ชื่อนั้นสำคัญไฉน เพราะอะไร ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’ ถึงดัง
ร่วมรำลึก 21 ปีการจากไปของราชินีลูกทุ่ง ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’ เจ้าของรางวัลปริยศิลปิน ยังคงส่องแสงเจิดจ้าในใจแฟนเพลงไม่เสื่อมคลาย
ปี 2535 ไทยประสบภาวะวุ่นวายทางการเมืองจนนำมาสู่เหตุการณ์นองเลือด ‘พฤษภาทมิฬ’ หากแต่เวลาผ่านไปไม่นาน คนไทยกลับต้องสูญเสียนักร้องลูกทุ่งหญิงมากความสามารถ ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’เจ้าของฉายาราชินีลูกทุ่งไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง (เอสแอลอี) ในวันที่ 13 มิถุนายน ปีเดียวกัน เรียกว่าช่วงเวลานั้นทุกหน้าหนังสือพิมพ์เต็มไปด้วยข่าวการจากไปของเธอ อีกทั้งคลื่นวิทยุทุกคลื่นต่างเปิดเพลงของเธอไว้อาลัยทั้งประเทศ จนลืมไปว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมานั้นไทยเคยเกิดเหตุการณ์เลวร้ายทางการเมือง
ด้วยเพราะ ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’ เป็นขวัญใจให้กับคนมีฝันที่อยากจะเป็นนักร้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิต ประกอบกับอุปนิสัยตลก ร่าเริง และเสียงร้องที่ไพเราะ สามารถถ่ายทอดอารมณ์เพลงได้ถึงแก่นแท้ แม้จะอ่านหนังสือไม่ออกก็ตาม จนกลายเป็นที่จดจำในใจแฟนเพลงทั้งไทยและต่างชาติ
แต่กว่าจะเป็นราชินีลูกทุ่งทุกวันนี้ หลายคนยังไม่รู้ว่าชื่อนักร้องก็มีส่วนสำคัญให้แฟนเพลงจดจำ เพราะนักร้องชื่อดังในปัจจุบันกว่า อาทิ ยุ้ย ญาติเยอะ, กาญจนา มาศิริ, สุนารี ราชสีมา หรือยอดรัก สลักใจ ล้วนมาผ่านการเปลี่ยนชื่อมาแล้วทั้งสิ้น เพื่อให้โดนใจ จี้จุดต่อมเสน่หา แล้ว ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’ มีที่มาอย่างไร ย้อนกลับไปภายหลังเธอและธีระพล (สามีคนแรก) ออกจากวงไวพจน์ เพชรสุพรรณ ได้มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ครูมนต์ เมืองเหนือ หรือที่รู้จักกันในนามครูมนต์ จอมกะล่อน
แต่ครูมนต์ไม่รับเธอเป็นลูกศิษย์ เพราะเธอไม่ยอมเปลี่ยนชื่อใหม่ตามความประสงค์ ทั้งที่เห็นว่าหากใช้ชื่อเดิมกลัวจะเข็นไม่ขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเธอใช้ชื่อในวงการเพลงมาแล้วมากมาย ทั้ง น้ำผึ้ง ณ ไร่อ้อย, น้ำผึ้ง สกุณี และน้ำผึ้งเมืองสุพรรณ
กระทั่งธีระพลเกลี้ยกล่อมให้เธอยอมเปลี่ยนชื่อ และพามาพบครูมนต์อีกครั้ง โดยคราวนี้ยกพานธูปเทียนมาขอคารวะตัวเป็นลูกศิษย์ด้วย เมื่อครูเพลงก้มลงหยิบพานขึ้นมาวางบนที่สูงได้เดินออกไปนอกบ้าน แหงนหน้ามองฟ้าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนม้ายาว
“อาทิตย์ที่แล้ว ข้าขึ้นเหนือมา ไล่แจกแผ่นมันไปทั่วกระทั่งถึงสระบุรี ข้าแวะไหว้พระที่วัดริมแม่น้ำป่าสักชื่อวัดทองพุ่มพวง รู้ไหมทันทีที่เห็นชื่อวัดข้าคิดถึงเอ็งมาก แล้ววันนี้เอ็งก็นำพานพุ่มมากราบข้า งั้นเอ็งชื่อ ‘พุ่มพวง’ ดีไหม”
ส่วนนามสกุล “โน่นเอ็งดูบนฟ้าสิ คืนนี้เพ็ญ 15 ค่ำ ดวงจันทร์ทรงกลดสวย แต่ไม่สว่าง เอ็งรู้ไหมทำไมมันถึงไม่สว่าง เพราะมันอยู่ในเมือง มันมีแสงอื่นมาแข่งประชันด้วย แต่ถ้าไปอยู่บ้านนอกเอ็งเอ๋ยพระจันทร์ดวงนี้แหละจะสว่างไสว เหมือนกับนักร้องลูกทุ่งนั่นแหละมันต้องอยู่บ้านนอก”
แต่สุดท้าย ครูมนต์กลับตั้งชื่อให้เธอใหม่ว่า ‘พุ่มพวงเพชร เพชรอิสาน’ แต่ด้วยเธอเป็นคนสุพรรณ และไม่เหมาะกับการเป็นนักร้องอิสานที่ดังอยู่เฉพาะในพื้นที่ ครูเพลงผู้นี้จึงต้องการปลุกปั้นเธอให้เป็นนักร้องลูกทุ่งที่โด่งดัง หวังจะให้ฝั่งอเมริการู้จัก
และค่ำคืนนั้น ครูมนต์ก็พูดออกมาสั้น ๆ ว่า “พุ่มพวงกับดวงจันทร์ ผสานกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว”
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 21 ปีของการจากไป ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’ ไม่เคยห่างหายไปจากดวงใจคนไทยทั้งชาติ เด็กรุ่นใหม่ยังคงนำเพลงอมตะของเธอมาขับร้องแข่งขันประชันเสียง สมแล้วกับตำแหน่งราชินีลูกทุ่ง
หากแต่น่าภูมิใจยิ่งขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมายังได้ครองรางวัลปริยศิลปิน (ศิลปินอันเป็นที่รักของประชาชน) เพื่อตอกย้ำว่านักร้องลูกทุ่งผู้นี้ยิ่งใหญ่จนยากที่จะจางหายไปจากใจคนไทยจริง ๆ .
@@@ (เรียบเรียงจากหนังสือดวงจันทร์ที่จากไป โดย บินหลา สันกาลาคีรี)