับทราบ ซึ่งตอนนั้นรัฐมนตรีรายนี้ ยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรี คอยทำงานใกล้ชิดท่านอยู่ แต่ก็ไม่เกิดผลอะไร..”
กรณีปรากฏข้อมูลว่า มีรัฐมนตรีรายหนึ่งในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สมัยที่ยังทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์ เมื่อประมาณ 14 ปีก่อน ได้ขายรถเบนซ์ รุ่น C200 Cl สี 246 เลขเครื่อง 111941-22-029504 เลขตัวถัง 202020-2F-283954 ให้กับอดีตนายทหารระดับสูงรายหนึ่ง แต่รถเบนซ์คันดังกล่าว ติดปัญหาจำนอง ทำให้อดีตนายทหารรายนี้ ไม่ได้รับโอนรถเบนซ์คันดังกล่าวมาเป็นกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ทั้งที่ จ่ายเงินค่ารถไปแล้วจำนวน 1,450,000 บาท และมีการติดตามท้วงหนี้คืนจากรัฐมนตรีรายนี้มาตลอด แต่ก็ไม่ได้รับชำระคืนแต่อย่างใด
(อ่านประกอบ: รมต.คนไหนเอ่ย? ติดเงินค่าขายรถเบนซ์ อดีตเสธฯ ทหาร ตามทวง “หนี้” ข้ามทศวรรษ ไม่ยอมจ่าย!)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า อดีตนายทหารระดับสูง ที่ซื้อรถเบนซ์คันดังกล่าว จากรัฐมนตรีรายหนึ่ง ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สมัยที่ยังทำธุรกิจขายรถยนต์ เมื่อ 14 ปีก่อน
คือ พลเอก สืบพงศ์ เปาวรัตน์ อดีตนายทหารระดับสูงสังกัด สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม(สป.) ปัจจุบันเป็นข้าราชการบำนาญ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2556 ได้ติดต่อไปยัง พลเอก สืบพงศ์ เปาวรัตน์ เพื่อขอสัมภาษณ์ข้อเท็จจริงเรื่องรถเบนซ์ดังกล่าว ได้รับการยืนยันว่า มีปัญหาเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง
“เมื่อประมาณ 14 ปีก่อน ผมได้ไปติดต่อขอซื้อรถเบนซ์ จากดีลเลอร์รถยนต์ ของบริษัทโชว์รูมแห่งหนึ่ง หลังจากจ่ายเงินค่ารถไปแล้ว จำนวน 1,450,000 บาท หักค่าใช้จ่ายส่วนอื่นไปสองแสน เหลือเงิน 1,250,000 บาท ปรากฏว่าไม่ได้รับการโอนรถเบนซ์ดังกล่าวมาเป็นของตนเอง เนื่องจากรถคันนี้ถูกการจำนองสถาบันการเงินแห่งหนึ่งอยู่ เนื่องจากดีเลอร์รถยนต์รายนี้ มักจะเอารถไปเข้าจำนอง เพื่อนำเงินมาใช้หมุนเวียนของบริษัทก่อน เมื่อมีผู้มาติดต่อขอซื้อถึงค่อยเอาเงินไปจ่ายเพื่อนำรถออกจาก ไฟแนนซ์ มาให้ลูกค้าอีกครั้ง แต่สำหรับรถเบนซ์ที่ผมซื้อมา ไม่ทราบว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น ถึงไม่สามารถเอารถออกมาได้”
พลเอก สืบพงศ์ เล่าให้ฟังต่อว่า หลังเกิดปัญหาขึ้นได้พยายามติดตามเงินค่ารถคืนจากรัฐมนตรีรายหนึ่ง ในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัทมาตลอด แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด ไม่ยอมที่จะคืนเงินให้ มีการนำเช็คมาวางค้ำประกันไว้ เช็คก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้
“นอกเหนือจากการขึ้นไปติดตามเรื่องที่ภาคเหนือ ร่วมถึงยื่นหนังสือเป็นทางการให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ตรวจสอบแล้ว ครั้งหนึ่งผมเคยให้นายทหารรุ่นพี่ ช่วยติดตามเรื่องนี้ โดยฝากผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ไปเรียนให้ท่านอดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ รับทราบ ซึ่งตอนนั้นรัฐมนตรีรายนี้ ยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรี คอยทำงานใกล้ชิดท่านอยู่ แต่ก็ไม่เกิดผลอะไร นายทหารรุ่นพี่มาพูดให้ฟังว่า หลังจากที่ทราบเรื่องนายกฯ สมชาย ได้เรียกตัวรัฐมนตรีรายนี้มาพูดคุย ได้รับคำตอบจากรัฐมนตรีรายนี้ว่า “เข้าใจว่าคืนเงินไปให้แล้ว ยังไงๆ จะขอกลับไปตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง” จากนั้นเรื่องก็เงียบหายไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น”
พลเอก สืบพงศ์ ยังเล่าให้ฟังด้วยว่า หลังจากรู้ว่ารถเบนซ์คันดังกล่าว ติดปัญหาเรื่องการโอน รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก พยายามติดตามท้วงเงินคืนกลับมาหลายครั้งก็ไม่ได้ ในช่วง 4-5 ปีแรก ก็ไม่กล้าที่จะขับไปไหน เพราะหวังว่าเมื่อรัฐมนตรีนำเงินมาคืนให้ และรับรถคืนไปจะได้ไม่มีปัญหา แต่ผ่านไปหลายปีก็ยังไม่ได้รับคืนไป สภาพรถเริ่มเก่าลง เพราะอายุจริงๆ ของมันประมาณ 16 ปีแล้ว ตอนนี้มีเพียงแค่ป้ายทะเบียนสีแดง ที่บอกว่ามันเป็นรถใหม่ จะเอาไปทำอะไรต่อก็ไม่ได้
“ผ่านไปหลายปี หลังจากไม่ได้รับความชัดเจนว่า จะได้รับเงินคืนหรือไม่ ผมก็เริ่มนำรถออกมาขับใช้งาน แต่ก็เกิดปัญหาขึ้น มีคนไปร้องเรียนกับกรมการขนส่งทางบก ให้เข้ามาตรวจสอบว่า ทำไมผมใช้รถเก่า แต่ยังใช้ป้ายแดงอยู่ ผมต้องหอบเอาหลักฐานไปชี้แจงอยู่นาน กว่าจะเข้าใจกัน บางครั้งขับรถออกไปนอกบ้านก็ยังต้องเสียค่าปรับ 1,000 บาท ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ข้อหาที่ว่ารถไม่มีทะเบียนที่ถูกต้อง”
พลเอก สืบพงศ์ ยังระบุด้วยว่า “การครอบครองรถ ที่ไม่มีทะเบียนของผมทุกวันนี้ อาจจะผิดกฎหมาย แต่ถ้าเป็นเรื่องศีลธรรม ผมยืนยันว่าตัวเองไม่ผิด เพราะจ่ายเงินค่ารถครบทุกบาททุกสตางค์”
อดีตนายทหารระดับสูงรายนี้ กล่าวยอมรับว่า ทุกวันนี้ยังหวังลึกๆ ว่าจะได้รับเงินคืน เพราะคิดว่าเงินจำนวนนี้วงเงินมันน้อย เทียบไม่ได้กับตำแหน่งรัฐมนตรีอันสูงส่งที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบันเลย
“แต่มานั่งคิดดูแล้ว ผมว่าเขาไม่มีทางคืนเงินให้แน่ เพราะถ้าเขาตั้งใจจะคืนจริงๆ เขาคงนำมาคืนนานแล้ว ไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานแบบนี้หรอก และเท่าที่ทราบไม่ใช่ผมคนเดียวที่โดน มีรถอีกหลายคัน ที่โดนแบบเดียวกันด้วย”อดีตนายทหารระดับสูงระบุ