เบื้องหลัง “อภินิหาร” อาจารย์นิติฯ ทำไม ยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย ที่ ม.บูรพา?
เปิดเบื้องหลัง “อภินิหาร” อาจารย์นิติฯ ม.บูรพา ยื่นฟ้องผู้บริหารยกคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ กระทำผิดอาญา ใส่ร้าย ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ต้นเหตุ ไม่มีใครกล้าแหยม ปมปลอมแปลงเอกสารลายมือชื่อ ลูกศิษย์ ดูงาน “ลม” –ศาลอาญาชลบุรี นัดไต่สวนครั้งแรก 17 มิ.ย. 56 นี้

เชื่อว่าหลายคนที่ติดตามข่าว ปัญหาการทุจริตเบิกจ่ายเงินงบประมาณโครงการศึกษาดูงานด้านกฎหมายนอกสถานที่ ของคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ทำการเกาะติดและเจาะลึกข้อมูลมานำเสนออย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
คงจะมีความรู้สึกสงสัยเกิดขึ้นในใจ ว่า อาจารย์นิติฯ กลุ่มหนึ่ง ที่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่อง ทำไมถึงยังสามารถเดินเข้าออก มหาวิทยาลัย ทำงานตามปกติได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (ทำไมถึงไม่พยายามชี้แจงทำความเข้าใจข้อมูลเรื่องนี้กับสังคม)
ทั้งนี้ ที่ปรากฏหลักฐานสำคัญ ยืนยันความไม่ชอบมาพากลหลายประการ อาทิ การปลอมแปลงลายมือ นิสิต ในเอกสารแสดงรายชื่อผู้เข้าร่วมงาน , การปลอมแปลงเอกสารร่วมถึงลายมือชื่อ ผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานที่ถูกระบุว่า มีการทำเรื่องขอเข้าไปดูงาน เช่น สำนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ , วิทยาลัยการยุติธรรมทางปกครอง ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลปกครอง
นอกจากนี้ ยังมีการปลอมแปลง ใบเสร็จรับเงินค่าจ้างรถรับส่ง รวมถึงใบเสร็จ เงินค่าอาหารว่าง จากร้านเบเกอรี่ ที่ไม่มีตัวตนด้วย
ล่าสุด ทั้งที่อยู่ระหว่างถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง "อาจารย์นิติฯ" ที่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องยังได้รับอนุมัติงบประมาณจากทางมหาวิทยาลัย วงเงิน 80,000 บาท เพื่อเดินทางไปศึกษาดูงานด้านกฎหมาย ณ กรุงปารีส ประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส เป็นระยะเวลา 6 วัน ด้วย
ว่ากันว่า นอกเหนือปัจจัยเรื่องเส้นสาย อันดี กับผู้มีอำนาจทั้งในมหาวิทยาลัย และภายนอกในแวดวงกฎหมายแล้ว
อาจารย์นิติฯ ยังมีสถานะเป็น "โจทก์" ยื่นฟ้อง ผู้บริหารระดับสูงของคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา อีกด้วย และเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้บริหารคณะฯ หลายคน ไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในวันที่ 17 มิถุนายน 2556 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดชลบุรี จะนัดไต่สวนมูลฟ้องคดี อาจารย์ประจำภาควิชานิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้บริหารคณะรัฐศาสตร์ฯ ทั้งคณะ จำนวน 7 คน ในฐานะจำเลย ประกอบไปด้วยคณบดี รองคณบดี 5 ราย และหัวหน้าภาควิชานิติศาสตร์
โดยเนื้อหาคำฟ้องส่วนหนึ่ง ระบุว่า จำเลยทั้ง 7 คน ได้บังอาจกระทำผิดกฎหมายอาญาต่างกรรมต่างวาระ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์
ทั้งจากกรณีที่จำเลยทั้งหมด ยกเว้นคณบดีได้ร่วมกันขึ้นไปห้องบรรยายรายวิชากฎหมายการเงินการคลังขึ้นสูง ที่โจทก์เป็นอาจารย์ผู้สอนรายวิชาดังกล่าว โดยปราศจากเหตุอันควรจะอ้างได้ตามกฎหมายและความชอบธรรม และยังแสดงข้อความต่อนิสิตในรายวิชา โดยวาจา ด้วยวิธีผลัดกันพูดประกอบการแสดงเอกสารต่างๆฝ่ายเดียวทำให้ตนได้รับความเสื่อมเสีย
พร้อมทั้งแสดงเจตนา ว่าต้องการจะเปลี่ยนตัวบุคคลในการบริหารหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิตที่ตนทำหน้าที่เป็นประธานหลักสูตร มาตั้งแต่เปิดการเรียนการสอนเมื่อปี 2553
ขณะที่ขั้นตอนการแต่งตั้งและดำเนินการตามกระบวนการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเรื่องที่เกี่ยวกับตน ก็เป็นการดำเนินการที่มิชอบโดยกฎหมาย
แหล่งข่าวระดับสูงในคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า การฟ้องร้องคดีความดังกล่าว ต่อผู้บริหารคณะฯ ของอาจารย์นิติฯ รายนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากที่โครงการศึกษาดูงานด้านกฎหมาย ที่จังหวัดเชียงใหม่ ปรากฏข้อมูลความไม่ชอบมาพากลจำนวนมาก
โดยในช่วงแรกผู้บริหารคณะฯ กลุ่มหนึ่ง มีแสดงความพยายามอย่างเต็มที่ ในการเสาะแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อนำไปมอบให้กับมหาวิทยาลัย
“แต่หลังจากถูกฟ้องเป็นคดีความ โดยอาจารย์นิติฯ ให้เหตุผลว่า ถูกกลั่นแกล้งจากผู้บริหาร เป็นเรื่องการเมืองภายในองค์กร เพื่อหวังผลในตำแหน่งของตนเอง และศาลก็รับฟ้อง จำให้ผู้บริหารคณะฯ เริ่มที่จะไม่กล้าทำอะไร เพราะมีความกังวลเรื่องคดีความ ที่อาจจะกระทบต่อชื่อเสียงการรับราชการ นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัย บางคน ก็ดูเหมือนจะอยู่ข้างอาจารย์นิติฯ จึงทำให้ไม่ใครกล้าที่จะยุ่งเกี่ยวหรือทำอะไรอาจารย์นิติฯ คนนี้ได้”
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการติดต่อจากบุคคลลึกลับ แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับกรณี ข่าวอาจารย์นิติฯ มูลบูรพา ระบุว่า ในวันที่ 17 มิถุนายน 2556 นี้ ศาลอาญา จ.ชลบุรี เรียกสอบรองคณบดี คณะรัฐศาสตร์ ม.บูรพา และต้องการที่จะให้สำนักข่าวฯ ตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้ มานำเสนอ เพื่อให้การทำงานข่าวเรื่องนี้ ครบถ้วนรอบด้าน หลายๆ มุม เพื่อความโปร่งใส
บุคคลลึกลับรายนี้ ยังระบุด้วยว่า กรณี อาจารย์คณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ม.บูรพา ไม่ค่อยมาทำงานตามเวลาราชการ เช่น มาเฉพาะชั่วโมงที่สอน ตามระเบียบราชการแล้ว เข้างาน 8.30 - 16.30 น. หรือ ภายใน 1 เดือน บางคน เซ็นชื่อมาทำงานแค่ 1 ครั้ง เอาเวลางานราชการไปรับงานพิเศษอย่างอื่น
มองว่าเป็นการทุจริตเรื่องการศึกษา อาจเป็นความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ เช่น ตามระเบียบแล้ว การมาสอนนิสิต นักศึกษา ป.โท จะได้เงินชั่วโมงละ 2,000 บาท ป.เอกจะได้ชั่วโมงละ 2,500 บาท 1 วัน สอน 6 ชั่วโมง ตีเป็นเงิน 12,000 บาท ขึ้นไป และการรับเงินตรงนี้ ไม่มีการเสียภาษี (ตรงนี้ต้องตรวจสอบ)
“เรื่องตรงนี้ ถ้าตรวจสอบได้ก็คงดี หรือให้ DSI เป็นคนตรวจสอบก็ได้”
ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ไป บุคคลลึกลับท่านนี้ แจ้งว่า เป็นคอลัมนิสต์ของนสพ. 1 ฉบับ แต่ไม่ได้แจ้งว่าเป็นใคร มาจากไหน พร้อมระบุว่า “เขาอยากเห็นข่าวนี้หลายๆด้าน ในวันจันทร์นี้ การเป็นสื่อต้องนำเสนอข่าวให้ครบทุกรอบด้าน มองว่าข่าวนี้ยังนำเสนออยู่เพียงด้านเดียว หากไม่เช่นนั้น เขาอาจจะเขียนถึงสำนักข่าวอิศราในคอลัมน์ของเขา”
นี่คือ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นล่าสุด กับ ปัญหาการทุจริตปลอมแปลงเอกสารเบิกเงิน งบประมาณโครงการศึกษาดูงาน ของคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา และเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นความตกต่ำของระบบการศึกษาไทย ยุคพ.ศ.นี้ ได้่ชัดเจนที่สุด
