แกะเงื่อน คำให้การ เมียเลขาฯ รมว.พาณิชย์ ปม“โฟล์คสวาเก้น”จากบริษัทค้าข้าว?
แกะเงื่อนงำ คำให้การ เมียเลขาฯ รมว.พาณิชย์ หลังเปิดตัวให้สัมภาษณ์สื่อ กรณีเป็นเจ้าของ“โฟล์คสวาเก้น”ปริศนา! โอนจากบริษัทค้าข้าว ใช้คำพูด“ไม่รู้ ไม่ทราบ” ไร้ข้อมูลเอกสารรองรับ?
ในที่สุดสังคมไทยก็ได้รับรู้ความจริงอีกด้าน กรณีนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอ้างว่า บุคคลที่เป็นจอมบงการผู้อยู่เบื้องหลัง การระบายข้าวในสต็อกรัฐบาล คือ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
จากปากคำ ของ น.ส.ชุฏิมา วัชรพุกกะ (ชื่อเดิม นางชุฏิมา วัจนะพุกกะ) อดีตภรรยา พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขาฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หนึ่งในตัวละครสำคัญ ที่นายแพทย์วรงค์ กล่าวอ้างถึง ในลักษณะการเป็นตัวกลางเชื่อมโยงความสัมพันธ์ ระหว่าง พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ กับ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” ผู้ก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด
โดยมีหลักฐานสำคัญอยู่ที่ รถ VOLKSWAGEN สีดำหมายเลขทะเบียน ฮธ 20 ที่ปรากฏชื่อ “ชุฏิมา วัชระพุกกะ” เป็นเจ้าของ โดยได้รับโอนกรรมสิทธิ์ต่อมาจากบริษัท สยามอินดิก้า อีกครั้ง
เบื้องต้นมีการตรวจสอบพบข้อมูลว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ มีการหย่าร้างกับภรรยา ก่อนที่ภรรยา จะเปลี่ยนชื่อนามสกุลจาก “นางชุฏิมา วัจนะพุกกะ” เป็น “น.ส.ชุฏิมา วัชระพุกกะ” ซึ่งนายแพทย์วรงค์ ตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นการอำพรางให้เป็นว่าเป็นคนละคน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบในเรื่องนี้ ?
ล่าสุด น.ส.ชุฏิมา วัชรพุกกะ หรือ ชื่อเดิม นางชุฏิมา วัจนะพุกกะ อดีตภรรยา พ.ต.นพ.วีระวุฒิ กล่าวเปิดใจกับสื่อมติชน เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2556 กรณีถูกพาดพิงอยู่เบื้องหลังการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ในการอภิปรายงบประมาณปี 2557 ว่า ขอยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องและรับรู้อะไรตามที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ พาดพิง แต่ยอมรับว่าได้มีการหย่าร้างกับ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ แล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2555 หลังจากนั้นได้เปลี่ยนนามสกุลใหม่จาก “วัจนะพุกกะ” เป็น “วัชรพุกกะ” นามสกุลใหม่ใกล้เคียงกับนามสกุลเดิม เพราะไม่ต้องการให้ครอบครัวและบุตรสาวคนเดียวได้รับรู้ กลัวทำให้ลูกสาวและครอบครัวเสียใจ
สำหรับเหตุผลการหย่าร้างไม่ได้เกิดจากการทะเลาะกัน เพียงแต่ไม่อาจรับได้กับการเข้าทำงานทางการเมืองของอดีตสามี!!
น.ส.ชุฏิมา กล่าวยืนยันว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ เป็นคนดี แต่เพราะดิฉันได้ร้องขอมาตั้งแต่เริ่มใช้ชีวิตคู่มากว่า 15 ปี หลังจากคบกันมา 10 ปีตั้งแต่ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ เป็นนักศึกษาแพทย์ รพ.พระมงกุฎฯว่าไม่อยากให้ทำการเมือง เนื่องจากเห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องสกปรกและครอบครัวอาจถูกทำลายได้ อย่างที่กำลังเจอขณะนี้
ทั้งนี้การให้สัมภาษณ์ ดังกล่าว น.ส.ชุฏิมากล่าวชี้แจงถึงประเด็นการเกี่ยวข้องกับรถตู้โฟล์กสวาเกน ทะเบียน ฮธ 20 ที่ถูกกล่าวหาบริษัทค้าข้าวซื้อให้เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์นั้น ว่า เป็นรถยนต์ที่ตน และพ.ต.นพ.วีระวุฒิเคยใช้เมื่อครั้งยังไม่ได้หย่ากัน โดยเอารถตู้โฟล์กสวาเกนคันเดิมที่เครื่องเป็นดีเซล แลกกับรถตู้โฟล์กสวาเกนของคนที่เพื่อนแนะนำมา ซึ่งเป็นเครื่องเบนซินที่อยากได้อยู่แล้ว โดยไม่ได้ดูว่าเป็นการรับโอนจากบริษัทหรือตัวบุคคล เพราะเห็นว่าเพื่อนแนะนำ ต่อมาเมื่อมีการหย่าจึงได้ขายรถคันให้กับเต็นท์ย่านบางบัวทอง และไม่ทราบว่ารถคันดังกล่าวไปอยู่ที่ใครแล้ว
น.ส.ชุฏิมากล่าวว่า การลงข่าวว่าบ้านที่พักอาศัยเป็นคฤหาสน์นั้น เป็นข้อมูลผิด เป็นเพียงบ้านจัดสรรพื้นที่ 70 ตารางวา ไม่ได้ใหญ่โต และยังมีภาระผ่อนชำระค่าบ้านมาตลอด
“ดิฉันยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปข้องเกี่ยวกับการทำงานทางการเมืองของคุณหมอ (วีระวุฒิ) ไม่เคยเข้ากระทรวงพาณิชย์ หรือ รู้จักกับบริษัทหรือคนที่เป็นข่าว ทั้งเสี่ยเปี๊ยก หรือเสี่ยเปี๋ยง โรงสีหรือบริษัทค้าข้าวใดๆ ดิฉันเห็นว่าเป็นการพยายามเชื่อมโยงมาถึงดิฉัน หรือดึงไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง ดิฉันไม่เคยทำงานเกี่ยวข้องกับบริษัทด้านเกษตร เคยทำงานหลังจากจบมาเพียงปีเศษ เป็นเออีในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง หลังแต่งงานได้ลาออกมาเป็นแม่บ้าน เลี้ยงลูก ปัจจุบันยังเป็นแม่บ้านแต่มีลงทุนกับเพื่อนเปิดร้านเล็กๆ ขายสินค้าเกาหลีในห้างแห่งหนึ่ง”น.ส.ชุฏิมากล่าว
น.ส.ชุฏิมา กล่าวย้ำ ว่า ที่ต้องออกมาให้สัมภาษณ์สื่อครั้งนี้ เพื่อต้องการชี้แจงข้อเท็จจริง เพราะการอภิปรายโดยมีการกล่าวหาได้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะความรู้สึกของลูกสาวที่ต้องรับรู้เรื่องการหย่าของพ่อแม่ เรื่องกล่าวหาเรื่องทุจริต การถูกมองและตอบคำถามกับเพื่อนหรือคนในโรงเรียน เจออะไรอีกมากมาย
“ที่แย่กว่านั้นคือการถูกบุกรุกถึงที่บ้าน จนไม่มีความเป็นส่วนตัวและสร้างความหวาดกลัวของดิฉัน ลูกสาว และคนในบ้าน เป็นเรื่องที่อยากขอความเป็นธรรมต่อสังคม ที่ตอนนี้ใครก็มองดิฉันในแง่เสียหาย มีการแชร์ผ่านเฟซบุ๊กด่า จนใช้ชีวิตปกติไม่ได้แล้ว อยากออกมาปกป้องลูกไม่อยากให้ใครเข้ามาวุ่นวายในชีวิตประจำวัน เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเมือง หรือกับคุณหมอ” น.ส.ชุฏิมากล่าว
น.ส.ชุฏิมากล่าวด้วยว่า อยากชี้แจงเพื่อให้สังคมได้รับรู้ เรื่องการเมืองไม่ขอข้องเกี่ยว อีกอย่างไม่รู้ว่าจะตอบโต้ นพ.วรงค์อย่างไรด้วย เพราะไม่รู้มาก่อนว่า นพ.วรงค์เป็นใคร แต่ได้สร้างความวุ่นวายด้วยการนำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องออกมาใช้ทางการเมือง ควรตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงก่อน การที่นำข้อมูลโดยไม่มีข้อเท็จจริงมากล่าวหาจนทำให้สังคมเชื่อ นพ.วรงค์จะรับผิดชอบอย่างไร
ข่าวยังระบุอีกว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ในบางช่วงที่กล่าวถึงลูกสาว น.ส.ชุฏิมาถึงกลับร้องไห้เป็นระยะๆ และขอร้องไม่ให้เปิดเผยใบหน้าของตนเองและคนในครอบครัว เพื่อขออยู่อย่างสงบ
จากกรณีดังกล่าว สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตั้งข้อสังเกตดังนี้
1.น.ส.ชุฏิมา เลือกที่จะชี้แจงกับสื่อเพียงฉบับเดียว แทนที่จะเป็นเปิดแถลงข่าวใหญ่ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงตนเอง และคนในครอบครัว
2.การชี้แจงของ น.ส.ชุฎิมา เป็นการชี้แจงเพียงลำพัง ไม่ปรากฏชื่อ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ เข้าร่วมการชี้แจงด้วยแต่อย่างใด
ทั้งที่ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้โดยตรง ขณะที่สถานะของ น.ส.ชุฎิมา เป็นเพียงแค่หนึ่งในตัวละคร ที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่าง พ.ต.นพ.วีระวุฒิ และ เสี่ยเปี๋ยง โดยมี รถตู้โฟล์กสวาเกน ทะเบียน ฮธ 20 เป็นหลักฐาน
3.การชี้แจงของ น.ส.ชุฎิมา เกี่ยวกับที่มารถตู้โฟล์กสวาเกน ทะเบียน ฮธ 20 ที่ถูกกล่าวหาบริษัทค้าข้าวซื้อให้เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์นั้น ไม่มีการแสดงหลักฐานประกอบที่ชัดเจน โดยเฉพาะข้อมูลของบุคคล ที่มีการระบุว่า เป็นคนที่เพื่อนแนะนำ ให้เอารถตู้โฟล์กสวาเกนคันเดิมที่เครื่องเป็นดีเซล ไปเปลี่ยนมาว่าเป็นใคร?
4.น.ส.ชุฎิมา ปฏิเสธว่า ไม่ได้ดูว่าเป็นการรับโอนจากบริษัทหรือตัวบุคคล เพราะเห็นว่าเพื่อนแนะนำมา ทั้งที่ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และไม่ได้มีการแสดงหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งในข้อเท็จจริงการรับโอนรถยนต์จากบุคคลอื่น โดยจำไม่ได้ว่ารับมาจากใครถือเป็นเรื่องที่ผิดวิสัยของคนปกติทั่วไป และหากรับโอนมาจากบริษัท ส่วนใหญ่รถที่โอนมาจะเป็นรถของผู้บริหาร ที่ใช้งานไม่หนักมากจนเกินไป ซึ่งประเด็นนี้ควรจะมีการแสดงหลักฐานการรับโอนที่ชัดเจน ว่าโอนมาจากใครกันแน่
5.น.ส.ชุฏิมา ชี้แจงว่า ต่อมาเมื่อมีการหย่าจึงได้ขายรถคันให้กับเต็นท์ย่านบางบัวทอง และไม่ทราบว่ารถคันดังกล่าวไปอยู่ที่ใครแล้ว? ไม่มีการแสดงหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนอีกเช่นกัน โดยเฉพาะหลักฐานการขายรถให้กับบุคคลอื่นว่า ขายไปให้กับเต็นท์รถไหน วันที่เท่าไร ราคาเท่าไร รวมถึงวันที่มีการหย่าร้าง ว่าเมื่อไร เกิดขึ้นก่อนหรือหลังที่รับโอนรถมาจากบุคคลหรือบริษัท
6.น.ส.ชุฏิมา กล่าวอ้างว่า ถูกบุกรุกถึงที่บ้าน จนไม่มีความเป็นส่วนตัวและสร้างความหวาดกลัว? ในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เป็นหนึ่งในสื่อ ที่มีการส่งผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อยืนยันความถูกต้องในหลักฐานที่นายแพทย์วรงค์นำมาเปิดเผยต่อสาธารณะชนและให้ความเป็นธรรมต่อผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อมูลอย่างเต็มที่
โดยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง อยู่ที่บ้านเลขที่ 23 ซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ 55/1 เขตประเวศ กรุงเทพ ซึ่งระบุว่าเป็นที่อยู่ของ “น.ส.ชุฏิมา วัชระพุกกะ” ในเอกสารทะเบียนการถือครองรถ VOLKSWAGEN สีดำหมายเลขทะเบียน ฮธ 20 ตามหลักฐานที่ นพ.วรงค์ นำมาเปิดเผย พบว่า เป็นบ้านเดี่ยวหรูขนาดใหญ่ 2 ชั้น ในหมู่บ้าน กรองทอง พาวิลเลี่ยน ย่านเขตประเวศ หน้าหมู่บ้านมีเจ้าหน้าที่รปภ.ตรวจสอบอย่างละเอียด
สภาพบ้านของ น.ส.ชุฏิมา วัจนะพุกกะ
ด้านหน้าบ้าน มีป้ายแขวนระบุ “บ้านวัจนะพุกกะ” นามสกุล พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการฯ รมว.พาณิชย์
เมื่อผู้สื่อข่าวกดกริ่งเรียกคนในบ้านอยู่พักหนึ่งมีเด็กผู้หญิงวัยรุ่นเปิดประตูบ้านออกมาพบ ผู้สื่อข่าวถามว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของ น.ส.ชุฏิมา วัจนะพุกกะ ใช่หรือไม่ วัยรุ่นคนดังกล่าวระบุว่า “ใช่ แต่ตอนนี้แม่ไม่อยู่ มีธุระอะไร”
ผู้สื่อข่าวได้แจ้งว่า ต้องการจะมาขอสัมภาษณ์ข้อมูลเกี่ยวกับ การรับโอนรถจากบริษัท สยามอินดิก้า
ก่อนจะถามต่อว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนพุกกะ อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วยหรือไม่ หญิงวัยรุ่นระบุว่า “ไม่สามารถให้สัมภาษณ์ใดๆได้” ก่อนจะขอตัวกลับเข้าบ้านไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2556 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง พ.ต.นพ.วีระวุฒิ เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว
ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน้าห้องทำงานของ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ที่กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ไม่ได้เข้ามาที่กระทรวงพาณิชย์ ขอให้แจ้งเรื่องไว้ จะติดต่อกลับมาอีกครั้ง
กระทั่งปัจจุบันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด
7.น.ส.ชุฏิมา อ้างว่าบ้านไม่ได้ใหญ่โต และมีภาระผ่อนบ้านมาตลอด ประเด็นนี้ คำถามที่น่าสนใจอยู่ที่บ้านหลังนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของใคร เพราะแม้น.ส.ชุฏิมา จะอ้างว่าหย่าร้างกับสามี แต่ป้ายหน้าบ้านก็ยังใช้นามสกุลสามีอยู่ และปัจจุบันก็ยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน สามีมีตำแหน่งใหญ่โตในกระทรวงพาณิชย์ ไม่สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในบ้านได้หรือ?
8. น.ส.ชุฏิมา กล่าวอ้างว่า ไม่อยากให้ทำการเมือง เนื่องจากเห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องสกปรกและครอบครัวอาจถูกทำลายได้ อย่างที่กำลังเจอขณะนี้
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ คือ ปัจจุบัน พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ยังคงเล่นการเมืองอยู่ และในช่วงที่ผ่านมาก็ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง เป็นทั้งผู้ช่วยเลขานุการ รมว.กระทรวงพาณิชย์สมัยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการรมว.กระทรวงพาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และปรากฏชื่ออยู่ในคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องข้าวหลายชุด
และจากการสอบถามข้อมูลชาวบ้านในบริเวณบ้านหลังดังกล่าว ได้รับแจ้งว่า บ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านของ น.ส.ชุฏิมา วัจนะพุกกะ มีสามี เป็นนายตำรวจใหญ่ และปัจจุบันก็พักอาศัยอยู่ด้วยกันมาตลอด
ด้านนายแพทย์วรงค์ กล่าวยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า การอภิปรายข้อมูลเรื่องข้าวของตน ให้ความสำคัญกับเรื่องเอกสารหลักฐานเป็นหลัก ก่อนจะนำข้อมูลมาเปิดเผย จะมีการตรวจทานและเช็คข้อมูลจนกว่าจะแน่ใจ ไม่เคยมีข่มขู่ใคร และในข้อเท็จจริงจะไม่พยายามพูดถึง คนที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือคนในครอบครัวของใคร
แต่สาเหตุที่ต้องมีการระบุชื่อถึง “นางชุฏิมา วัจนะพุกกะ” หรือ “น.ส.ชุฏิมา วัชระพุกกะ” เพราะปรากฎชื่อเป็นผู้รับโอนรถต่อมาจากบริษัทสยามอินดิก้า ซึ่งรถคันนี้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะเชื่อมโยงให้เห็นภาพความสัมพันธ์ระหว่าง พ.ต.นพ.วีระวุฒิ กับ เสี่ยเปี๋ยง ผู้ก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ให้สังคมได้เห็น ความจริง โดยมีหลักฐานยืนยันชัดเจน
“ผมอยากฝากไปถึงตัวเลขาฯ รมต. และนักการเมืองทุกคน ว่า เรื่องแบบนี้ ควรจะออกมาชี้แจงข้อมูลด้วยตนเอง ดีกว่าให้คนในครอบครัวออกมาพูดแทน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ได้ และที่สำคัญควรจะนำเอกสารหลักฐานที่ชัดเจน มาเปิดเผยด้วย เพราะทุกคนที่ผมพูดผมมีหลักฐานมาแสดงประกอบเสมอ และสามารถตรวจสอบได้ ”
น่าสังเกตว่าคำชี้แจงทั้งหมดของ “นางชุฏิมา” เป็นเพียงคำพูด ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารยืนยันประกอบชัดเจน ?
---------------
(อ่านประกอบ ใน ดูชัดๆ “โฟล์คสวาเก้น”มัดสัมพันธ์ลึก เสี่ยเปี๋ยง - เมียเลขาฯรมว.พาณิชย์ )