คุณแม่ ‘เอมเมอรัล’ ตีแสกหน้า ‘เวิร์คพ้อยท์’ ยันลูกผิดปกติ-โดนทีมงานล็อบบี้ปิดปาก
คุณแม่ ‘เอมเมอรัล’ ตีแสกหน้า ‘เวิร์คพ้อยท์’ ยันลูกชายผิดปกติ โดนทีมงานล็อบบี้ปิดปากถึงบ้าน เผยกรรมการหยามศักดิ์ศรีจนรับไม่ได้
ภายหลังกระแสสังคมเรียกร้องให้บริษัท เวิร์คพ้อยท์ เอนเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) แสดงความรับผิดชอบต่อกรณีคณะกรรมการแสดงท่าทีเหยียดหยามศักดิ์ศรีผู้เข้าแข่งขัน ‘สิทธัตถะ เอมเมอรัล’ ในรายการไทยแลนด์ก๊อตทาเลนท์ ซีซั่น 3 ที่ออกอากาศเทปแรกเมื่อ 2 มิ.ย. 56 ที่ผ่านมา จนเกิดเป็นกระแสต่อต้านทางสังคมนั้น
ล่าสุด เวิร์คพ้อยท์ ได้ออกแถลงการณ์ความยาว 2 หน้ากระดาษ ใจความตอนหนึ่งว่า นายสิทธัตถะ เอมเมอรัล อายุ 24 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้มาสมัครเพื่อแสดงความสามารถทางด้านการร้องเพลงรอบคัดเลือกระดับภูมิภาคที่กรุงเทพฯ โดยเดินทางมาสมัครพร้อมคุณแม่ ผ่านขั้นตอนการสมัครและคัดเลือกเหมือนผู้สมัครท่านอื่น ๆ ซึ่งทางรายการได้สัมภาษณ์คุณแม่ก่อนเข้าแข่งขันถึงบุคลิกและนิสัยของนายเอมเมอรัล คุณแม่ได้ยืนยันว่านายเอมเมอรัลเป็นคนปกติทั่วไป เพียงแต่เป็นคนพูดน้อย
หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การแสดงความสามารถของนายเอมเมอรัลตามที่เป็นข่าว คุณพ่อและคุณแม่ยังคงยืนยันกับทีมงานว่า นายเอมเมอรัลเป็นคนปกติ มิได้ป่วยเป็นโรคประจำตัวใด ๆ เพียงแต่เป็นคนที่มีบุคลิกตรงไปตรงมา พูดน้อย แต่ในวันนั้นกิริยาอาการที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะความตื่นเต้น เนื่องจากไม่เคยขึ้นร้องเพลงบนเวทีไหนมาก่อน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์คุณแม่ของ ‘สิทธัตถะ เอมเมอรัล’ ผู้เข้าแข่งขันรายการไทยแลนด์ก๊อตทาเลนท์ ซีซั่น 3 เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยระบุค้านกับแถลงการณ์ของเวิร์คพ้อยท์ว่า น้องเอมเมอรัลมีชื่อจริงว่า พงศกร (สงวนนามสกุล) เป็นคนกรุงเทพฯ แต่กำเนิด และศึกษาที่ร.ร.วัดสุทธิวรารามจริงตามที่ปรากฎในข่าว โดยเพิ่งมารู้ว่าน้องใช้ชื่อเอมเมอรัลเข้าแข่งขันเมื่อขึ้นประกวดแล้ว
ส่วนน้องมีความผิดปกติทางจิตหรือไม่นั้น ญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ มักจะบอกว่าน้องเป็นคนชอบอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใคร ซึ่งคุณแม่ก็รู้ว่าน้องไม่ปกติจริง แต่ยังไม่เคยพาไปพบจิตแพทย์ เพราะน้องบ่ายเบี่ยงไม่ยอมไป แต่ยืนยันว่าน้องสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนคนปกติทั่วไป
เมื่อถามว่ามีการเตี๊ยมในรายการหรือไม่ คุณแม่ตอบว่า ไม่มี แต่เห็นว่าพฤติกรรมของคณะกรรมการทั้ง 3 คนไม่เหมาะสมจะเป็นผู้ตัดสิน เพราะเหยียดหยามศักดิ์ศรีลูกชายเกินไป ทั้งที่กรรมการต้องมีความอดทนมากกว่านี้ มิใช่ยังไม่ทันร้องเพลงก็กดเครื่องหมายไม่ให้ผ่านแล้ว ซึ่งแม่รู้สึกไม่พอใจแต่ไม่กล้าต่อว่า และเรียกร้องให้เปลี่ยนคณะกรรมการตัดสิน เพราะน้องไม่ได้มีเจตนาทำร้ายรายการเลย
“ปกติน้องจะเป็นคนชอบร้องเพลงอยู่แล้ว และเป็นคนขอร้องให้คุณแม่พาไปออดิชั่นในรายการนี้ คุณแม่ก็เลยทำตามที่ลูกร้องขอ โดยรอบแรกคุณแม่ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมน้องถึงผ่านเข้ารอบโชว์ความสามารถบนเวทีในโรงละครได้ แต่ก็ไม่ได้สอบถามทีมงาน กระทั่งเมื่อได้รับโทรศัพท์ให้น้องไปออดิชั่นในโรงละครอีกครั้ง”
ก่อนทิ้งท้ายว่า “เมื่อวานมีทีมงานผู้หญิง 3 คนจากเวิร์คพ้อยท์มาที่บ้าน ก่อนจะพูดในทำนองขอร้องว่าอย่าไปเอาเรื่องเขา เราเห็นว่าพูดจาดีก็เลยยกโทษให้ เขาให้แม่ยอมรับว่าลูกชายเป็นปกติ แม่ก็เลยเออออตามเขา เขาเลยลงข่าวว่าลูกชายเราปกติ” .